ตอนที่ 9 มีเนื้อมากขนาดไหน?
กระต่ายตัวนี้ทำให้จ้าวเหวินเทาตื่นเต้น สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่กระต่าย แต่เป็นเนื้อกระต่ายน้ำมันเยิ้มหนึ่งหม้อต่างหากล่ะ!
ขณะที่กำลังจะไต่ลงจากต้นไม้อย่างระมัดระวังเพื่อจับกระต่าย เขาก็ดันเหยียบกิ่งไม้แห้งที่อยู่ใต้เท้าจนหักไปหนึ่งกิ่งโดยไม่ทันได้ระวัง
เสียงไม้แห้งหักดัง ‘แกรก’ ก่อนจะร่วงหล่นลงไป
“แย่แล้ว!” จ้าวเหวินเทาร้อนใจ เนื้อที่ส่งมาถึงปากกำลังจะโดดหนีไปแล้ว
ตอนที่เขากำลังจะกระโดดลงไปจับกระต่ายโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดนั้น จู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาถึงกับตะลึงงัน เพราะกระต่ายตัวนั้นตกใจจนกระโดดดีดตัวโหม่งศีรษะเข้ากับต้นไม้และตายด้วยตัวมันเอง!
“หา?” จ้าวเหวินเทาชะงัก
เดิมทีเขาคิดจะกระโดดลงไป แต่เมื่อเห็นกระต่ายตัวนั้นโหม่งชนต้นไม้จนขากระตุกอยู่สองครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป เช่นนั้นก็คงไม่ต้องรีบร้อนแล้ว เขาจึงปีนต้นไม้ลงมาด้านล่าง
เขาจับหูกระต่ายยกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “คนโบราณมีสำนวนว่าเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย ไอ้เราก็คิดว่าเป็นแค่คำพูดหลอกเด็ก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกระต่ายโง่แบบนี้จริง ๆ”
เอาล่ะ ได้เนื้อมาหนึ่งหม้อแล้ว
จ้าวเหวินเทาเริ่มเก็บผลไม้ป่า ตะกร้าใบเล็กที่เขานำมาด้วยนั้นทำจากตอกไม้ไผ่สานฝีมือของพ่อเขา ครั้นใส่ไปได้ครึ่งค่อนตะกร้า เขาก็เก็บจนหมดเกลี้ยงแล้ว
หลังจากปิดฝาตะกร้า เขาก็คิดอยากจะหิ้วกระต่ายกลับไปที่บ้าน เพราะหากหิ้วกระต่ายตัวนี้กลับบ้านโดยไม่มีฟืนก็คงไม่มีใครกล้าด่าอะไรเขา
แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว เขาคิดว่ากระต่ายตัวนี้สะดุดตาเกินไปหน่อย
ตอนนี้ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่แม้แต่หญ้าใบเดียวก็ไม่สามารถขยับตามอำเภอใจได้ ตอนนี้ตราบใดที่มีความสามารถก็สามารถนำของป่าจากบนเขากลับไปกินที่บ้านได้
ทั้งยังเป็นแหล่งเนื้อสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดภายในหมู่บ้านด้วย
แต่วันนี้พี่ใหญ่ไช่เพิ่งจะนำเนื้อมาให้หนึ่งชั่ง หากเขาหิ้วกระต่ายตัวนี้กลับไป มันจะไม่สะดุดตาเหรอ? คนอื่นเห็นคงได้อิจฉาตาร้อนแน่
ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เก็บฟืน จะว่าไปวันนี้เขาก็โชคดีไม่เบา เพราะตอนที่เก็บฟืน ก็ได้เจอกับรังไก่ฟ้าด้วย
ตัวแม่ไก่นั้นไม่อยู่ แต่ในรังนั้นมีไข่อยู่ 7-8 ฟอง!
ขนาดของไข่ไก่ฟ้าย่อมไม่อาจเทียบไข่ไก่ได้ แต่ไข่ไก่ฟ้าจำนวน 7-8 ฟองก็นับว่าไม่น้อยเลย เขาจึงเทราสเบอร์รี่ที่อยู่ในตะกร้าใบเล็กออกมา หลังจากวางไข่ลงไป จึงนำราสเบอร์รี่ใส่กลับเข้ามาตามเดิม
วันนี้เก็บไข่ไก่ฟ้าได้ 7-8 ฟอง ได้ราสเบอร์รี่ แถมยังมีกระต่ายอีกหนึ่งตัวด้วย
จ้าวเหวินเทาแบกฟืนมัดหนึ่งลงจากเขาอย่างอารมณ์ดี
ตอนเช้าคนอื่นไปทำงานส่วนเขาขึ้นเขา ตอนเที่ยงคนอื่นเลิกงานส่วนเขาลงจากเขา แต่ด้วยความพยายามในช่วงเช้านี้ หากเป็นคนอื่นที่ทำงานเป็น ก็คงแบกฟืนจำนวนมากกลับมา!
แต่คนคนนี้สุดยอดเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาแบกฟืนมัดเล็กมัดเดียวกลับมาที่บ้าน
“เหวินเทา ฟืนที่แบกมานี่ใช้เวลาตัดไปครึ่งวันเลยเรอะ?” ป้าใหญ่ของจ้าวเหวินเทาพูดเหน็บแนม
“สวัสดีครับป้าใหญ่” จ้าวเหวินเทาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเหน็บแนมเขา กลับทักทายด้วยรอยยิ้ม
“พี่เหวินเทา บาดแผลบนร่างกายดีขึ้นรึยัง?” ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาถามขึ้น
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ ฉันแบ่งราสเบอร์รี่ให้นายเอาไปกินนะ” ระหว่างที่จ้าวเหวินเทาพูด เขาก็หยิบราสเบอร์รี่หนึ่งกำมือออกมาจากตะกร้าใบเล็ก
“ฮ่า ๆ ขอบคุณมากนะพี่เหวินเทา” ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ยิ้มแก้มปริ
“เอาล่ะ ฉันกลับแล้วนะ” จ้าวเหวินเทาพูด
เขาเผชิญหน้ากับสายตาของชาวบ้านที่กำลังส่ายหน้า ขณะเดินทางกลับบ้านอย่างอิสระ
ในเวลานี้ทุกคนอยู่ที่บ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว รวมถึงเย่ฉูฉู่ที่กลับมาด้วยความกังวลใจ แม้ว่าบนเขาจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ที่นั่นก็เป็นป่าเขาลำเนาไพรนะ ทั้งยังมีหมูป่าอะไรพวกนั้นด้วย หากเจอพวกมันเข้าก็ย่อมเป็นอันตราย
ยิ่งเขายังไม่กลับมาแบบนี้ มันทำให้นางยืนรออยู่ด้านนอกประตูหลายครั้งแล้ว
คุณแม่จ้าวเห็นก็แอบรู้สึกปลื้มใจ ลูกสะใภ้หกรู้จักเป็นห่วงสามีของตนเองแล้วสินะ
เหล่าพี่สะใภ้เห็นแล้วก็แอบรู้สึกไม่อยากจะมอง โดยเฉพาะพี่สะใภ้สี่จ้าว หล่อนถึงกับพูดขึ้น “น้องสะใภ้หก น้องสามีไม่หายไปไหนหรอก ต่อให้เขาหลับตาอยู่ในป่าก็เดินกลับมาได้ เธอไม่ต้องรอขนาดนั้นก็ได้”
“ตั้งแต่เมื่อวานฉันก็รู้สึกว่าน้องสะใภ้หกกับน้องสามีตัวติดกันหนึบเชียว วันนี้พอได้เห็นก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วย นี่แค่ขึ้นไปบนเขาเองนะ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าที่เธอเป็นห่วงแบบนี้เพราะเขาเข้าเมืองหลวง” พี่สะใภ้สามพูดแซว
เย่ฉูฉู่รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก “เขายังมีบาดแผลอยู่บนตัว ฉันก็เลยเป็นกังวลน่ะค่ะ”
“ภรรยา ผมกลับมาแล้ว” เพิ่งพูดจบ เสียงของจ้าวเหวินเทาก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มทักทายเธอ
เย่ฉูฉู่มีดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะยิ้มตาหยีต้อนรับเขา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จ้าวเหวินเทาเห็นภรรยาของตนเองเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสุขกายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
“คงจะเหนื่อยแล้วใช่ไหมคะ? ตัดฟืนกลับมาเยอะแยะเลย” เย่ฉูฉู่พูด
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงคิดว่าจ้าวเหวินเทาตัดฟืนกลับมามากจริง ๆ จนกระทั่งจ้าวเหวินเทาเดินเข้าประตูบ้าน ทุกคนก็มองไปที่ฟืนมัดนั้นที่เขาแบกมา
ทุกคนพลันหยุดชะงัก “…”
พี่สามจ้าวออกไปดูอย่างไม่เชื่อสายตา แต่เขาก็พบว่าด้านนอกไม่มีฟืนที่ยังไม่นำเข้ามาจริง ๆ!
“น้องหก ลำบากนายแล้วจริง ๆ ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวัน กลับได้ฟืนกลับมามากขนาดนี้” พี่สามจ้าวพูดขึ้นทันใด
“พี่จะไปเข้าใจอะไรล่ะครับ? พี่จะไปรู้ได้ไงว่าผมลำบากขนาดไหน?” จ้าวเหวินเทาสวนกลับไปอย่างไม่เกรงใจ
พี่สามจ้าวถึงขั้นสำลัก ขณะเอ่ยขึ้นว่า “เออ ๆ ๆ นายตัดฟืนมามัดหนึ่งมันเป็นเรื่องลำบากและเหนื่อยที่สุดแล้ว ฟืนมัดนี้ของนายสามารถเผาได้หนึ่งปีเลย”
พี่สะใภ้สี่จ้าวแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พี่สามีสามก็พอจะรู้ดีอยู่แก่ใจตัวเอง ไม่เหมือนกับสามีของหล่อน เห็นความไม่ยุติธรรมแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร น่าโมโหจะตายอยู่แล้ว
“งั้นพี่สามอยากจะดูจริง ๆ หรือเปล่าล่ะครับ? ว่าฟืนมัดนี้สามารถเผาได้หนึ่งปีหรือเปล่า” จ้าวเหวินเทาเยาะเย้ย ก่อนจะโยนมัดฟืนไปที่เท้าของเขา
พี่สามจ้าวไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป จ้าวเหวินเทาเลิกคิ้วพูด “เอาเข้าไปในห้องครัว ไว้ให้แม่จุดไฟเถอะครับ”
“เดี๋ยวพี่ขนเข้าไปเอง” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะแบกฟืนเข้าไปด้านในห้องครัว
จ้าวเหวินเทาตะโกนจากด้านนอก “พี่สะใภ้สาม อย่าลืมกระจายฟืนด้วยนะครับ ด้านในนั้นยังมีไม้ที่ยังไม่แห้ง”
“จ้ะ” พี่สะใภ้สามขานตอบ จากนั้นไม่นาน หล่อนก็วิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้น “น้องหก น้องหก!”
“เป็นอะไรไป?” พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด
“คุณเข้ามาดูสิ!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูด
“เบาเสียงหน่อย!” คุณแม่จ้าวที่กำลังทำกับข้าวตามออกมาเอ็ดเบา ๆ
คนอื่น ๆ ได้ยินแล้วก็หันมาสบตากัน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องครัว
จากนั้นจึงพบว่ามีกระต่ายป่าหนึ่งตัว กระต่ายตัวใหญ่อวบอ้วนขนาดนั้น คาดว่าหลังจากที่ถูกถลกหนังแล้วก็จะมีเนื้อสะอาดหนักราว 3-4 ชั่ง!
ทุกคนชะงักงัน ไม่แปลกใจที่พี่สะใภ้สามจะตื่นเต้น พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นกับสิ่งนี้ได้อย่างไรล่ะ? กระต่ายอ้วนขนาดนี้ ต้องมีเนื้อเยอะมากแน่นอน!
สมาชิกทั้งหมดต่างถูกคุณแม่จ้าวปิดปากไว้ ไม่ให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ข้างนอก แอบกินกันอยู่ในบ้านก็พอแล้ว ไม่อนุญาตให้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!
ใครกล้าแพร่งพรายออกไปก็จะเป็นผู้กระทำความผิดภายในบ้าน แม้แต่เนื้อคำเดียวก็อย่าหวังว่าจะได้กิน!
ครั้นคำพูดนี่ถูกพูดออกมา สามต้านและสี่ยาต่างพากันปิดปากเงียบสนิท คุณย่าของพวกเขาพูดจริงทำจริง พูดออกไปแค่คำเดียวก็จะไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ความสามารถของเหวินเทานี่คือการเรียกสัตว์ให้เข้ามาหาหรือเปล่านะ อยู่ดี ๆ กระต่ายตายแบบโง่ๆ ให้เอาไปกินเฉย
ระหว่างฟืนกับกระต่ายอยากได้อย่างไหนมากกว่ากันล่ะ /เหวินเทาไม่ได้กล่าว/
ไหหม่า(海馬)