ภรรยาของจางหมิงใจกว้างขนาดนี้ แน่นอนว่าก็เป็นเพราะจ้าวเหวินเทาไม่ใช่คนขี้งก อีกอย่างก่อนหน้านี้เขาก็เอาของมาให้ไม่น้อย หล่อนจึงประทับใจจ้าวเหวินเทาเป็นอย่างมาก
วันนี้แน่นอนว่าไม่ต้องพูดอะไร หล่อนย่อมต้องช่วยเหลืออยู่แล้วถึงจะดี
ได้ยินจ้าวเหวินเทาพูดดังนั้น หล่อนก็พูดรัวเร็ว “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วภรรยาเป็นยังไงบ้าง? ได้ลูกสาวหรือลูกชาย?”
“ภรรยาของผมสบายดี หล่อนคลอดได้ลูกชาย บอกว่าพอคลอดเสร็จก็หิวเลย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งั้นฉันไม่รั้งให้เธออยู่คุยที่นี่แล้ว เธอเอาโจ๊กกับไข่ไก่ไปให้น้องสะใภ้ก่อน ในหม้อยังมีกับข้าวอีกอย่าง เดี๋ยวฉันทำเสร็จแล้วจะเอาไปส่งให้นะ” ภรรยาจางหมิงกล่าว
“งั้นผมไปก่อนนะพี่สะใภ้” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาจึงขับรถเอาอาหารไปส่งให้ภรรยาที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนจางหมิงหลังจากแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้องก็ไม่เจอจ้าวเหวินเทาแล้ว เมื่อครู่เขากำลังนอนหลับอยู่เลย
“เหวินเทาล่ะ?” จางหมิงออกมาไม่เจออีกฝ่าย จึงเอ่ยปากถาม
แม้ทั้งสองคนจะรู้จักเพราะเย่หมิงเป่ย แต่ตอนนี้เขาก็สนิทกับจ้าวเหวินเทามาก ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
จ้าวเหวินเทามาบอกกับเขาเรื่องที่จะเหมาฟาร์มกระต่ายด้วย ทั้งยังถามความเห็นของเขา ว่าฟาร์มกระต่ายมีศักยภาพในการพัฒนาหรือไม่?
จางหมิงพาเขาไปถามพ่อที่บ้าน หลังจากพูดคุยกับพ่อของเขา พ่อของเขาก็รู้สึกว่าสามารถทำได้ ตราบใดที่ทำธุรกิจได้ดี อนาคตย่อมดี
“ภรรยาของเขาคลอดลูกแล้ว นี่ก็เอาโจ๊กกับไข่ไปให้ภรรยากินก่อนแล้วค่ะ” ภรรยาของจางหมิงกล่าว
“เร็วขนาดนี้เลย ได้ลูกชายหรือลูกสาวล่ะ?” จางหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ภรรยาจางหมิงแอบรู้สึกอิจฉา “ได้ลูกชายค่ะ”
“ภรรยา นี่คุณยังอิจฉาฉูฉู่อีกเหรอ? งั้นพวกเราก็ควรจะพูดถึงกำหนดการมีลูกแล้วสิ?” จางหมิงกล่าว
ภรรยาของจางหมิงกลอกตาใส่เขาด้วยรอยยิ้ม “แล้วงานของฉันจะทำยังไงคะ? รอปีหน้าแม่ของฉันก็เกษียณแล้ว ถึงเวลานั้นพอมีเวลาดูแล พวกเราค่อยมีก็แล้วกัน”
ไม่เช่นนั้นหากคลอดลูกแล้วก็ต้องลาออกจากงานมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกน่ะสิ หล่อนไม่ยอมหรอก
หากพึ่งพาแค่เงินเดือนของจางหมิง ในบ้านคงได้ใช้ชีวิตกันแบบรัดเข็มขัดสุด ๆ เงินเดือนของหล่อนไม่ได้น้อยไปกว่าจางหมิงเท่าไรนัก หล่อนไม่ยอมลาออกแน่
ภรรยาของจางหมิงทำกับข้าวเพิ่มอีกอย่าง นี่เป็นอาหารสำหรับจ้าวเหวินเทาและคุณแม่เย่ จากนั้นทั้งสองก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วยกัน
ตอนที่พวกเขามาถึง เย่ฉูฉู่ก็รับประทานอาหารเสร็จพอดี เป็นเพราะตอนคลอดลูกเสร็จก็รู้สึกเหนื่อย เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
คุณแม่เย่เห็นจางหมิงและภรรยามาเยี่ยม ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จางหมิง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
จางหมิงก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “สวัสดีครับคุณน้า ไม่ได้เจอกันนานเลย หลังจากกลับมาที่เมืองผมก็คิดถึงชีวิตในชนบทอยู่เหมือนกัน โชคดีจริง ๆ ที่มีคุณน้าคอยดูแล”
ภรรยาของจางหมิงก็เคยได้ยินเขาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง “คุณน้า น้องสะใภ้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“เพิ่งกินข้าวเสร็จก็หลับไปแล้ว เด็กอยู่ข้างใน เดี๋ยวน้าพาเข้าไปดู” คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นก็นำภรรยาจางหมิงเข้ามาดู ภรรยาของจางหมิงได้เห็นหน้าเย่ฉูฉู่แล้ว
หล่อนไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้จางหมิงคิดจะจีบเย่ฉูฉู่มาก่อน แต่เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่หน้าตาแบบนี้ก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย เธอสวยมากเลยล่ะ
นอกจากนี้ยังมีเจ้าตัวน้อยอีกคน ตอนนี้ยังเล็กอยู่จึงมองไม่ออก แต่องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าก็เหมือนกับเย่ฉูฉู่คนเป็นแม่ค่อนข้างมากเลย
อนาคตคงไม่ต่างกันเท่าไรนัก
คุณแม่เย่อุ้มหลานออกมาให้จางหมิงได้ดู
จางหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หน้าตาคล้ายฉูฉู่เลยครับ”
“ไม่เหมือนภรรยาของผมสักหน่อย ภรรยาผมสวยมาก นี่ก็ไม่รู้ว่าเหมือนใคร แอบหน้าตาน่าเกลียดอยู่นะ” จ้าวเหวินเทาผู้เป็นพ่อพูด
“เด็กเพิ่งคลอดก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ รอให้โตก่อนก็ดูดีเอง เธอกับฉูฉู่ก็ไม่ได้หน้าตาแย่ ลูกจะน่าเกลียดได้ยังไง!” คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาคลี่ยิ้ม “แม่พูดถูก ลูกชายเหมือนแม่ ฉูฉู่หน้าตาดีขนาดนั้น ลูกก็ต้องหน้าตาดีเหมือนกัน!”
จางหมิงและภรรยามาอยู่คุยที่นี่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขอตัวกลับ
จ้าวเหวินเทาให้คุณแม่เย่ไปพักผ่อน ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียงเพื่อดูลูก แต่ดูอยู่สักพักก็หลับไปเช่นกัน
เย่ฉูฉู่คลอดลูกต้องใช้พลังกาย ส่วนพวกเขาที่เป็นครอบครัวต้องใช้พลังใจ ต่างก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ลูกโตเร็วจริง ๆ ตอนแรกตัวย่นหน้าตาก็ดูน่าเกลียด ผ่านไปไม่กี่วันก็เปลี่ยนแล้ว ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลหลังจากอยู่ครบเจ็ดวันและกลับมาที่บ้าน ดวงตาของเขาดูเป็นประกาย ใบหน้าเป็นสีชมพูจนทำให้คนทนไม่ไหวอยากเข้าไปหอมสักฟอด
“หอมแก้มลูกไม่ได้นะ แล้วก็หยิกแก้มไม่ได้ด้วย เดี๋ยวน้ำลายไหล” คุณแม่เย่กำชับทั้งสองคน
เย่ฉูฉู่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เธอเชื่อหรอกว่าหอมแก้มจะทำให้น้ำลายไหล
ทว่าจ้าวเหวินเทากลับคุ้นชินในการพูดคุยจ้อแจ้กับลูก มีทั้งเรียกว่าเจ้าเด็กบ้า เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี ตอนที่แม่เกิดนายออกมาลำบากขนาดนั้น รอให้โตขึ้นถ้าไม่กตัญญู ถึงเวลานั้นพ่อจะจัดการนายซะ!
ส่วนชื่อของลูกที่ต้องให้ความสำคัญกับชื่อจริง และควรใช้ตัวอักษรอะไรตามที่บรรพบุรุษกำหนดนั้น เป็นเรื่องของคุณพ่อจ้าวในฐานะปู่
จ้าวเหวินเทาตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า ‘จวี้เป่าเผิน’
เย่ฉูฉู่ “…”
ลูกลิงชื่อฟาไฉ ลูกชายชื่อจวี้เป่าเผิน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพ่อคนนี้เห็นแก่เงิน
เย่ฉูฉู่ย่อมไม่ปล่อยให้เขาตั้งแบบมั่ว ๆ เธอจึงปฏิเสธชื่อเล่นนี้
“ทำไมถึงไม่เอาล่ะครับ จวี้เป่าเผินดีจะตาย แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นชื่อมงคล” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขาเคล้ารอยยิ้ม “งั้นคุณก็ตั้งชื่อตัวเองสิ ฉันไม่ให้ลูกชายของฉันมีชื่อเล่นแบบนี้หรอกค่ะ”
“งั้นก็ตั้งชื่อว่า จีต้าน ยาต้าน หนิวต้าน หยางต้าน? เหมือนกับพวกพี่ชายเถี่ยต้าน หลูต้าน หม่าต้านไง” จ้าวเหวินเทาเสนอชื่อต่อไป
เย่ฉูฉู่ “…”
ส่วนลูกชายเบะปากทำท่าจะร้องไห้แล้ว
พวกเขาออกเดินทางกลับมาตั้งแต่เช้า แต่เป็นเพราะขับรถช้า เพราะกลัวว่าจะทำให้แม่ยายและภรรยากระแทกกับรถ ดังนั้นกว่าจะมาถึงบ้านก็เป็นช่วงค่ำ
ก่อนที่จะกลับมาก็ได้โทรศัพท์กลับมาที่ทีมใหญ่ล่วงหน้าแล้ว
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวจึงมารอที่บ้านใหม่ เมื่อได้ยินเสียงรถ ทั้งสองคนก็รีบออกมา
จ้าวเหวินเทาขับรถเข้ามาจอดในบ้านแล้วดับเครื่อง
คุณแม่เย่อุ้มหลานอยู่ในอ้อมอก นางกล่าวทักทายคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวด้วยสีหน้าอ่อนล้า
“แม่ภรรยา ลำบากเธอแล้วจริง ๆ!” หลังจากคุณแม่จ้าวได้เห็นเด็กหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของนาง จึงพูดคุยกับคุณแม่เย่
คุณแม่เย่ยิ้ม “นี่ก็เป็นหลานฉันเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอก”
เหนื่อยมันก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว แต่ภายในใจก็มีความสุข
จ้าวเหวินเทาหยิบเก้าอี้มาวางไว้ด้านล่าง ก่อนจะประคองภรรยาให้ลงจากรถ
“คุณพ่อ คุณแม่” เย่ฉูฉู่กล่าวทักทายพ่อแม่สามี
“สะใภ้หก ลำบากเธอแล้วนะ แม่ภรรยาเธอก็เหมือนกัน รีบเข้าไปพักผ่อนในบ้านเถอะ ในบ้านทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว” คุณแม่จ้าวรีบกล่าว
เย่ฉูฉู่เองก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว หลังจากพยักหน้าก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ถูกจ้าวเหวินเทาประคองเข้าไปในบ้าน
คุณแม่เย่ก็เข้ามาพักผ่อนเช่นกัน
คุณพ่อจ้าวมองหลานชายตัวน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้หน้าตาดีจริง ๆ!”
ก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์กลับมาแจ้งแล้ว ย่อมต้องทราบว่าเป็นหลานชาย พวกเขาทายถูกจริง ๆ
จ้าวเหวินเทาที่เป็นพ่อในตอนนี้ก็ไม่ได้รังเกียจแล้ว กล่าวอย่างพึงพอใจว่า “แหงอยู่แล้วครับ พ่อแม่หน้าตาดีแบบนี้ ลูกจะหน้าตาไม่ดีได้ยังไงล่ะ?”
คุณแม่จ้าวได้ยินก็หัวเราะ แต่นางก็รู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากเลย
หลานชายตัวน้อยหน้าตาดีจริง ๆ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคล้ายกับปู่และย่าอย่างพวกเขาทั้งคู่!
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตั้งชื่อลูกอะไรอะเหวินเทา มันดูเรียกยากไปหน่อยนะ
บ้านสี่รู้เรื่องเข้าได้ลุกเป็นไฟแน่นอน
ไหหม่า(海馬)