ตอนที่ 17 ลูกกระต่ายหนึ่งรัง
ตอนนี้คุณพ่อจ้าวเองก็พอจะมองออกแล้วว่าลูกชายคนเล็กคิดอยากจะแยกบ้าน เดิมทีพวกเขาสองสามีภรรยาต่างคัดค้านเพราะเห็นแก่ลูกชายคนเล็ก แต่ในเมื่อลูกชายคนเล็กอยากแยกบ้านด้วยตนเอง ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องบีบบังคับไม่ให้แยกบ้านอีกต่อไป
เพราะคุณพ่อจ้าวเองไม่เคยสงสัยถึงความสามารถของลูกชายคนเล็กมาตั้งแต่ต้น อีกอย่างถ้าเปรียบเทียบกันจริง ๆ การไม่แยกบ้านนั่นแหละที่จะทำให้เจ้าหกและภรรยาของเขาเสียเปรียบ!
สองสามีภรรยาคู่นี้ยังไม่มีทายาทสืบสกุล และไม่มีอะไรเป็นภาระถ่วงรั้ง ครอบครัวของเจ้าหกก็ดูมีหลักการดี สามารถมีชีวิตที่ดีได้
คุณพ่อจ้าวไม่เชื่อว่าถ้าหากแยกบ้านแล้ว เจ้าหกและภรรยาของเขาจะมีคุณภาพชีวิตแย่กว่าพวกพี่ ๆ
อีกอย่างถ้าหากสู้พวกพี่ ๆ ไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเขากับภรรยาก็ยังใช้ประโยชน์จากตอนที่อายุยังไม่มากช่วยเหลือพวกเขาได้ไม่ใช่เหรอ?
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอกครับ ผมกับภรรยาจะต้องใช้ชีวิตอย่างรุ่งโรจน์แน่นอน!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นรอให้การเก็บเกี่ยวข้าวช่วงฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดลงก่อน ถึงเวลานั้นก็เชิญปู่ของพวกแกมา แยกบ้านให้พวกแกก็แล้วกัน” คุณพ่อจ้าวให้คำมั่นพลางพยักหน้า
จ้าวเหวินเทาย่อมรู้สึกดีใจอย่างมาก เพียงแต่รู้สึกเสียดายที่พ่อแม่ของเขาไม่ยอมย้ายไปอยู่ด้วย
จนกระทั่งมีคนอื่นมาเปลี่ยนกะในช่วงกลางดึก เขาและพ่อจึงกลับเข้าบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากนอนในช่วงกลางดึกไปได้ไม่นานก็ต้องลุกขึ้นจากเตียง ออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวผลผลิตในทุ่งนา
นี่คือการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเหน็ดเหนื่อย
เย่ฉูฉู่เองก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ หลังจากทำงานยุ่งตลอดครึ่งวัน เธอจึงอยู่ที่บ้านเพื่อช่วยคุณแม่จ้าวทำอาหาร
แน่นอนว่านี่เป็นการผลัดเปลี่ยนเวรกัน เกือบเรียกได้ว่าเป็นการพักผ่อน
แต่อยู่ที่บ้านก็ไม่ได้เป็นเรื่องผ่อนคลายอะไร เพราะบ้านตัวเองก็ยังมีที่ดินส่วนตัว ตอนนี้ก็ถึงช่วงฤดูในการเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน
“ปีนี้ถั่วลิสงติดฝักเต็มไปหมด เหมือนกับปีก่อน ๆ เลย” คุณแม่จ้าวกลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ที่เหนื่อยมาตลอดทั้งปีก็เพื่อรอเก็บเกี่ยวมันไม่ใช่เหรอ?
ที่ดินส่วนตัวภายในบ้านถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งแรกปลูกถั่วลิสง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งปลูกมันเทศ ซึ่งเก็บเกี่ยวได้ทั้งคู่
เย่ฉูฉู่เองก็ต้องเข้ามาช่วยเช่นกัน
ไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้น พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สามและพี่สะใภ้สี่ก็ด้วย เพียงแต่พวกหล่อนช่วยทำอาหารอยู่ในบ้าน ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษในช่วงฤดูกาลที่แสนวุ่นวายนี้
“เหนื่อยสายตัวแทบขาดจริง ๆ!” ตอนที่ถึงช่วงมื้อเที่ยงของวัน จ้าวเหวินเทาก็ดึงภรรยาของเขามากินข้าวใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับพูดอย่างทนไม่ไหว
“ใช่ค่ะ เหนื่อยมาก” เย่ฉูฉู่เองก็เหนื่อยมากเช่นกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทุกคนต่างก็ทำแบบนี้กันหมด เธอจะขลุกตัวกินข้าวสบายใจเฉิบอยู่ในบ้านได้อย่างไร?
หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปชื่อเสียงคงไม่น่าฟังเท่าไรนัก เธอไม่อยากให้คนข้างนอกพูดว่าเหวินเทาแต่งงานกับภรรยาจอมขี้เกียจ
“น้องสาว เหวินเทา!” พี่ใหญ่เย่หิ้วกระบุงเดินเข้ามา
“พี่ใหญ่!” ครั้นเย่ฉูฉู่เห็นพี่ใหญ่ของตัวเองก็ดีใจเป็นอย่างมาก จ้าวเหวินเทาดีใจยิ่งกว่า เขารีบพูด “พี่ใหญ่ กินข้าวหรือยังครับ? มากินแป้งจี่ด้วยกันสักหน่อยสิ?”
“ไม่ต้องหรอก แม่ให้ฉันเอาของกินมาให้พวกเธอน่ะ” พี่ใหญ่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงเปิดฝาของกระบุงออก ในนั้นมีซาลาเปาสี่ลูก!
“ซาลาเปา?” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ พ่อตาแม่ยายของเขามีฐานะดีขนาดไหนเขาย่อมรู้ดี แต่เขาประหลาดใจที่พ่อตาแม่ยายดูแลพวกเขาสองสามีภรรยาต่างหากล่ะ
“แม่บอกว่าพวกเธอก็คงจะเหนื่อยเหมือนกัน รีบกินเถอะ ในนี้มีไข่ด้วยนะ” พี่ใหญ่เย่พูด
“พี่ใหญ่กินแล้วหรือยัง? ไม่ใช่ว่าเก็บไว้ให้พวกเรานะคะ พวกเรามีแป้งจี่แล้ว” เย่ฉูฉู่พูด
“พี่กินมาแล้ว พวกนี้เป็นส่วนแบ่งของพวกเธอ” พี่ใหญ่เย่พูด หลังจากมอบมันให้กับพวกเขาทั้งสองแล้วก็เดินถือกระบุงกลับไป เพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเริ่มงานอีกครั้งแล้ว
เย่ฉูฉู่กระซิบบอกจ้าวเหวินเทา “เหวินเทา คุณเอาไปแบ่งให้คุณพ่อด้วยสิคะ”
พี่สามีและพี่สะใภ้คนอื่น ๆ ย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว หลานชายและหลานสาวก็ด้วย แต่คุณพ่อจ้าวเป็นบุพการีถึงอย่างไรก็ต้องแบ่งให้หนึ่งลูก คุณแม่จ้าวไม่ได้มา อาหารในวันนี้ก็เป็นอาหารที่พี่สะใภ้สี่ผู้ได้รับการผลัดเปลี่ยนเวรเลือกมา
จ้าวเหวินเทาก็คิดอยากแบ่งให้พ่อของเขาเหมือนกัน ภรรยาของเขาพูดแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ
“ได้ ผมจะทำตามที่ภรรยาบอกนะ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยขณะมองเธอ
สายตาที่มองมาทำให้เย่ฉูฉู่กระสับกระส่ายอยู่ภายในใจ ถึงเข้าร่างนี้มาตั้งนานแล้ว เธอก็ยังทนต่อสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของเขาไม่ได้
จ้าวเหวินเทานำซาลาเปาไปให้พ่อของเขาหนึ่งลูก ส่วนที่เหลืออีกสามลูกพวกเขาเก็บไว้กินเอง
คุณแม่เย่ใส่ไส้ไว้เยอะมาก ด้านในซาลาเปาไม่เพียงแต่จะมีผักจำนวนมาก แต่ยังมีไข่ไก่อีกครึ่งฟองด้วย เป็นซาลาเปาแบบแป้งบางไส้แน่น รสชาติซาลาเปาเนื้อนี้ช่างอร่อยล้ำนัก
คุณพ่อจ้าวไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของลูกชายคนเล็ก เขารับประทานซาลาเปาหอม ๆ ต่อหน้าลูกชายและลูกสะใภ้
เทียบกับซาลาเปาแป้งขาวนี้แล้ว แป้งจี่แทบไร้รสชาติไปเลย
พวกพี่ชายและพี่สะใภ้ตระกูลจ้าวยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าอิจฉาตาร้อนเป็นแถว ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้บ้านพ่อแม่ของพวกหล่อนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับตระกูลเย่กันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการไว้หน้าลูกสาวของตัวเองเลย
จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่ทางฝั่งนี้ก็กินซาลาเปาสามลูกอย่างมีความสุขเช่นกัน
“นี่แหละถึงจะเรียกว่าใช้ชีวิต” จ้าวเหวินเทารับประทานเสร็จก็เดินไปที่ทุ่งนา พร้อมกับถอนหายใจ
เย่ฉูฉู่ยิ้ม เหวินเทาของเธอพึงพอใจง่ายขนาดนี้ จะดำเนินชีวิตแบบไหนก็พึงพอใจทั้งนั้น ช่างซื่อบื่อเสียจริง
เธอพูดกลับไปว่า “นี่ขนาดยังไม่มีเนื้อนะคะ ถ้ามีเนื้อคงจะอร่อยกว่านี้”
องค์ชายในชาติที่แล้วชอบกินซาลาเปาเนื้อที่เธอทำมาก ทุกครั้งเขาจะกิน 3-4 ลูก และทุกครั้งที่เธอเห็นองค์ชายเจริญอาหาร เธอก็จะรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ
“รอให้แยกบ้านก่อน พวกเราก็จะตัดสินใจได้เอง ถึงเวลานั้นฉันจะทำซาลาเปาเนื้อให้คุณกินค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดอย่างอ่อนโยน
ไม่ต้องบอกเลยว่าจ้าวเหวินเทารู้สึกสบายใจแค่ไหน เขายื่นหน้าเข้ามาพูดกับภรรยาของเขาเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อตอบตกลงตอนออกไปเฝ้าลานตากธัญพืช
เย่ฉูฉู่กล่าวเสียงเบา “งั้นรอให้การเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดก่อนค่อยแยกบ้านก็ได้ค่ะ”
จ้าวเหวินเทาดีใจอย่างสุดชีวิต เขาพูด “ภรรยา คุณไม่ต้องห่วงนะ ถึงเวลาที่พวกเราได้แยกบ้าน ผมจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขอย่างแน่นอน!”
ถึงเวลานั้นธุรกิจเลี้ยงกระต่ายอันใหญ่โตของเขาก็จะดำเนินบนเส้นทางที่ถูกที่ควรได้แล้ว!
แต่ต้องพูดว่าโชคของจ้าวเหวินเทาช่างน่าทึ่งนัก เพราะเขาได้เจอกับกระต่ายหนึ่งครอกในทุ่งข้าวสาลีที่เขาได้รับการแบ่งงาน!
แม่กระต่ายวิ่งหายไปแล้ว แต่ลูกกระต่ายยังอยู่ ดูเหมือนว่าในทุ่งข้าวสาลีจะมีข้าวเพียงพอ รังกระต่ายนี้จึงมีลูกกระต่ายถึง 9 ตัว ซึ่งเป็นวัยกำลังเติบโตทั้งหมด!
จ้าวเหวินเทารู้สึกดีใจจนทนไม่ไหวแล้ว นี่คือหมอนที่ถูกส่งมาขณะงีบหลับจริง ๆ!
“ลูกกระต่ายพวกนี้เป็นของผมทั้งหมด ใครก็อย่าได้คิดจะมาแตะ ผมจะเก็บไว้ให้ภรรยาของผมเลี้ยงไว้ดูเล่น!” จ้าวเหวินเทารีบปูฟางลงในตะกร้า จากนั้นจึงจับลูกกระต่ายใส่เข้าไปด้านใน!
พี่รองจ้าวและพี่สี่จ้าวไม่ได้พูดอะไร แต่พี่สามจ้าวกลับเบ้ปากพูด “น้องหก บ้านพวกเราไม่มีของส่วนตัว ถ้าเอากลับบ้าน มันคือของทุกคน!”
พี่รองจ้าวและพี่สี่จ้าวชะงัก ด้วยคิดไม่ถึงว่าเจ้าสามจะพูดแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
จ้าวเหวินเทาพูดกับพี่สามอย่างไม่เกรงใจ “ผมบอกว่าเป็นของผมก็คือของผมสิ ใครก็ห้ามแตะ ไม่เชื่อก็ลองดู!”
เขาตัดสินใจที่จะใช้ลูกกระต่าย 9 ตัวนี้เป็นเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ถึงเวลานั้นก็จะเลี้ยงมันให้ดี และทำให้พวกมันคลอดลูกกระต่ายออกมา เขาจะต้องพัฒนาและขยายธุรกิจกระต่ายขนาดใหญ่ของเขาให้ได้!
ใครกล้ามาขัดขวางธุรกิจของเขา เขาไม่มีทางยอม!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้ธุรกิจเลี้ยงกระต่ายรุ่งเรืองนะคะพี่เหวินเทา แยกบ้านแล้วยิ่งทางสะดวกเลย
ไหหม่า(海馬)