ตอนที่ 12 แม่ยายเป็นคนมีเหตุผล
จ้าวเหวินเทาก็ไม่เกรงใจเช่นกัน แต่ก่อนที่จะออกจากบ้านเขาก็นำไข่ไก่ฟ้า 8 ฟองที่ซ่อนอยู่มอบให้ผู้เป็นแม่ เพื่อให้นางช่วยต้มให้
“ไอ้เด็กแสบนี่ ยังจะกล้ามีลับลมคมในอีกนะ” คุณแม่จ้าวก่นด่าด้วยรอยยิ้ม
“แม่กับพ่อเอาไปสี่ฟอง ส่วนของผมกับภรรยาสี่ฟอง แม่ต้มเสร็จช่วยเอาไปเก็บไว้ที่ห้องทีนะครับ ผมไปล่ะ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
บ้านของเย่ฉูฉู่มีแซ่ว่าเย่ เป็นครอบครัวใหญ่ทางฝั่งหมู่บ้านตระกูลเย่ และไม่ได้ห่างจากตระกูลจ้าวทางฝั่งนี้มากมายเท่าไรนัก เดินทางเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ถึง
จ้าวเหวินเทาชอบมาเป็นแขกที่บ้านของพ่อตาแม่ยายมาก เพราะแม่ยายของเขาพอใจเขาเป็นอย่างยิ่ง
เขาเองก็ได้ยินมาว่า เดิมทีพ่อตาไม่พอใจเอาเสียเลยหลังจากพูดถึงเรื่องจับคู่แต่งงานระหว่างเขากับภรรยา ทั้งยังรังเกียจที่เขาทำงานไม่เป็น เอ้อระเหยลอยชาย ไม่ทำการทำงานเป็นเรื่องเป็นราว
แต่แม่ยายของเขาตาถึง ตอนที่เจอเขาข้างนอก แค่เห็นเพียงปราดเดียวนางก็ชอบเขาแล้ว ทั้งยังเอาชนะทุกความยากลำบากเพื่อให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา รวมถึงมอบสินเดิมเป็นสิ่งของมาให้ไม่น้อย
ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงรู้สึกซึ้งใจต่อแม่ยายคนนี้ หากไม่ใช่เพราะแม่ยาย เขาจะได้ภรรยาที่มีความรอบคอบและพิถีพิถันแบบนี้ได้อย่างไรกัน
จ้าวเหวินทาวคิดเช่นนี้เขาก็ลืมเรื่องราวตอนที่พวกเขาสองสามีภรรยาทะเลาะกันเสียสนิท ตอนนั้นเขาเคยใส่ร้ายแม่ยายไปไม่น้อยว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะภรรยาของเขาดุเกินไปจนขายไม่ออกแม่ยายจึงถูกใจเขา
เขาเดินหิ้วปลาตัวนี้อย่างมีความสุข
คุณแม่เย่กำลังหั่นผักเตรียมให้อาหารไก่อยู่ ทางฝั่งตระกูลเย่เลี้ยงไก่ไว้เป็นจำนวนมาก จนเกือบจะเป็นฟาร์มไก่ที่มีไก่หลายสิบตัว
แน่นอนว่าพวกเขาเลี้ยงมันไว้หลังบ้านทั้งหมด ไม่ได้ปล่อยออกไป คนที่อยู่ด้านนอกจึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเลี้ยงกี่ตัว
แม้ตอนนี้การจำกัดจำนวนไก่ในแต่ละครัวเรือนจะถูกยกเลิกไปแล้วและยังอนุญาตให้จัดการเป็นการส่วนตัวได้ แต่ก็ยังมีคนมากมายในชนบทที่ดูหมิ่นคนยากจนและไม่ต้องการให้คนๆ นั้นร่ำรวย
ถึงตระกูลเย่จะเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ก็ยังทำตัวติดดินอยู่ดี บ่อยครั้งที่พี่ใหญ่เย่ พี่รองเย่ พี่สามเย่และคนอื่น ๆ จะแบกตะกร้าไข่ไก่เดินเข้าไปในเมือง “ด้วยตัวเอง”
“คุณแม่ครับ!” เนื่องจากประตูไม่ได้ปิด จ้าวเหวินเทาที่เดินมาถึงก็พบว่าแม่ยายเขากำลังยุ่งอยู่ด้านในบ้าน
“เหวินเทามาแล้วเหรอ?” เมื่อคุณแม่เย่เห็นลูกเขยสุดหล่อ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“มาแล้วครับ วันนี้ตกปลามาได้ตัวหนึ่ง ก็เลยตั้งใจเอากับข้าวมาเพิ่มให้คุณแม่กับคุณพ่อครับ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่เย่เห็นปลาที่เขานำมา จึงพูดเจือรอยยิ้ม “ทำไมต้องเอามาที่นี่ด้วยล่ะ? ที่บ้านนั้นมีคนตั้งเยอะแยะ”
“ที่นี่ก็มีคนเยอะเหมือนกันครับ” จ้าวเหวินเทายิ้ม และถามว่า “คุณพ่อกับคนอื่น ๆ ไม่อยู่บ้านเหรอครับ?”
“ไม่อยู่จ้ะ พวกเขาออกไปทำงานกันหมดยังไม่กลับมาเลย” คุณแม่เย่พยักหน้า
“ถ้างั้นก็เหนื่อยแย่เลยนะครับ” จ้าวเหวินเทาพูด
“ก็ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ” คุณแม่เย่พูด ก่อนจะกระซิบ “แม่คุยกับพ่อแล้วว่า ให้เลี้ยงหมูที่บ้านสักสองตัว รอจนโตเต็มที่ส่งไปที่สถานีรับซื้อสินค้า คิดดูสิว่าจะได้เงินตั้งเท่าไหร่?”
“นี่เป็นเรื่องที่ดีเลยนะครับ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความอิจฉา
“แต่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยน่ะสิ” คุณแม่เย่พูดอย่างจนปัญญา
“ทำไมไม่เห็นด้วยล่ะครับ? หมูหนึ่งชั่งเริ่มต้นก็สามเหมาแล้ว ร้อยกว่าชั่งก็ได้เงินตั้งไม่รู้เท่าไหร่?” จ้าวเหวินเทาพูด
เขาเองก็เสนอพ่อแม่ของเขาแบบนี้เหมือนกัน แต่พ่อแม่ของเขาไม่เห็นด้วย บอกให้ตั้งใจเลี้ยงหมูของส่วนรวมและตั้งใจทำไร่ทำนาให้ดี
นี่มันทำงานเพื่ออะไรกันล่ะ? แต่ละคนต่างก็ทำงานกันแบบเช้าชามเย็นชาม ดีกว่าเขาไม่มากเท่าไรหรอก จะว่าไปแล้วพ่อกับพี่ชายของเขาต่างก็เป็นคนโง่เขลากันทั้งนั้น
ถ้าไม่โง่แล้วทำไมต้องทำงานกันเอาเป็นเอาตายแบบนั้นด้วย?
“แม่เองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” คุณแม่เย่มองลูกเขยด้วยสายตาชื่นชม ขณะกระซิบว่า “ทำไร่ทำนาแค่นั้นมันจะเลี้ยงครอบครัวใหญ่ได้เหรอ? แต่ละคนก็ได้กินแค่ข้าวต้มกัน ถ้าไม่ทำงานหาเลี้ยงชีพสำรองสักหน่อย ก็อย่าหวังว่าจะอิ่มท้องเลย”
“นั่นสิครับ ผมเองก็พูดกับพ่อแม่ไปแล้ว บอกให้เลี้ยงไก่ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย แต่แม่ผมไม่ตกลง ก็เลยเลี้ยงไว้แค่ 8 ตัวเอง” จ้าวเหวินเทาพูด
ไม่เช่นนั้นทำไมเขาถึงคิดจะแยกบ้านล่ะ? อันที่จริงก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่พอใจ เขาจึงอยากเป็นใหญ่ในบ้าน
รอให้เขาทำงานหาเงินได้เมื่อไรก็สามารถสร้างบ้านอิฐขนาดใหญ่กับภรรยาได้แล้ว ถึงเวลานั้นก็ย้ายออกไปอยู่กันเอง เลี้ยงหมูไว้ในบ้านสัก 2-3 ตัว แล้วก็ค่อยขยายไปเลี้ยงฝูงไก่ จากนั้นก็เลี้ยงหมาเพิ่มสักตัว มันคือการใช้ชีวิตในบ้านอันสวยงามไม่ใช่เหรอ?
คุณแม่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ของเธอเป็นคนหัวโบราณอยู่ เลี้ยงไก่แค่ 8 ตัวจะไปพอกินอะไร? คนในบ้านก็ไม่ใช่น้อย ๆ”
นางข่มสามีได้แล้วด้วยการเลี้ยงไก่ หลังเลี้ยงไปหลายสิบตัว แน่นอนว่านับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปคงได้วางไข่กันสนุกสนาน
ช่วงที่พวกมันวางไข่เยอะ ๆ หนึ่งวันสามารถวางไข่ได้ 30 ฟอง เก็บ 3-4 วันก็สามารถให้พวกลูกชายใช้ประโยชน์จากช่วงกลางดึกแบกออกไปได้แล้ว
รายได้ที่เข้ามาทำให้คุณแม่เย่พึงพอใจมาก
แต่คุณแม่เย่ก็ยังไม่ได้พึงพอใจถึงที่สุด เพราะนางคิดว่าไก่ไม่กี่สิบตัวยังถือว่าน้อย นางจึงอยากเลี้ยงไก่เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แต่ก็ต้องรอจนถึงปีหน้า
เพราะหากผ่านไปถึงปีหน้าได้อย่างปลอดภัยก็จะไม่มีปัญหาอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าแม่ยายของเขาเป็นคนมีเหตุผลจริง ๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง ไข่ไก่ที่ไก่ 8 ตัวฟักออกมามันจะไปพอกินอะไร?
“คุณแม่ ของพวกนี้คือเอามาให้ไก่กินทั้งหมดเลยเหรอครับ?” จ้าวเหวินเทามองไปยังผักเหล่านี้พร้อมกับถาม
“ใช่จ้ะ ไก่พวกนั้นกินกันเยอะมาก ยังมีพวกปลากับกุ้งตัวเล็กพวกนี้ด้วย ต้มจนสุกอีกครู่หนึ่งก็จะเอาเข้าไปให้พวกมันกินได้แล้วล่ะ” คุณแม่เย่พูดพลางชี้ให้เขาดู
“ได้อาหารดีแบบนี้พวกมันต้องขยันวางไข่แน่นอนเลยครับ” จ้าวเหวินเทาพูด ขณะมองการใช้ชีวิตของแม่ยาย นี่สิถึงจะเรียกว่าใช้ชีวิต
คุณแม่เย่ยิ้ม “เธอรอแป๊บหนึ่งนะ แม่จะเข้าไปทำอาหารอร่อย ๆ ให้กิน”
“ไม่ต้องทำหรอกครับ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความเกรงใจ
คุณแม่เย่เข้าไปในห้องครัวเพื่อรีบทำอาหารให้เขา ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับบะหมี่หนึ่งชาม บนบะหมี่ยังมีไข่ไก่โปะอีกสองฟองด้วย!
“รีบกินสิ เส้นอืดจะไม่อร่อยแล้วนะ” คุณแม่เย่พูด
“คุณแม่ ผมแค่เอาปลามาให้นะครับ ไม่ได้มาเพื่อกินบะหมี่สักหน่อย” จ้าวเหวินเทามองบะหมี่ใส่ไข่ปราดหนึ่ง เขารู้สึกเกรงใจจริง ๆ
ดูสิ นี่แหละเหตุผลที่เขาชอบมาหาแม่ยาย
คราวก่อนตอนที่เขามาพร้อมกับภรรยาก็เจอครอบครัวเย่กำลังทำซาลาเปาอยู่ แม่ยายของเขาจึงให้เขากินซาลาเปาเนื้อสี่ลูก ให้เขากินแบบไม่เสียดายเลยจริง ๆ ทั้งยังดูแลเขาคล้ายกับเป็นลูกชายคนหนึ่งด้วย!
“แม่รู้ว่าเธอเป็นคนกตัญญู คืนนี้บ้านเราก็กินบะหมี่ เพราะฉะนั้นเธอกินไปก่อนเถอะ” คุณแม่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกวันที่จะทำอาหารแบบนี้ แต่ตระกูลเย่จะมี 1-2 วันในหนึ่งเดือนที่จะปรุงอาหารแบบนี้
จ้าวเหวินเทากินไปพลางรู้สึกอิจฉาไปพลาง ดูความแตกต่างของทั้งสองตระกูลสิ
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ภรรยาของเขามักจะพูดกับเขาว่าหลังจากมาอยู่กับเขาแล้วก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย แถมยังรู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับเขาด้วย
แม้ว่าตั้งแต่เมื่อวานนี้ภรรยาของเขาจะเริ่มเป็นห่วงเป็นใยเขา ถึงกับไม่ยอมให้เขาไปทำงานและให้นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่เขาก็ไม่เต็มใจให้ภรรยาออกไปทำงานเช่นเดียวกัน
จากมุมมองของเขาแล้ว ภรรยาควรอยู่บ้านเลี้ยงลูกทำอาหาร ที่เหลือแค่ได้กินและได้ดื่มของดี ๆ ก็พอแล้ว
เพียงแต่ของกินและเครื่องดื่มดี ๆ ก็ต้องใช้เงิน ซึ่งจะไปหามาจากไหน? อีกอย่างเขาก็ต้องไปทำงานด้วย ต่อให้ทำงานแบบชักช้าอืดอาดแต่ก็ต้องไป เว้นเสียแต่ว่าไม่อยากได้อาหารส่วนนั้น
หากเขาเป็นผู้นำในบ้านเขาคงไม่อยากได้มันจริง ๆ แล้วล่ะ สู้ออกไปหางานอื่นที่ไม่ใช่งานทำไร่ไถนาไม่ดีกว่าเหรอ?
ติดที่ยังไม่ได้แยกบ้านเลย พ่อแม่ของเขาคงไม่อนุญาตหรอก
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่ยายหัวก้าวหน้ามาก เหวินเทาเจอไลฟ์โค้ชแล้ว ขอให้ออกมาตั้งตัวได้เร็ว ๆ นะ
หวังว่าวาเลนไทน์นี้ทุกคนจะมีความรักที่สดใสกันนะคะ
ไหหม่า(海馬)