ตอนที่ 108 ร่ำรวยแบบเงียบ ๆ
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร และคนอื่นจะพูดขบขันว่าตนเองขาดแคลนเงินเช่นไร จ้าวเหวินเทาก็ยังคงใช้ชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองต่อไป
ตอนที่ไม่สะดวกออกไปค้าขายข้างนอก เขาก็ขลุกตัวปรนนิบัติภรรยาของเขาอยู่ในบ้าน รอจนท้องฟ้าสดใสได้สองสามวัน หิมะบนท้องถนนถูกกดทับมาก ๆ จนเป็นทางรถแล้ว เขาจึงออกไปวิ่งรถกับเย่หมิงเป่ยอีกครั้ง
นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว แต่ละบ้านจึงหยุดใช้โม่หินบดอาหารแห้ง ถึงเวลาทำเต้าหู้แล้ว
ผู้คนในตอนนี้ต่างก็พึ่งพาตนเอง ถ้าตนเองสามารถทำเองได้ก็จะไม่ยอมจ่ายเงินซื้อเด็ดขาด การทำเต้าหู้ก็เช่นกัน ต้มถั่วสิบกว่าชั่งเพื่อทำเต้าหู้หนึ่งโอ่ง สามารถรับประทานได้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
นอกจากทำเต้าหู้แล้ว ยังต้องซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดครั้งใหญ่ เตรียมกลอนคู่ กว้าเฉียน[1] และอื่น ๆ อีก
พี่รองจ้าวรับผิดชอบกว้าเฉียนในบ้าน ในทุก ๆ ปีเขาจะเป็นคนแกะสลักด้วยเครื่องมือขนาดเล็กหนึ่งชุดที่ทำขึ้นมาเอง ซื้อกระดาษหลากสีสันมาเล็กน้อย นำมาเย็บเข้าด้วยกัน ตอกลงบนแผ่นไม้ ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถแกะสลักออกมาได้แล้ว
ปีนี้แยกบ้านแล้ว พี่สามจ้าวต้องแกะสลักเอง พี่สี่จ้าวและจ้าวเหวินเทาไปซื้อกระดาษกว้าเฉียนมาให้พี่รองจ้าวช่วยทำให้
ส่วนกลอนประตูคู่ก็ให้จ้าวเหวินจื้อและพ่อของเขาเขียนด้วยกัน
ตระกูลจ้าวของพวกเขาสองพ่อลูกต่างก็เป็นคนมีวัฒนธรรมทั้งคู่ เขียนตัวอักษรพู่กันจีนได้ไม่เลวเลย มีคนนำกระดาษสีแดงไปหาสองพ่อลูกเพื่อให้เขียนและตัดให้ บางคนก็ตัดไว้ดีแล้วแต่ให้ช่วยเขียนให้
เย่ฉูฉู่เองก็เขียนตัวอักษรพู่กันจีนเป็น เธอเขียนได้ไม่เลวเลย จึงอยากเขียนด้วยตัวเอง
จ้าวเหวินเทาตกตะลึง ภรรยาของเขาวาดรูปเป็น ทั้งยังเขียนตัวอักษรพู่กันจีนได้ด้วย เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?
เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่นั้นมีความอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวเหวินเทาไม่ค่อยเข้าใจว่าเพราะเหตุใด ภรรยาของทำสายตาแบบนี้คืออะไรกัน? มีบางครั้งภรรยาของเขาก็มองเขาแบบนี้ ราวกับว่ามองทะลุเขาเพื่อมองว่าเขาเป็นคนอย่างไร
“ได้ ภรรยาพูดยังไงก็ทำตามนั้น ผมซื้อกระดาษแดงกลับมาแล้ว ถ้าไม่พอคุณก็บอกได้นะ ผมจะไปซื้อมาให้อีก!” จ้าวเหวินเทากอดภรรยาที่ดูคล้ายกับจะปลิวไปพร้อมกับลมได้ทุกเมื่อ ขณะกล่าวปลอบใจ
เย่ฉูฉู่เอนตัวพิงเหวินเทา การเขียนอักษรและวาดด้วยพู่กันจีนของเธอเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนนี้สอนทั้งหมด แต่ผู้ชายคนนี้กลับจำอะไรไม่ได้ เธอจึงแอบรู้สึกเจ็บปวด
เย่ฉูฉู่เก็บความรู้สึกเรียบร้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร กลอนคู่ไว้ให้เป็นหน้าที่ฉันก็พอแล้วค่ะ”
จ้าวเหวินเทาเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรสำหรับภรรยา นี่ก็อาจจะเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์อาจจะมี
พี่สาวใหญ่และพี่สาวห้าก็เคยพูดแล้วว่าตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์ต้องปลอบใจเธอเยอะ ๆ ตอนตั้งครรภ์อารมณ์จะขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่แน่นอน นั่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าภรรยาอารมณ์ดีแล้ว เขาจึงยิ้มแย้มและไปทำงานของตัวเอง
เย่ฉูฉู่ตัดกระดาษแดงเอง จากนั้นหยิบพู่กันและหมึกออกมา ตอนที่เธอถือพู่กันอยู่นั้นก็ได้ตกอยู่ในภวังค์ ราวกับทะลุมิติกาลเวลากลับไปในห้องตำราที่มีกลิ่นอายของความเป็นยุคโบราณนั้นอีกครั้ง
ครั้นเงยหน้าขึ้นก็พบต้นเหมยแห่งเหมันตฤดูยืนต้นท่ามกลางหิมะนอกหน้าต่าง เบ่งบานโดยไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด นอกจากนี้ยังมีองค์ชายและสหายของเขากำลังนั่งดื่มสุราจิบชาอยู่ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อดไม่ได้ที่จะจรดพู่กันเขียนไปว่า แขกเหรื่อมาเยือนมิขาดสาย จอกสุราจิบมิหมดจอก[2]!
ปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ตลาดนัดสุดท้ายของปีเก่าถูกเรียกว่า ‘การรวมตัวของบุรุษจอมขี้เกียจ’
ความหมายก็คือคนที่ขยันได้ซื้อของปีใหม่ที่ควรซื้อไปตั้งนานแล้ว เหลือก็แค่บุรุษจอมขี้เกียจที่ลากเวลามาจนถึงตลาดนัดสุดท้าย
เป็นเพราะบุรุษขี้เกียจมีจำนวนน้อย ดังนั้นตลาดนัดแหล่งสุดท้ายจึงแทบไม่มีอะไรเลย ลืมซื้อของอะไร ปีที่แล้วก็ปล่อยไปตามนั้น ส่วนปีนี้มีจ้าวเหวินเทาอยู่ จึงเจอแหล่งซื้อแล้ว ขาดเหลืออะไรก็มาถามได้
“จ้าวเสี่ยวลิ่ว นายมีเกลือไหม?”
“พี่จ้าวหก มีผงพริกฮวาเจียวไหม?”
“เจ้าหนูตระกูลจ้าว นายเอากระดาษแดงเข้ามาหรือเปล่า?”
“มีประทัดคู่ไหม?”
“ผมเปียล่ะ?”
“นายมียางมัดผมสีแดงไหม?”
“ฉันยังขาดกระดาษเหลือง มีหรือเปล่า?”
“เด็กผู้ชายอ้วนอุ้มปลาตัวใหญ่มีไหม?”
เยี่ยมเลย เห็นจ้าวเหวินเทาเป็นตลาดนัดเสรีไปเสียแล้ว
จ้าวเหวินเทาต้อนรับลูกค้าอย่างมีความสุข อันที่จริงของที่หมู่บ้านต้องการเขามีทั้งหมด เขาทำงานนี้ทั้งที ถ้าแม้กระทั่งของที่คนในหมู่บ้านเหล่านี้ต้องการยังมีไม่ครบ เขายังจะทำการค้าขายไปทำไม?
เขากลัวว่าจะรบกวนภรรยา จึงย้ายของไปไว้ที่บ้านของคุณพ่อและคุณแม่จ้าวและทำการต้อนรับคนที่มา ณ ที่แห่งนี้ หลังจากขายของให้บรรดาบุรุษจอมขี้เกียจที่มารวมตัวกันตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เขาได้เงินมา 100 กว่าหยวน!
นอกจากคนในหมู่บ้านก็ยังมีหมู่บ้านข้างเคียงด้วย ถึงอย่างไรที่นี่ก็ใกล้กว่าตลาดนัด อากาศหนาวถนนลื่น เดินทางมาที่นี่ยังได้ผิงเตาไฟ คุยเล่นเรื่อยเปื่อย ได้นั่งบนเตียงเตาร้อน ๆ ค่อย ๆ เลือกของ ตลาดนัดนั้นเป็นที่เปิดโล่ง อากาศแบบนี้ไปซื้อของช่างทุกข์ทรมาน
ช่วงสองสามวันมานี้คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวได้รับประทานไม่หยุด เพราะมีคนมาหาอย่างต่อเนื่อง
ถ้าจ้าวเหวินเทาอยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะเขาจะเป็นคนแนะนำเอง แต่บางครั้งจ้าวเหวินเทาก็ยังต้องส่งของ พวกเขาจึงต้องดูให้
ตอนแรกจ้าวเหวินเทาเก็บของไว้ในบ้านมากขนาดนี้ สองสามีภรรยาชราก็แอบรู้สึกกังวลว่าจะขายไม่ออกและเก็บทิ้งไว้จนฝุ่นเกาะ ฝุ่นเกาะน่ะไม่เท่าไรหรอก ที่สำคัญคือของเหล่านี้คือเงินทั้งนั้นเลยนะ
แต่เทียบกับคนที่เดินทางมาเรื่อย ๆ คนนี้หนึ่งอย่างคนนั้นสองอย่าง มองแบบนี้แล้วของก็ยังไม่ได้มากพอเท่าไรเลย
ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็จะปีใหม่แล้ว จำนวนเท่านี้ก็ถือว่าพอดี
ในตอนค่ำจ้าวเหวินเทาหิ้วของที่เหลือกลับมาที่บ้านหลังเล็กของตัวเอง เพื่อคำนวณบัญชีกับภรรยา
“นี่เป็นรูปภาพปีใหม่ที่เก็บไว้ให้พวกเรา เด็กชายอวบอ้วน!” จ้าวเหวินเทาคลี่รูปภาพปีใหม่ออกมาสองใบ บนนั้นมีเด็กตัวผู้ชายตัวอ้วนกำลังอุ้มปลาตัวใหญ่ สีสันสดใสมาก มองแล้วน่ายินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง
เย่ฉูฉู่คลี่อีกภาพออกมา กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ทำไมถึงเหลือไว้เหมือนกันสองแผ่นล่ะคะ? ทำไมไม่เอาเทพเจ้าแห่งโชคลาภกลับมา”
“จริงเหรอ? ไหนผมดูหน่อย” เมื่อจ้าวเหวินเทาได้มอง ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ “ไม่รู้ใครเลือกภาพแล้วเลือกภาพแบบเดียวกันมาให้ผมสองแผ่น!”
เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ดูของชิ้นอื่นสิมีอะไรอีกไหม?”
จ้าวเหวินเทานำของมาวางลงบนเตียงเตา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแล้ว
สาหร่ายหนึ่งม้วน ประทัดคู่สองม้วน ประทัดแขวนขนาดเล็กหนึ่งเส้น นอกจากนี้ยังมีเกลืออีกสองถุง และผงพริกฮวาเจียวอีกสองห่อ
“ดูเหมือนว่าการค้าจะดีจนน่าตกใจเลยนะคะ?” เย่ฉูฉู่ยิ้ม เธอเองก็เห็นแล้วว่าสามีของเธอนำของกลับมามากขนาดไหน
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ กล่าวว่า “ผมเองก็บอกพ่อกับแม่ไปแล้ว บอกว่าอย่าขายทั้งหมด ให้พวกเราเหลือไว้ใช้ตอนปีใหม่สักหน่อย พวกเขาก็จริง ๆ เลย ขายจนหมดเกลี้ยง”
“พ่อกับแม่ช่วยคุณขายของคุณก็ยังจะบ่นอีก” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมรู้น่า แล้วพวกเราจะกินอะไรตอนข้ามปีล่ะ?” จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ
“คุณยังพูดว่าจะกินอะไรอีกเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว “ห้องใต้ดินยังมีผักอีกตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไหนจะเนื้อแกะเนื้อหมูจำนวนมากที่พี่สะใภ้สามให้ฉันมา ไข่ไก่ก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะ คุณยังพูดว่าจะกินอะไรตอนข้ามปีอีก?”
“ดีล่ะ ได้ฟังแบบนี้แล้ว ปีใหม่นี้ของเราก็คงฉลองกันได้ไม่เลวเลย” จ้าวเหวินเทายิ้ม
“นับเงินเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม หยิบเงินออกมา จากนั้นสองสามีภรรยาก็เริ่มนับเงิน
จ้าวเหวินเทาเองก็รู้ดีว่าขายของออกไปมากขนาดนั้น ย่อมได้เงินอยู่แล้ว ไม่นับก็ยังไม่รู้ แต่พอได้นับก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
หักเงินทุนที่นำของมา เขาได้กำไรมากถึง 160.53 หยวน!
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกเหนือความคาดหมาย
“เยอะขนาดนี้เลยล่ะ!” จ้าวเหวินเทายิ้มแฉ่ง กล่าวว่า “พี่สะใภ้สามสมกับที่เป็นนักศึกษาจริง ๆ นี่เป็นไปตามคำพูดนั้นของหล่อนจริง ๆ กำไรน้อยแต่เน้นขายปริมาณมาก!”
ใครจะไปคิดว่าของเล็กน้อยนี้จะทำให้เขาทำเงินได้มากขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่นี้?
……………………………………………………………………………………………………………………….
[1] กว้าเฉียน (挂钱) ชาวบ้านในชนบททางเหนือจะใช้กระดาษหลากสีนำมาแกะสลักลวดลายมงคลและคำต่าง ๆ รูปร่างคล้ายกับซองอั่งเปา แต่จะนำส่วนบนแปะยึดไว้ ส่วนด้านล่างปล่อยให้พลิ้วไปตามลม เพื่อเรียกทรัพย์สินเงินทอง
[2] แขกเหรื่อมาเยือนมิขาดสาย จอกสุราจิบมิหมดจอก (座上客常满,杯中酒不干) หมายถึง ภายในบ้านมีความครึกครื้น มีแขกมาเยือนทุกวันไม่ขาดสาย รินสุราลงแก้วให้แขกเต็มแก้วตลอด จนไม่มีช่วงเวลาที่สุราหมดแก้ว
สารจากผู้แปล
รวยรับปีใหม่เลยทีเดียว มาถูกทางแล้วเหวินเทา
ไหหม่า(海馬)