ตอนที่ 139 หมิงเป่ย ฉันต้องการคุณ
ด้วยเหตุนี้ บรรดานักศึกษารอบกายจึงกลายเป็นผู้ใช้บริการกลุ่มแรกของหล่อน นอกจากนี้ผู้ใช้บริการกลุ่มแรกก็ดึงผู้ใช้บริการกลุ่มใหม่เข้ามาด้วย เพราะนักศึกษาหญิงเหล่านี้ต่างก็มีสมาชิกในครอบครัว
เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง หลังจากออกแบบเสื้อผ้าหลายสิบชุด โจวหมิ่นก็เริ่มหาร้านเพื่อร่วมมือและช่วยส่งเสริมการขาย หลังจากได้คำสั่งซื้อสินค้าก็ค่อยมาหาโรงงานด้วยตนเองอีกครั้ง
“…ฉันเอาเงินก้อนแรกไปซื้อจักรเย็บผ้า และก็ตัดชุดให้ลูกค้าของฉันภายในหอพัก แต่ตอนหลังมีลูกค้าจำนวนมาก ฉันก็เลยใช้เงินจากงานฝีมือจ้างให้พวกป้า ๆ ที่รับเย็บปะผ้าบนถนนเหล่านั้นทำให้ หลังจากนั้นจึงร่วมมือกับร้านค้า หากต้องการในปริมาณมาก ก็จะไปหาโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า”
“งานที่ฉันทำก็คือการสั่งทำโดยเทียบกับแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูป ทำออกมาในจำนวนที่จำกัด แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าคิดราคาสูงมาก แถมยังไม่อยากจะรับงานด้วย แต่ก็เป็นเพราะได้เงินมานิดหน่อย ฉันเลยเช่าที่แห่งหนึ่ง เชิญให้พวกป้า ๆ ที่เกษียณจากงานมาช่วยกันทำ พวกหล่อนเองก็ต้องการชีวิตที่มั่นคง ฉันก็เลยหาที่ทำเลให้พวกหล่อนเพิ่ม ค่าจ้างนับเป็นชิ้น แบบนี้ก็ทำให้ฉันมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดเล็กแล้ว”
ระหว่างที่อยู่บนถนนเพื่อมาโรงงานขนาดเล็ก โจวหมิ่นก็เล่าประสบการณ์ก่อร่างสร้างกิจการของตนเองให้เย่หมิงเป่ยฟังแบบง่าย ๆ
ถึงโจวหมิ่นจะเล่าออกมาอย่างง่ายดาย แต่เย่หมิงเป่ยกลับทราบดีว่าเส้นทางนี้ของภรรยาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หล่อนต้องเรียนหนังสือแถมยังตัดเย็บเสื้อผ้าให้คนอื่น ไหนจะวิ่งออกไปขอความร่วมมือ ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าลำบากแล้วอะไรถึงจะเรียกว่าลำบาก?
เย่หมิงเป่ยมองภรรยาของเขา “ภรรยา ทำไมคุณไม่บอกเรื่องนี้กับผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
“บอกคุณไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรคะ คุณมาหาฉันได้ที่ไหนกันล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันท้องแล้วเหนื่อยจนเป็นลม เกรงว่าถึงตอนนี้คุณก็คงไม่มา คุณมันผู้ชายใจร้าย ฉันมาแต่งงานกับคนแบบคุณได้ยังไงกัน? แถมยังตั้งครรภ์ลูกของคุณอีก พอมาคิดดูแล้วมันก็ทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกันนะคะ” โจวหมิ่นเริ่มแสดงละคร
เรื่องเหนื่อยมันก็เหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละ สร้างธุรกิจไหนไม่เหนื่อยบ้าง? เหนื่อยมันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่ก็ฝึกคนได้อย่างแท้จริง
นี่เป็นประสบการณ์ที่โจวหมิ่นต้องการ
แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่โจวหมิ่นจะหยิบยกออกมาตำหนิเย่หมิงเป่ย ทว่ามันก็ดีเหมือนกัน หล่อนจะได้ทำให้ผู้ชายหยาบกระด้างคนนี้รู้สึกละอายใจ เป็นแบบนี้แล้วถ้าหล่อนมอบหมายงานให้เขาหลังจากนี้ เขาก็จะได้ไม่ปฏิเสธหล่อน
เย่หมิงเป่ยจะทราบถึงความคิดคดเคี้ยวของภรรยาได้อย่างไร เขาย่อมรู้สึกละอายใจและเจ็บปวดหัวใจอยู่แล้ว
ระหว่างที่พูดรถก็ขับมาถึง
หลังจากลงจากรถและจ่ายเงิน สองสามีภรรยาก็เดินเท้า
เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว ที่นี่ก็ถือว่าเป็นเขตชานเมือง แน่นอนว่าชนบทบ้านเกิดของเย่หมิงเป่ยยังไม่อาจนำมาเทียบกับที่นี่ได้ ที่นี่มีร้านค้าเล็ก ๆ ร้านสระผม ร้านซ่อม โรงแรมขนาดเล็ก บ้านเช่า และยังมีโรงงานขนาดเล็กอย่างของโจวหมิ่น ในสายตาของเย่หมิงเป่ยแล้ว ที่นี่คึกคักกว่าในอำเภอที่บ้านเขาเสียอีก
โรงงานขนาดเล็กของโจวหมิ่นเป็นบ้านไร่ ด้านบนแขวนป้ายไว้หนึ่งแผ่น “ร้านสั่งตัดเสื้อผ้าโจวซื่อ”
เรือนเล็กและบ้านหลักไม่ได้มีความแตกต่างกัน เจ้าของบ้านยังคงให้อาหารลูกเจี๊ยบ เมื่อเห็นโจวหมิ่นก็กล่าวทักทาย จากนั้นก็มองเย่หมิงเป่ยปราดหนึ่ง
แต่เย่หมิงเป่ยก็ไม่ได้แนะนำตัวเองให้เจ้าของบ้านรู้จัก
“เรือนด้านตะวันออกเป็นของพวกเรา” โจวหมิ่นดึงเย่หมิงเป่ยให้เข้ามาด้านในเรือนตะวันออก
ด้านในมีห้องขนาดใหญ่สองห้อง ห้องเล็กหนึ่งห้อง ส่วนอีกห้องเป็นพื้นที่สำหรับทำงาน มีจักรเย็บผ้าวางอยู่หกเครื่อง มีคุณป้าสี่คนกำลังทำงานอยู่
ส่วนห้องใหญ่อีกห้องเอาไว้วางของ มีทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูปและม้วนผ้า รวมถึงของที่เป็นเศษผ้าด้วย
ห้องเล็กติดกับหน้าต่าง เป็นห้องทำงาน
มีโต๊ะทำงานสองตัวและเก้าอี้สองตัว บนโต๊ะทำงานมีโทรศัพท์วางอยู่หนึ่งเครื่อง ติดกับกำแพงมีโซฟาเรียบง่ายหนึ่งชุด และตู้เก็บเอกสารอีกหนึ่งตู้ บนกำแพงมีตะขอแขวนเสื้อผ้าเรียงเป็นแถว และมีเตาอยู่อีกมุมหนึ่ง
พื้นเป็นพื้นคอนกรีต บนกำแพงทาด้วยสีขาว ทำแบบง่าย ๆ ค่อนไปทางหยาบนิดหน่อย แต่เก็บกวาดได้สะอาดสะอ้านมาก
“นี่คือโต๊ะทำงานของฉัน ส่วนนี่เป็นโต๊ะทำงานของเสี่ยวหวัง” โจวหมิ่นกล่าวกับเย่หมิงเป่ย “เสี่ยวหวังเป็นลูกจ้างฉันเอง ถือว่าเป็นผู้จัดการของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของพวกเรา ตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาก็จะเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ แทน”
สายตาของเย่หมิงเป่ยจับจ้องที่เตา “ที่นี่ไม่มีเครื่องทำความร้อนเหรอ?”
“ที่นี่เป็นเขตชานเมือง แถมยังเป็นเรือนย่อย พวกเราต้องติดเครื่องทำความร้อนเอง เจ้าของบ้านไม่รวมของสิ่งนี้ให้” เย่ฉูฉู่กล่าวพลางหยิบกระติกน้ำร้อนที่อยู่ข้าง ๆ รินน้ำร้อนใส่แก้วแล้ววางลงบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นจึงดึงเย่หมิงเป่ยให้นั่งลง “ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าปีนี้พวกเรายังอยู่ที่นี่ ฉันก็จะติดเครื่องทำความร้อนเอง แต่ถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ก็จะไม่เสียเงินส่วนนั้น”
“ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” เย่หมิงเป่ยมองภรรยา
“ที่นี่ค่าเช่าถูกก็จริง แต่คุณเองก็เห็นสถานที่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทำออกมาหยาบ ๆ แต่มันยังอยู่ไกลจากที่เราพักมาก คุณเดินทางไปกลับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ” โจวหมิ่นมองเขา กล่าวว่า “หมิงเป่ย ที่ฉันเรียกคุณเดินทางจากบ้านเกิดมาเมืองหลวง ก็ไม่ใช่แค่ให้คุณมาดูแลฉันกับลูกอย่างเดียว ฉันยังมีโรงงานเสื้อผ้าขนาดเล็กแห่งนี้ด้วย และฉันก็อยากให้คุณช่วยฉันจัดการ”
“ภรรยา คุณจะให้ผมช่วยคุณดูแลเรื่องนี้เหรอ?” เย่หมิงเป่ยชะงัก
“ไม่อยากทำเหรอคะ?” โจวหมิ่นมองเขา
เย่หมิงเป่ยรีบกล่าว “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ คือผม…ก่อนหน้านี้ล่ะ ก่อนหน้านี้ใครดูแล?”
“ฉันดูแลเองค่ะ วิ่งไปกลับนี่แหละ” โจวหมิ่นกล่าว
เย่หมิงเป่ยชี้ไปที่โต๊ะทำงานของเสี่ยวหวัง “แล้วเสี่ยวหวังคนนี้ เขาเป็นผู้จัดการไม่ใช่เหรอ?”
“เขาเป็นผู้จัดการ แต่ถึงจะมากกว่านั้นก็ดูแลแค่เรื่องบัญชี หนึ่งเดือนเขาจะมาแค่ 2-3 ครั้ง ความสะอาดของที่นี่ฉันก็เป็นคนจัดการเองทั้งหมด” โจวหมิ่นกล่าว หล่อนมองเย่หมิงเป่ยอย่างจริงจัง “หมิงเป่ย ฉันต้องการคุณมากจริง ๆ นะคะ ฉันรู้ว่าคุณมีความสามารถนั้น ถ้าคุณยินดี คุณต้องดูแลให้ฉันได้เป็นอย่างดีแน่นอน”
เย่หมิงเป่ยยิ้ม หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ภรรยา งั้นเงินเดือนของผมจะคิดยังไงล่ะ?”
“ฉันจะเบิกให้คุณเองค่ะ ก็ต้องดูว่าคุณต้องการอะไร เงินเดือนแบบตอนกลางคืนเมื่อสองวันก่อนก็ได้นะคะ” โจวหมิ่นพิงเข้ากับไหล่ของเขา กล่าวด้วยรอยยิ้มเบา ๆ
เย่หมิงเป่ยเองก็อดหัวเราะไม่ได้
โจวหมิ่นเงยหน้ามองเขา เย่หมิงเป่ยเองก็ได้รับสัญญาณจากภรรยาแล้ว เขาจึงโน้มตัวลงมาจูบภรรยาของตนเอง
โจวหมิ่นโอบรอบคอของเขา หลังจากจูบกันอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนจึงเอนเข้ากับอ้อมกอดของเย่หมิงเป่ย สูดหายใจรับลมหายใจของเขา และรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาเช่นกัน
แม้หล่อนจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งและได้รับโอกาสมากมาย ทั้งยังใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อพัฒนาและทำให้ตนเองเติบโตขึ้น
แต่ภายในเมืองใหญ่แห่งนี้หล่อนกลับยังรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยว บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
หล่อนอยากมีไหล่ของใครสักคนให้พึ่งพิง มีสักคนที่ช่วยเหลือหล่อน ทำให้หล่อนได้หยุดพักเป็นครั้งคราว
โชคดีที่หล่อนมีคนๆ นี้ และตอนนี้คนๆ นี้ก็มาอยู่ข้าง ๆ หล่อนแล้ว
จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ โจวหมิ่นวางแผนให้เย่หมิงเป่ยมาที่เมืองหลวงตั้งนานแล้ว
แต่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้มาโดยตลอด จากนิสัยอนุรักษนิยมของเย่หมิงเป่ย หากไม่มีเหตุผลที่มากพอเขาไม่มีทางมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล ยังดีที่มีลูกแล้ว เหตุผลนี้เพียงพอที่จะเรียกให้เย่หมิงเป่ยมาได้แล้ว
เย่หมิงเป่ยรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าและต้องการที่พึ่งพาของภรรยา เขาเจ็บปวดใจจนทนไม่ไหว แอบกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้สมองของเขาถูกลาเตะจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะปล่อยให้ภรรยาทำงานยุ่งจนเป็นแบบนี้ เหนื่อยจนอยู่ในสภาพแบบนี้!
“ภรรยา หลังจากนี้คุณพักผ่อนให้เต็มที่นะ ถึงผมจะไม่เข้าใจว่างานพวกนี้ดำเนินการยังไง จัดการดูแลยังไง แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมจะตั้งใจศึกษาอย่างดี” เย่หมิงเป่ยพูดอย่างจริงจัง
ขนาดเสื้อผ้าที่ฉูฉู่ออกแบบยังขายดีปานนั้น ทำไมเขาจะทำไม่ได้? เขาก็ต้องทำได้สิ
เย่ฉูฉู่ “…”
ขอบใจนะที่ได้รับการกล่าวถึง หลังจากนี้เธอจะไม่ยอมรับพี่ชายแท้ ๆ คนนี้แล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โจวหมิ่นเก่งมากที่เรียนไปด้วยดำเนินกิจการตัวเองไปด้วย ทำสองอย่างด้วยกันมันเหนื่อยอยู่นะ แต่หมิงเป่ยมาแล้วก็คงจะสบายขึ้นแล้วล่ะ
สู้ๆ นะหมิงเป่ย หัวดีแบบนี้เรียนรู้งานไวแน่นอน
ไหหม่า(海馬)