ตอนที่ 166 เปิดฟาร์มกระต่ายและจ่ายกระแสไฟฟ้า
เลขาถลึงตาโต “นายไม่ได้กุเรื่องสร้างภาพหลอกลวง? อย่าบอกนะว่านายสามารถเลี้ยงกระต่ายได้หลายพันตัวจริง ๆ?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “เลขา ผมมีแผนขยายพันธุ์ให้ใหญ่ขึ้นจริง ๆ กระต่ายพวกนี้คลอดลูกได้เยอะ แถมยังโตไวด้วย ใช้เวลาไม่นาน ผมก็มีกระต่ายสิบกว่าตัวแล้ว แถมนี่ไม่ใช่กระต่ายที่ผมจะขายอย่างเดียวนะ ผ่านไปอีกสองวันผมจะนำกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เข้ามาอีกชุดหนึ่งด้วย ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันตัวเลย!”
เลขาตกตะลึง “หนึ่งพันตัว?”
“ใช่!” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า
“นาย นายยังมีเงินเหรอ?” เลขาถาม เขาทราบว่าเจ้าหกใช้เงินไปไม่น้อยกับการสร้างบ้านใหม่หลังนั้นขึ้นมา ได้ยินมาว่าเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ ด้วย แต่เงินเหล่านั้นก็เป็นเพราะติดหนี้ทั้งหมด เป็นการติดหนี้ก้อนโตเลยทีเดียว
“ผมไม่มีเงินหรอก แต่ผมสามารถค้างจ่ายได้ ไม่ต้องจ่ายเงินก่อน รอให้กระต่ายขายออกไปได้แล้วค่อยจ่ายเงินก็ได้เหมือนกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสิ่งที่นายทำอยู่มันเชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่เลย? นายลองคำนวณดูสิว่าตัวเองติดหนี้ไปเท่าไหร่แล้ว?” เลขามองเขา
“เรื่องนั้นยังต้องเป็นกังวลอีกเหรอว่าติดหนี้เท่าไร? รอให้ฟาร์มกระต่ายของผมสร้างขึ้นมาได้เมื่อไหร่ เงินพวกนั้นผมก็คืนได้หมดอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว “เลขาลองคิดดูสิ เลี้ยงกระต่ายนี้ได้เงินทุนกลับมาเร็วจะตาย ผมเลี้ยงได้ คนในหมู่บ้านก็เลี้ยงได้เหมือนกัน ทุกคนต่างก็เลี้ยงกระต่าย เหมือนกับที่หมู่บ้านไท่ผิงปลูกพืชผักกันไง พวกเราเลี้ยงกระต่าย ก็ยังมีเนื้อมาขายด้วย ต้องขายได้เงินดีกว่าผักของพวกเขาแน่ ๆ ใช้เงินทุนน้อยด้วยนะ กระต่ายกินหญ้า พวกเด็ก ๆ ก็สามารถดูแลได้ ผักพวกนั้นลงทุนตั้งเยอะ ไหนจะต้องสร้างเรือนกระจก เผาถ่านเพื่อเก็บความร้อนอีก กระต่ายของพวกเราดีจะตายไป ทั้งรังสามารถผลิตเงินได้ทั้งนั้น ถึงเวลานั้นถ้าทำขึ้นมา เวลาเลขาเข้าไปประชุมในอำเภอ คุณก็ได้ผลงานจากการที่นำพาทุกคนในหมู่บ้านให้ร่ำรวยได้ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะก้าวหน้าได้อีกก้าว เลขาอย่างคุณที่เป็นเลขาที่ดีทำเพื่อประชาชน ยังไงก็ไม่ถูกกลบฝังไม่ให้แสดงความสามารถอยู่แล้ว!”
ไม่เช่นนั้นจะมีคำพูดที่ว่า ‘สิ่งของนับหมื่นสามารถพังทลายได้ มีแต่คำเยินยอเท่านั้นที่มีประโยชน์’ หรือ? เลขาเองเป็นคนฉลาดและมีแผนในใจคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทานทนต่อความพยายามในการเลียแข้งเลียขาของจ้าวเหวินเทาได้
เมื่อถูกเลียแข้งเลียขาเช่นนี้ เลขาก็มองเห็นว่าทั้งหมู่บ้านเกิดความร่ำรวยได้ภายใต้การนำของเขาผู้มีความฉลาดปราดเปรื่อง
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ เลขาทางฝั่งหมู่บ้านไท่ผิงก็ถูกคนเยินยอไม่น้อย ต่างก็พูดว่าตอนแรกที่หมู่บ้านไท่ผิงพัฒนาได้ และสามารถเดินมาถึงจุดนี้จนมีชื่อเสียงได้ ก็เป็นเพราะเลขาของหมู่บ้านไท่ผิงเป็นคนกล้าตัดสินใจ เป็นคนที่มีความกล้าหาญและชาญฉลาด
ไม่เช่นนั้นหมู่บ้านไท่ผิงคงพัฒนาไม่ได้
คนนั้นมีชื่อเสียงว่าเป็น ‘ผู้มีความกล้าหาญและชาญฉลาด’ จากการขายผัก เขาทางฝั่งนี้พึ่งพาการขายกระต่าย ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้สินะ?
อีกอย่างจ้าวเหวินเทาก็พูดถูก
กระต่ายนี้ลงทุนน้อยกว่าการปลูกพืชผัก และไม่เปลืองเวลาของผู้ใหญ่ด้วย ผู้ใหญ่สามารถลงไปทำนาตามปกติได้ ส่วนพวกเด็ก ๆ โดยพื้นฐานก็สามารถดูแลได้
หากทั้งหมู่บ้านเลี้ยงกระต่าย รูปแบบนั้นก็จะไม่ใช่ขนาดเล็ก ๆ เลย…
“งั้นนายบอกฉันมาก่อนว่าขายกระต่ายแล้วจะได้เงินเท่าไหร่? ฉันขอดูผลกำไรแล้วค่อยว่ากัน” เลขายังคงพูดเพื่อความปลอดภัย
จ้าวเหวินเทายิ้มแล้วพูดว่า “งั้นผมจะพูดให้เลขาฟังนะ กระต่ายของผมจับได้มาจากในทุ่งนาก็เลยเอากลับมาเลี้ยงเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นผมก็สร้างกรงเหล็กให้มัน ใช้เงินไปหนึ่งหยวน ส่วนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ใช้เงินอะไร พวกมันโตเร็วมาก คลอดลูกออกมาครอกหนึ่งแล้วก็คลอดอีกครอกหนึ่ง จนถึงตอนนี้ผมเก็บไว้สิบกว่าตัว ที่เหลือเอาไปขายหมดแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้เงินมาประมาณร้อยกว่าหยวน”
เลขาชะงักไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เงินเยอะขนาดนี้
“เลขา การเลี้ยงกระต่ายมันทำได้จริง ๆ นะ ถ้าทำไม่ได้ผมคงไม่ทนทุกข์ทรมานหรอก พวกเราทำเรื่องขอจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้ามาในหมู่บ้านเถอะ!” จ้าวเหวินเทากล่าว
“แล้วถ้าสำนักงานการไฟฟ้าไม่ทำให้จะทำยังไง?” เลขาคิดถึงเรื่องที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านและนำพาชาวบ้านในหมู่บ้านไปสู่ความร่ำรวย แต่เขาก็นึกถึงตอนที่ถูกปฏิเสธครั้งก่อนที่ไปถามสำนักงานการไฟฟ้า สิ่งนี้ทำให้เขาค่อนข้างหดหู่
“เลขา ครั้งนี้พวกเราก็เตรียมตัวสักหน่อยสิ ผมจะไปถามคนในหมู่บ้าน ว่ามีใครเลี้ยงกระต่ายบ้าง จากนั้นพวกเราก็ไปโน้มน้าวใจสำนักงานการไฟฟ้าด้วยกันเลย!” จ้าวเหวินเทาคิดไว้อย่างดีก่อนหน้านี้แล้ว
เลขาครุ่นคิด จากนั้นก็ตบเข่าฉาดตัดสินใจ “ตกลง! งั้นคืนนี้มาประชุมกัน ถามทุกคนเรื่องเลี้ยงกระต่าย พรุ่งนี้พวกเราจะไปสำนักงานการไฟฟ้ากัน!”
ในเมื่อหมู่บ้านไท่ผิงมีกิจการขนาดใหญ่แบบนั้นได้ แล้วทำไมพวกเขาจะทำไม่ได้? หรือว่าเลขาอย่างเขาจะต่างกับเลขาหมู่บ้านอื่นอย่างนั้นเหรอ?
“เลขา คุณมีความกล้าหาญมากจริง ๆ มีคุณเป็นผู้นำ หมู่บ้านของพวกเราต้องมีวันที่ดีได้แน่นอน!” จ้าวเหวินเทาพูดจากใจจริง
เลขารู้ดีว่าเจ้าเด็กจ้าวเหวินเทาคนนี้กำลังประจบเขาอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีใจมาก คำพูดดี ๆ แบบนี้ใครล่ะจะไม่อยากฟังบ้าง?
ถึงอย่างไรเขาก็อยากทำอะไรให้หมู่บ้านก่อนที่เขาจะเกษียณจริง ๆ หลังจากนี้ต่อให้เขาเกษียณไปแล้ว ก็ยังมีผลงานดี ๆ อยู่ เวลาพูดอะไรไปก็ยังมีพลัง!
ส่วนคำพูดโง่ ๆ เหล่านั้นที่จ้าวเหวินเทาพูดก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าจะก้าวหน้าเพิ่มอีกขั้นพวกนั้น เขาไม่กล้าคิดหรอก
จ้าวเหวินเทาเห็นว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก
เขาทราบดีว่าเรื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าต้องให้ทีมเป็นผู้นำ
เขาที่เป็นชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ไม่สามารถออกหน้าได้ คิดไปคิดมามีแค่ฟาร์มกระต่ายของตัวเองที่พัฒนา ถึงจะสามารถเรียกร้องให้ปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ามาได้ อย่างนั้นก็ทำฟาร์มกระต่ายเลยแล้วกัน!
หลังจากพูดเรื่องจ่ายไฟฟ้าเสร็จแล้ว จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้รีบร้อนกลับไป
เขากินแตงโมกับเลขาไปพลางก็ปรึกษาว่าจะพูดกับสำนักงานไฟฟ้าอย่างไรไปพลาง เขานำเรื่องที่ได้ฟังจากโจวหมิ่นตอนข้ามปี เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจชนบท การตอบรับคำอุทธรณ์ระดับชาติ คำนามและคำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้ถูกเล่าให้เลขาฟังอย่างต่อเนื่อง
เลขาอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการเลือดลมพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น
พอถึงตอนค่ำ ในหมู่บ้านก็มีเสียงโทรโข่งดังขึ้น
เสียงของเลขาทำให้พวกหนุ่มสาวและคนแก่ที่รับประทานอาหารเสร็จมาประชุมที่ทีมใหญ่ เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุย
ทุกคนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว?
อากาศร้อนขนาดนี้ แค่ตอนเช้าก็ไปทำงานไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะแดดเผาแรงเกินไป ไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนค่ำหากลงไปทำนาได้ก็ต้องรีบทำ ทุกคนเพิ่งจะกลับมาจากทำนา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รับประทานอาหารเสร็จก็อยากจะพักผ่อน แต่ยังต้องมาประชุมอีก
มีอะไรต้องประชุมอีกล่ะเนี่ย!
“ฉันรู้ว่าทุกคนเหนื่อยมาก แต่เรื่องนี้สำคัญมาก เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับหมู่บ้านของเรา!” เลขาเห็นท่าทางของทุกคนที่ดูกระสับกระส่าย จึงพูดออกมา
“เลขา เรื่องอะไรเนี่ย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาไถนาพอดี พรุ่งนี้เช้าท้องฟ้ายังไม่สว่างก็ต้องไปทำนาอีก ตอนเที่ยงอากาศร้อนเกินไป ก็ทำงานไม่ได้” คนหนึ่งพูดขึ้น
“นั่นสิ เลขา เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับพืชผลหรอกมั้ง?” มีคนทยอยพูดขึ้นมาเช่นกัน
“จะคุยอะไรน่ะเหรอ พวกเธอเห็นว่าความร่ำรวยไม่สำคัญสินะ?” เลขาเห็นว่าทุกคนไม่ให้ความร่วมมือ จึงเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา “พวกเธอต่างก็อยากมีชีวิตที่สบายไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ชีวิตดี ๆ ได้มาถึงแล้ว ทำไมถึงไม่เต็มใจที่จะฟังกัน?”
แม้ว่าทุกคนจะอยากร่ำรวย แต่เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะรวยทันทีที่ประชุมกันสักหน่อย
อีกอย่างเลขาเป็นคนอย่างไรพวกเขาต่างก็ทราบดี อนุรักษนิยมจะตายไป จะสามารถทำเรื่องอะไรเพื่อนำพาทุกคนสู่ความร่ำรวยได้?
ดังนั้นทุกคนจึงตอบกลับมาโดยไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นอะไร
“คือแบบนี้ จ้าวเหวินเทาหรือจ้าวเสี่ยวลิ่วบอกว่าเลี้ยงกระต่ายใช้เงินทุนน้อย แต่ได้เงินตอบแทนมาก เขาก็เลยอยากจะเปิดฟาร์มเลี้ยงกระต่าย อย่างน้อย ๆ ก็จะมีกระต่ายหนึ่งพันกว่าตัว ใครอยากเลี้ยงกระต่ายก็ให้มารวมตัวกัน ก็เหมือนกับหมู่บ้านไท่ผิง ที่ทุกคนปลูกผักกัน แต่พวกเราจะเลี้ยงกระต่าย เลี้ยงในจำนวนมากด้วย พวกเราสามารถเดินทางไปที่สำนักงานการไฟฟ้าเพื่อขอให้เดินไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านได้แล้ว ซึ่งก็หมายความว่าหลังจากนี้อีกไม่นานหมู่บ้านของพวกเราจะมีไฟฟ้าใช้ ทุกคนเข้าใจหรือยัง?” เลขาไม่ได้พูดคำพูดไร้สาระ เขาเปิดหัวข้อหลักในการประชุมทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทามาถูกทางแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องอาศัยคนใหญ่คนโตช่วยถึงจะสำเร็จ ว่าแต่จะโน้มน้าวคนในหมู่บ้านสำเร็จไหมน้า
ปล. ตอนนี้รูปเล่มและบ็อกเซตของ “ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม เล่ม 10-12(จบ)” เปิดให้จองล่วงหน้าแล้วนะคะ ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. – 31 พ.ค. 65 นี้ แฟนๆ คุณแม่ชิงเหอคนไหนเงินเดือนออกแล้วก็ไปตำกันได้นะคะ ติดตามข่าวสารการจองได้ที่เพจเฟสบุ๊ก EnjoyBook เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)