ทุกคนกำลังทำงานยุ่ง ช่วงนี้จ้าวเหวินเทาก็ยุ่งเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นวันนี้ ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนที่ขับรถกลับมา พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว
โชคดีที่เย่ฉูฉู่เตรียมอาหารเที่ยงไว้เสร็จแล้ว เธอรับประทานก่อนแล้ว และเหลือไว้ให้จ้าวเหวินเทา
“กินเสร็จก็รีบไปพักผ่อนเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความเป็นห่วง
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สี่จัดงานเลี้ยงฉลอง คุณได้ไปหรือเปล่าครับ”
“ไปมาแล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า แล้วพูดถึงเรื่องที่คุณแม่จ้าวปฏิบัติต่อพี่สะใภ้สี่ แม่สามีคนนี้ไม่แปลกใจเลยที่ได้รับคำชมจากทุกคนในหมู่บ้าน
“ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ พี่สะใภ้สี่ก็ยังเช็ดน้ำตาอยู่เลยค่ะ”เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทากล่าว “ครอบครัวของพี่สะใภ้สี่มีลูกสาวหกคน คนสุดท้องถึงได้ลูกชายมา ได้ยินมาว่า ทั้งบ้านดูแลลูกชายคนนั้นราวกับเคารพบรรพบุรุษ พี่สะใภ้จ้าวสี่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้ถึงทำให้หล่อนอยากได้ลูกชายก็ได้มั้ง?”
“ชีวิตของหล่อนตั้งแต่เด็กก็ถูกปลูกฝังเรื่องรักลูกชายมากกว่าลูกสาว แบบนั้นหล่อนยิ่งต้องดูแลลูกสาวของตัวเองให้ดี ๆ ไม่ใช่เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
“หล่อนคล้ายกับเป็นคนโรคจิตมาตั้งนานแล้ว ภรรยา พวกเราอย่าไปสนใจเลย แม่บอกกับผมแล้ว ช่วงนี้ไม่ให้ผมออกไปข้างนอก ให้อยู่ดูแลคุณ ท้องนี้ต้องเอาใจใส่” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่ลูบท้องพลางกล่าว “ฉันกับพี่สะใภ้สี่ห่างกันหนึ่งเดือน คาดว่าคงคลอดเดือนหน้า ระยะเวลาอีกตั้งนานขนาดนี้ คุณจะออกไปขายของก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่ได้ ๆ ระยะเวลาในการคลอดลูกไม่เหมือนกันนะ บางคนสิบเดือน บางคนเพิ่งจะเก้าเดือนก็คลอดแล้ว แปดเดือนคลอดก็มีเหมือนกัน แต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความจริงจัง
“แปดเดือนก็คลอดแล้ว? เป็นไปได้ยังไงกัน” เย่ฉูฉู่กล่าว “เก้าเดือนก็ยังพอเข้าใจได้ แต่แปดเดือนนี่มันเร็วเกินไปแล้ว ถือว่าคลอดก่อนกำหนดเลยนะคะ?”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ภรรยา คุณท้องเก้าเดือนแล้วนะ คลอดตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนดหรอก”
“คุณไปได้ยินมาจากที่ไหนคะ ทำไมถึงรู้เยอะจัง?” เย่ฉูฉู่เงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ผมก็ไปถามมาไง” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างภาคภูมิใจ “มีคนด่าผมว่าเป็นอันธพาลด้วย”
เย่ฉูฉู่ถึงกับหัวเราะเพราะถูกหยอกล้อ “ผู้ชายแบบคุณไปถามคนอื่นเรื่องคลอดลูก คนอื่นก็ต้องด่าคุณอยู่แล้ว”
จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้ใส่ใจ “ผมก็ไม่ได้มีความหมายอื่นสักหน่อย ภรรยาของตัวเองจะคลอดลูกแล้ว จะไม่ทำความเข้าใจสักหน่อยได้ไง? ยังไงผมก็จะเป็นพ่อคนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็แค่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้”
เขามีความรู้สึกนี้อยู่ลึก ๆ
เย่ฉูฉู่ตำหนิเคล้ารอยยิ้มด้วยสายตา “ก่อนหน้านี้ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ คุณคงเป็นอันธพาลจริง ๆ แล้วล่ะ”
“ก็จริง ยังไม่แต่งงานยังไม่มีลูกใครเขาจะไปสนใจเรื่องนี้” จ้าวเหวินเทากล่าว “พ่อกับแม่ก็พูดตลอด ถ้าไม่ได้เป็นคนดูแลบ้าน ก็คงไม่รู้ว่าข้าวของเครื่องใช้มันแพง ไม่เลี้ยงดูลูกก็ไม่รู้ถึงบุญคุณพ่อแม่ ผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจ จนกระทั่งตอนนี้ถึงเพิ่งจะรู้สึก ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ไม่มีทางเข้าใจจริง ๆ”
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ทราบดีว่ากว่าพ่อแม่จะเลี้ยงพวกเขาให้เติบใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นั่นก็แค่รู้แบบผิวเผิน ไม่ได้รู้สึกแบบลึกซึ้งขนาดนี้ ตอนนี้เขามีครอบครัวแล้ว ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี
เย่ฉูฉู่เห็นเขาเกิดความรู้สึกลึก ๆ แบบนี้แล้วก็อยากจะหัวเราะออกมา
“ภรรยา ผมคิดดีแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราไปโรงพยาบาลล่วงหน้าเถอะ ไปโรงพยาบาลในจังหวัด ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง แล้วก็จะรอจนกว่าจะคลอดด้วย” จ้าวเหวินเทาประคองเอวของภรรยา ส่วนมืออีกข้างกุมมือของภรรยาไว้จนแน่น
เย่ฉูฉู่ย่อมไม่ปฏิเสธความหวังดีนี้ของเขา จึงตอบ ‘อืม’ กลับไป
แน่นอนว่าช่วงหลายวันมานี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว แม้ว่าทุกคนจะยุ่งมาก แต่ต่อให้ยุ่งกว่านี้ก็ยังมีเวลานั่งซุบซิบนินทา
เรื่องที่พี่สะใภ้จ้าวสี่คลอดลูกสาวย่อมกลายเป็นเรื่องขบขันในหมู่บ้าน
“ลูกสาวอีกแล้ว ฉันจะบอกอะไรพวกเธอให้ หล่อนไม่มีดวงได้ลูกชายหรอก!” ภรรยาของเหล่าหวังสามใช้เคียวดันตัดถั่วเขียวไปพลางพูดไปพลาง
เคียวดันของจ้าวเหวินเทาเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ พอเปิดขายก็เป็นที่นิยมมาก ทำไว้ห้าสิบด้ามนำไปขายที่สถานที่ปลูกถั่วเยอะ ๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ถูกแย่งซื้อจนหมดเกลี้ยง
แต่ภายหลังในตลาดก็ปรากฏของลอกเลียนแบออกมา ทั้งยังราคาถูกกว่าของเขาเสียอีก จ้าวเหวินเทาเห็นก็เก็บแผนนี้ ไม่ได้นำออกไปขายแล้ว
เหลืออีกสองด้าม เขาจึงนำไปให้พ่อและแม่ยายคนละด้าม
คนในหมู่บ้านซื้อของลอกเลียนแบบ จนถึงตอนนี้แต่ละบ้านก็แทบจะมีกันคนละด้ามแล้ว
“แต่ก็อย่าพูดเลย ของชิ้นนี้ใช้ดีกว่าเคียวตั้งเยอะ ไม่ต้องก้มให้ปวดหลังด้วย ก่อนหน้านี้ตัดถั่วทำเอาฉันปวดเอวไปหมด กลางคืนปวดจนนอนไม่หลับเลย” หญิงสาวคนหนึ่งพูด จากนั้นก็กลับมาพูดคุยต่อจากเมื่อสักครู่ “แต่เธอก็อย่าไปพูดถึงอีกฝ่ายแบบนี้เลย พ่อแม่ของหล่อนก็ได้ลูกสาวมาตั้งหกคนกว่าจะได้ลูกชายไม่ใช่เหรอ? นี่อาจจะเป็นครอบครัวที่มีลูกชายช้าก็ได้!”
หญิงสาวอีกคนใช้เคียวดันเก็บถั่วเขียวพลางกล่าว “ใช่ ภรรยาเหล่าหวังสาม พูดทั้งทีก็อย่าเปิดเผยข้อบกพร่องเลย แบบนี้มันไม่ดี!”
ภรรยาเหล่าหวังสามกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เปิดเผยข้อบกพร่องอะไรกัน มันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ! ถ้าได้ลูกชายช้า แบบนั้นก็เท่ากับว่าลูกคนต่อไปของหล่อนก็คงจะเป็นลูกสาวอีกไม่ใช่หรือไง? อันที่จริงฉันเห็นหล่อนเป็นแบบนั้นก็ทนไม่ได้เหมือนกัน เธอดูสิ ตอนที่ยังไม่คลอดก็โอ้อวดแล้ว…อุ๊ย…ท้องของฉันสวยมากเลยนะ ต้องได้ลูกชายแน่นอน! อุ๊ย…ฉันซื้อสูตรมาถึงทำให้ได้ลูกชาย พวกเธออยากจะซื้อไหม ขายให้พวกเธอแบบถูก ๆ เลยนะ อุ๊ย…ฉันชอบกินของเปรี้ยว ๆ! ยังจะพูดว่าชอบกินเปรี้ยวอีก ฉันเห็นหล่อนแอบเด็ดพริกกินตั้งหลายครั้ง ล้างก็ไม่ล้าง กินสด ๆ แบบนั้นเลย บลา ๆ ๆ!”
ภรรยาเหล่าหวังสามเลียนแบบพี่สะใภ้สี่จ้าวได้เหมือนมาก ทั้งยังทำให้เหล่าสาว ๆ หัวเราะร่าออกมา
“ภรรยาเหล่าหวังสาม เธอนี่เป็นปีศาจจริง ๆ เลยนะ!”
“แต่อย่าพูดเลย ฉันเองก็ได้ยินหล่อนเคยพูดเหมือนกัน แค่เจอกันก็พูดแล้วว่าในท้องได้ลูกชาย ฉันก็นึกว่าจะเป็นลูกชายจริง ๆ!”
“คำพูดพวกนี้ในหมู่บ้านเรามีใครไม่ได้ยินบ้าง หล่อนเล่นป่าวประกาศไปทั่ว ลูกคนนี้ยังไม่ทันคลอดก็พูดฉอด ๆ ว่าเป็นลูกชายแล้ว นี่เท่ากับถูกตบหน้าเลยนะ”
“แต่ว่า แม่สามีของหล่อนก็เป็นคนดีจริง ๆ ฉันได้ยินมาว่า แม่สามีหล่อนไม่ได้พูดอะไรเลย แถมยังดูแลอย่างดีด้วย ไข่ไก่ก็มีให้กินไม่ขาด พี่สามีอีกสองคนที่แต่งงานไปอยู่ในเมืองก็เอาเนื้อกับไข่ไก่กลับมาให้เธอในช่วงอยู่ไฟด้วย แต่แม่แท้ ๆ ของหล่อนกลับไม่มาดูดำดูดีเลย!”
“มาอะไรกัน ฝั่งนู้นเขายุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวให้ลูกชาย ยังจะมาสนใจลูกสาวอย่างหล่อนเหรอ?” ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดฉอดๆ ทั้งยังแอบอิจฉาด้วย “พอพูดถึงบ้านตระกูลจ้าวก็หมดคำจะพูดเลย โดยเฉพาะน้าจ้าว คนนั้นก็ดีจริง ๆ อีกฝ่ายไม่รังเกียจเลยว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย แถมยังบอกเจ้าสี่อีกว่าอย่าไปซ้ำเติมให้ภรรยาเจ็บช้ำ บอกให้ภรรยาได้อยู่ไฟแบบสบายใจ แม่สามีแบบนี้จะไปหาได้จากที่ไหน?”
“คำพูดนี้พูดไว้ไม่ผิดเลย แต่ที่ทำแบบนั้นก็เพื่อลูกชายของนางไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวอีกคนกล่าว “ถ้าภรรยาโชคร้าย ใครที่เป็นทุกข์ ก็ต้องลูกชายของนางไงที่เป็นทุกข์ ถึงเวลานั้นใครจะทำอาหารซักเสื้อผ้าให้ลูกชายล่ะ!”
“ถูกต้อง ด้วยเหตุผลนี้แหละ ในบ้านจะไม่มีผู้หญิงสักคนไม่ได้หรอก” อีกคนถึงกับสำลัก
“เหตุผลแบบนี้แม่สามีที่ไหนไม่รู้บ้าง แต่เธอก็ดูสิว่าจะมีแม่สามีสักกี่คนที่ดีกับลูกสะใภ้ ยังไงก็ต้องพูดว่าน้าจ้าวเป็นคนดีคนหนึ่งเลย” เป็นเรื่องยากที่ภรรยาเหล่าหวังสามจะพูดจาอย่างเป็นธรรมสักประโยค
สะใภ้เล็กอีกคนกล่าว “จริงสิ ลูกสะใภ้คนนั้นก็จะคลอดแล้วเหมือนกันใช่ไหม?”
“ใกล้แล้ว ลูกสะใภ้ทั้งสองคนตั้งครรภ์ห่างจากกันเดือนหนึ่ง!” ภรรยาของหวังเหล่าซานรู้เรื่องของคนในหมู่บ้านราวกับกุมไว้อยู่ในมือ ไม่เช่นนั้นจะมานินทาได้อย่างไรกัน
“แหม แบบนี้ก็น่าดูแล้วล่ะ ถ้าสะใภ้หกได้ลูกชายขึ้นมา ดูสิว่าสะใภ้สี่จะทำยังไง!”
“ฉันว่านะ หล่อนคงตั้งตารอคอยให้น้องสะใภ้คลอดลูกสาวเพื่อเป็นเพื่อนหล่อนแน่เลย!”
“ฉันก็คิดแบบนั้น ฮ่า ๆ!”
“……”
งานในนายุ่งมาก แต่ก็ต้องมีเวลาหาเรื่องที่น่าสนใจด้วยการใช้ปากพูดคุยเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะทนได้จริงๆ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คนเล่ากันสนุกปากทั้งหมู่บ้านแล้ว ผลจากการไปโม้ไว้เยอะน่ะสะใภ้สี่
ไหหม่า(海馬)