ตอนที่ 122 โชคไม่ดีเอาเสียเลย
พี่รองจ้าวเดิมทีคิดจะให้จ้าวเหวินเทาช่วยจับฉลากให้ แต่เมื่อได้ยินจ้าวเหวินเทาพูดแบบนี้จึงหยุดความคิดไว้ ทั้งยังโน้มน้าวพี่สามจ้าวว่า “เจ้าหกพูดถูก นายจับเองเถอะ ผลออกมาดีไม่ดีก็แบกรับกันเอง”
พี่สามจ้าวถูฝ่ามือ เขาไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยโชคดีมาก่อน เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็หันไปพูดกับพี่สะใภ้สามจ้าว “หรือให้คุณมาจับดี?”
ใครจะไปคิดว่าพี่สะใภ้สามจ้าวจะรีบตอบว่า “ฉันไม่เอาด้วยหรอก จับได้ที่ดี ๆ ก็แล้วไป แต่ถ้าจับได้ที่ดินแห้งแล้งขึ้นมา คุณคงได้กัดหัวฉันแน่ คุณนั่นแหละจับ จับได้ที่ดินแบบไหนก็เป็นเรื่องของคุณ!”
สามีของหล่อนเป็นคนนิสัยแบบไหนมีหรือที่หล่อนจะไม่เข้าใจ
พี่สะใภ้สี่จ้าวหัวเราะ กล่าวว่า “นี่ก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ พี่สามอยากดึงให้มีคนมารับความผิดไงล่ะ”
พี่สามจ้าวดูถูกหล่อนปราดหนึ่ง ภายในใจแอบรู้สึกไม่มีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องยากที่จะพูดกับน้องสะใภ้ ป่านนี้เขาคงว่าสวนกลับไปแล้ว พวกเราสองสามีคุยกัน เธอที่เป็นคนนอกมาแส่อะไรด้วย!
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดจบก็พูดกับพี่สี่จ้าวว่า “คุณเองก็ต้องจับดี ๆ นะ ลูกชายของพวกเราต้องมีที่ดินดี ๆ!”
พี่สี่จ้าวได้ยิน “ลูกชายของเรา” สี่พยางค์นี้ เขาก็ฟังจนแอบรู้สึกเบื่อ “พอแล้ว ถ้าคุณไม่สบายใจคุณก็ไปจับให้ลูกชายเองเลยสิ!”
“ฉันไม่ไปหรอก พวกผู้ชายอยู่ตรงนั้นกันเป็นกลุ่ม ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวเบียดเข้าไปจะให้เขามองยังไง” พี่สะใภ้สี่จ้าวโต้ด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างฟังขึ้น
“เอาล่ะ เตรียมพร้อมแล้ว ทุกคนมาเริ่มกันเถอะ!” หัวหน้าที่อยู่ด้านบนตะโกน
บนโต๊ะมีตะกร้าหนึ่งใบใส่ก้อนกระดาษที่ถูกขยำไว้เป็นอย่างดี นี่เป็นชื่อของที่ดินบนภูเขา แต่ละบ้านแต่ละครัวเรือนจะมีตัวแทนออกมาหนึ่งคน สามารถหยิบกระดาษได้เพียงแค่ก้อนเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องต่อแถวเรียงคิวกันมา
แต่ละคนที่เดินเข้าไปต่างก็ถ่มน้ำลายลงบนฝ่ามือ จากนั้นก็ถูเข้าด้วยกัน สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงเดินขึ้นไปหยิบก้อนกระดาษ
พวกเขาต่างก็แบกรับความหวังของคนทั้งบ้าน เป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง!
“ว้าว ฉันจับได้แล้ว ได้ถนนหนานซุ่น เยี่ยมไปเลย!” คนที่จับได้เปิดชื่อสถานที่แค่เห็นก็ประหลาดใจและเปล่งเสียงออกมา
“สวรรค์ ทำไมฉันถึงจับได้ภูเขาป้านลาล่ะ ที่นั่นไกลขนาดนั้น ไปกลับก็ครึ่งวันแล้ว มือฉันดวงไม่ดีเอาเสียเลย!” มีคนถอนหายใจออกมา
ฉากแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงคิวของพี่รองจ้าว เขาก็ประหม่าเป็นอย่างมาก แม้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวจะตื่นเต้นกว่าเขา แต่หล่อนก็ยังยึดมั่นในคุณธรรมกล่าวอย่างมั่นคงว่า “ไม่เป็นไร จะดีหรือร้ายก็แค่หนึ่งปี คุณจับอย่างสบายใจเถอะ”
พี่รองจ้าวพยักหน้า เขาขึ้นไปกวนก้อนกระดาษเหล่านั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบขึ้นมารีบกางออก ยังดีที่ได้ที่บริเวณไม่ดีและไม่ร้าย จิตใจยังพอรับได้
“หกสิบคันนาไม่เลวเลย น้ำฝนดีก็สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ไม่น้อย” พี่สะใภ้สามจ้าวมองปราดหนึ่งพลางกล่าว
“อืม ใช่ หกสิบคันนาดีมากเลย” พี่สะใภ้รองจ้าวก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก
พี่สามจ้าวขึ้นไปแล้ว เขาจับกลับมาหนึ่งใบ นั่งแช่อยู่ครึ่งค่อนวัน แต่กลับไม่ยอมดูและยัดใส่มือพี่สะใภ้สามจ้าว จากนั้นก็ไปดูว่าพี่สี่จ้าวจับได้อะไร
ภายในใจของเขาคิดว่าคนอื่นจับได้ที่ดินแห้งแล้ง ต่อให้เขาก็จับได้ที่ดินแห้งแล้งแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียเปรียบอะไร ในทางตรงกันข้าม นั่นต้องเสียเปรียบแน่นอน
พี่สี่จ้าวจับได้ที่ดินดีเยี่ยมเลย พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่รู้หนังสือ จึงรีบถาม “ที่ดินดีหรือแห้งแล้ง?”
“ที่ดินดี!” พี่สามจ้าวพูดด้วยความอิจฉา ที่นี่เป็นสถานที่ดีจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสี่จะโชคดีขนาดนี้
พี่สี่จ้าวคลี่ยิ้ม
พี่สะใภ้สี่จ้าวเองก็ดูเหมือนจะดีใจเป็นพิเศษ รีบเอ่ยขึ้น “ลูกชายของฉันให้พรแล้ว ลูกชายจ๋า ลูกสบายใจได้เลย พ่อกับแม่ของลูกจะเก็บข้าวไว้ให้อย่างดี ให้ลูกได้กินจนอิ่ม เติบโตอย่างแข็งแรง!”
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกชินแล้ว ที่ดินที่พี่สามจ้าวจับได้ก็ยังดี ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็สู้พี่สี่จ้าวไม่ได้
พวกพี่ชายจับกันหมดแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคิวของจ้าวเหวินเทา เขาขึ้นไปไม่ได้เลือกอะไร จับกระดาษขึ้นมาแบบสบาย ๆ และกางออก ปรากฏว่าได้ยอดเขาหนานเหลียง
ที่ดินบนเขายอดเขาหนานเหลียงเป็นสถานที่ธรรมดา แต่ข้อดีคืออยู่ใกล้บ้าน อยู่ทางใต้ของหมู่บ้านนี้เอง
จ้าวเหวินเทาพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาเองก็อยากได้ที่ดินที่อยู่ใกล้บ้าน
พี่สี่จ้าวจับได้ที่ดินธรรมดา เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทาจับได้ธรรมดากว่าตัวเอง ภายในใจของพี่สามจ้าวก็รู้สึกได้ถึงยุติธรรมในทันที
จากนั้นก็แอบรู้สึกเปรมปรีดิ์อยู่ในใจ ดีนะที่ไม่ให้เจ้าหกจับฉลากให้!
คุณพ่อจ้าวมองลูกชายคนเล็กของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ เป็นไปได้ไม่ เจ้าหกจับได้ยอดเขาหนานเหลียง นั่นไม่ใช่สถานที่ดีอะไรเลย
ปฏิกิริยาของที่ดินบนเขายังใหญ่ขนาดนี้ ที่ดินริมแม่น้ำยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีทั้งครอบครัวที่มีความสุขและเศร้าหมองจริง ๆ
กรณีจ้าวเหวินเทานั้นเป็นเพราะภรรยาตั้งครรภ์แล้ว ที่ดินจึงแบ่งเป็นสามส่วน มีทั้งหมด 24 หมู่ 12 หมู่คือที่ดินบนเขา ส่วนอีก 12 หมู่คือที่ดินติดริมแม่น้ำ อยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ค่อนข้างแย่ทั้งคู่
ในสายตาคนอื่นคิดว่าโชคของเขาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่เช่นนั้นคงได้ของดีไปแล้ว แต่จ้าวเหวินเทากลับพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ที่ดินนี้ก็แบ่งจนเสร็จสิ้นแล้ว
แบ่งที่ดินเสร็จก็แบ่งสัตว์กันต่อ
สัตว์น้อยใหญ่ภายในทีมผลิตอยู่กันเป็นกลุ่มทั้งหมด ก่อนหน้านี้คนที่อยู่ในหมู่บ้านต่างก็เลือกคนให้ดูแลโดยเฉพาะ ตอนนี้แบ่งที่ดินแล้ว สัตว์ก็ต้องแบ่งด้วยเช่นกัน
หมู เป็ด ไก่และสุนัขไม่นับ เพราะนั่นเป็นทรัพย์สินของในทีม ถึงอย่างไรก็ยังมีทีมใหญ่ที่ต้องดำเนินการบริหารภายในหมู่บ้าน แบ่งก็แบ่งลา ม้า ล่อและแกะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจึงใช้วิธีจับฉลากเช่นกัน
แกะนั้นมีเพียงพอให้แบ่ง แต่ลา ม้าและล่อมีไม่เพียงพอ ถ้าไม่พอก็จะใช้ข้าวเพื่อชดเชย ทุกคนจึงพึงพอใจ
จ้าวเหวินเทาแบ่งได้แกะมาสองตัว เขาไม่ได้ลา ม้าและล่อ ภายในทีมจึงชดเชยให้เขาด้วยข้าวฟ่างและเมล็ดข้าวฟ่างอย่างละร้อยชั่ง จ้าวเหวินเทาแอบรู้สึกไม่พอเท่าไรนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้จึงทำได้แค่ยอมรับมัน ใครใช้ให้โชคของเขาไม่ดีกันล่ะ?
“ภรรยาจ๋า คุณดูที่ดินเหล่านี้สิ อยู่ใกล้กับบ้านเราเลย ถึงเวลานั้นก็เก็บกวาดได้ง่าย ๆ แล้ว” จ้าวเหวินเทากลับมาพูดกับภรรยา “แกะก็เป็นแกะตัวเมียทั้งคู่ ฤดูหนาวปีนี้ก็สามารถคลอดลูกแกะได้แล้ว แถมยังได้ชดเชยที่ไม่ได้ล่อและม้าด้วยนะ นอกจากนี้ยังได้ข้าวมาอีกสองร้อยชั่งด้วย”
เย่ฉูฉู่ไม่ได้คัดค้านกับผลลัพธ์เช่นนี้ เธอพยักหน้า “ดีมากเลยค่ะ ถ้าจะใช้งานสัตว์เดี๋ยวค่อยไปยืมพวกพี่ชายของฉันก็ได้ ถึงยังไงก็ไม่ไกลกันมาก”
ตระกูลจ้าวมีแค่พี่สามจ้าวที่ได้ล่อหนึ่งตัว ส่วนคนอื่น ๆ ได้มาแค่แกะ รวมถึงคุณพ่อจ้าวด้วย
ให้ยืมคนแบบพี่สามจ้าว เย่ฉูฉู่คิดว่ากลับไปยืมที่บ้านของเธอยังจะง่ายกว่า
“แกะนั้นใครเลี้ยงเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถามอีกครั้ง “อยู่ด้านในสักสองสามวันก็ยังไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้านานวันเข้าคงไม่ได้”
“ในหมู่บ้านปรึกษากันแล้วว่าจะจ้างคนเลี้ยงแกะมาเลี้ยงให้ กินอยู่ที่ทีมใหญ่นั่นแหละ พวกเราแค่จ่ายเงินตามจำนวนแกะ แกะหนึ่งตัวราคาเท่าไรยังไม่ได้ตกลงกัน คาดว่าคงไม่เกินหนึ่งหยวน” จ้าวเหวินเทากล่าว
“หนึ่งปี?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ใช่ หนึ่งปี” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ก็ยังดีนะ จ้างคนมาเลี้ยงให้ก็ไม่ต้องกังวลใจด้วย เรื่องกินเรื่องอยู่ก็ไม่ต้องเป็นกังวล” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความพึงพอใจ
ส่วนที่ดินของบ้าน ก็ไม่ต้องให้เธอจัดการ
ถึงเวลาเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิก็เป็นช่วงที่ทารกในครรภ์พ้นจากวิกฤติแล้ว จากนั้นท้องก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่าว่าแต่ลงไปทำนาเลย แค่จัดการตัวเองก็เปลืองแรงมากแล้ว รอให้ลูกคลอดออกมาก็ยังต้องเลี้ยงอีก ยิ่งไม่มีเวลาลงไปทำนาเข้าไปใหญ่
ตอนนี้เรื่องแบ่งที่ดินก็ถือว่าเสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้นจ้าวเหวินเทาก็ต้องไปทำงานของตัวเองเช่นกัน
“ภรรยา พรุ่งนี้ผมกับพี่สามของคุณจะเข้าไปดูในเขตหน่อยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ไปในเขตเหรอ?” เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ธุรกิจนี้ของคุณคงใหญ่โต จนกระทั่งในอำเภอคงรับไม่ไหวแล้วสินะ?”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้สนใจกับคำพูดสัพยอกของภรรยา เขายิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้สามีของเธอทำธุรกิจใหญ่โตแล้ว อำเภอเล็ก ๆ มันจะไปพอได้ยังไงกัน?”
เย่ฉูฉู่ยิ้มพลางกลอกตาใส่เขา ไม่ถ่อมตนเอาเสียเลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทาไม่เน้นการทำมาหากินกับที่ดินน่ะค่ะ ต่อให้ได้ที่ไม่ดีก็ไม่สะเทือนหรอก
ไหหม่า(海馬)