เพียงชั่วพริบตาก็ถึงงานฉลองครบเดือนของเสี่ยวไป๋หยาง
ตอนนี้เริ่มเก็บข้าวโพดแล้ว และเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดด้วย หลังเหนื่อยจากการทำนาพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีแรงที่จะทำอาหารแล้ว จึงเรียกให้ลูกไปต้มโจ๊กหรืออะไรสักหน่อยก็เป็นอันใช้ได้
ส่วนอีกสองมื้อที่เหลือก็รับประทานอาหารแห้ง อย่างเช่นผักเส้นดองเค็มและน้ำต้มสุก รับประทานจนชืดชากับรสชาติไปหมด
ตอนนี้จ้าวเหวินเทาจัดงานฉลองครบเดือน ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ต้องไป นั่นช่วยบรรเทาความอยากอาหารได้เลยนะ!
จ้าวเหวินเทาเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว อาหารถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี งานฉลองลูกชายครบหนึ่งเดือนต้องทำให้ดี ๆ มีเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อกระต่ายและเนื้อหมู มีอาหารเสิร์ฟให้ไม่ขาด
พี่สาวใหญ่จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวกลับมาช่วยงาน ส่วนคุณแม่เย่และคุณแม่จ้าวเป็นแม่ครัวหลัก นอกจากนี้ยังมีพวกพี่สะใภ้ด้วย
จ้าวเหวินเทาและพี่ชายคนอื่น ๆ รวมถึงพี่ภรรยาอีกสองคนอยู่ต้อนรับแขก คุณพ่อจ้าวและคุณพ่อเย่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าทุกคน
“ยินดีด้วย ๆ ได้อุ้มหลานแล้วนะ!”
“ยินดีด้วย ๆ ได้อุ้มหลานชายแล้ว!”
“ขอบใจ ๆ!”
“ขอบคุณ ๆ!”
คุณพ่อทั้งสองคนต่างก็ส่งเสียงพร้อมเพรียง ทั้งยังดูคล้ายกับใส่ใจกับเรื่องนี้มาก
เย่ฉูฉู่อุ้มลูกขณะนั่งอยู่บนเตียง ตอนเช้าจ้าวเหวินเทาต้มน้ำร้อนไว้สองหม้อใหญ่แล้ว เย่ฉูฉู่จึงได้อาบน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีความสุขไปหนึ่งรอบ
รวมถึงลูกชายก็ได้อาบด้วย
คุณแม่จ้าวเป็นคนซักเสื้อผ้าให้หมดแล้ว บ้านก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จึงทำให้พวกสาว ๆ ที่เข้ามาดื่มเหล้าครบเดือนภายในบ้าน ไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ ที่มาจากบ้านของคนอยู่ไฟแม้แต่น้อย แต่กลับได้กลิ่นของความใหม่
ภรรยาของเหล่าหวังสามและคนอื่น ๆ แอบประหลาดใจ “ในบ้านทำไมถึงสะอาดขนาดนี้?”
คนอยู่ไฟและดูแลลูก โดยปกติก็ไม่มีเวลาเก็บกวาดบ้านแล้ว ที่สำคัญคือเก็บกวาดไม่หมดหรอก
เพิ่งจะเก็บเสร็จ ไม่กี่นาทีก็กลับมาสกปรกอีกรอบ รักษาความสะอาดให้ถึงครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เลย ใครจะไปมีกะจิตกะใจเก็บกวาด พอนานวันเข้าก็คุ้นชินกับความสะเปะสะปะไปเสียแล้ว
แต่เมื่อได้มาเห็นบ้านอยู่ไฟของเย่ฉูฉู่ กลับสะอาดเป็นระเบียบยิ่งกว่าบ้านของคนที่ไม่อยู่ไฟเสียอีก
นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือเย่ฉูฉู่ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งคลอดลูกเลย
โดยพื้นฐานเมื่อคลอดลูกแล้ว ใบหน้าของผู้หญิงก็จะมีกระฝ้าเหลือทิ้งไว้ สีหน้าก็ดูไม่ดี ต่อให้ดูแลดีกว่านี้ก็ไม่ดีอยู่ดี เพราะลูกคอยรบกวนจนไม่มีเวลาได้พักผ่อนให้เต็มที่ สีหน้าย่อมดูไม่ดีอยู่แล้ว
แต่ใบหน้าของเย่ฉูฉู่กลับยังขาวสะอาด ผิวก็มีสีชมพูระเรื่อ ดวงตาสุกสกาว มีความเปล่งปลั่ง มีแค่รูปร่างที่อาจจะอวบกว่าเมื่อก่อนแค่เล็กน้อย แต่กลับทำให้เธอมีเสน่ห์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
แค่เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นคนโชคดี!
เมื่อดูลูกของเธอ ก็มีใบหน้าขาว ๆ ดวงตาทั้งโตและเป็นประกาย มีความกระปรี้กระเปร่าและสะอาดบริสุทธิ์
พวกผู้หญิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ นี่คือผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกเหรอ? นี่คือผู้หญิงที่เพิ่งออกจากอยู่ไฟเหรอ? นี่คือเด็กเล็กที่ไม่ว่าจะเก็บกวาดอย่างไรก็ไม่สะอาดเหรอ?
ก่อนหน้านี้ก็ให้วุ้นเส้นไข่ไก่เพื่อหลบหน้าไปแล้ว แต่ครั้งนี้พี่สะใภ้สี่จ้าวก็อุ้มลูกมาเช่นกัน
ทำไมจะไม่มาล่ะ? ได้ยินมาว่าทำของอร่อย ๆ ไว้ไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมากินให้หนำใจสิ!
แต่การมาครั้งนี้กลับถูกเปรียบเทียบจนเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เป็นคนที่เพิ่งคลอดลูกเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เส้นผมของหล่อนพะรุงพะรัง ใบหน้าก็หมองคล้ำจืดชืด มือทั้งสองข้างหยาบกระด้าง แต่ลูกที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดูดีไม่น้อย อันที่จริงการอยู่ไฟครั้งนี้พี่สะใภ้สี่ได้นั่งอยู่ไฟใช้ได้เลยทีเดียว ในหมู่บ้านก็มีน้อยคนมากที่จะได้อยู่ไฟแบบหล่อน
แต่เป็นเพราะหล่อนมีอารมณ์ไม่ดี เพราะมัวแต่บ่นที่ไม่ได้คลอดลูกชายมาโดยตลอด ดังนั้นต่อให้รับประทานของดีไปไม่น้อยแต่ตัวคนก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไร
ตอนนี้ก็ยังถูกเปรียบเทียบกับเย่ฉูฉู่อย่างชัดเจนอีก
พี่สะใภ้สี่จ้าวมาที่นี่ก็ถูกเปรียบเทียบแบบนี้ หล่อนจึงโมโหจนแทบจะสะบัดหน้าหนีออกจากบ้าน แต่สุดท้ายเพื่อของอร่อยแล้วจึงยอมอดทน
พวกผู้หญิงไม่ได้สนใจหล่อน ทุกคนต่างก็ทยอยถามไถ่เย่ฉูฉู่
“เธอเก็บกวาดยังไงเนี่ย ตอนฉันคลอดลูกแค่จะออกไปฉี่ยังไม่มีเวลาเลย”
“ของฉันยังไม่มีเวลาได้กินข้าวเลยด้วย”
“ฉันก็เหมือนกัน นอนก็ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ตอนเช้าก็ไม่ได้พักผ่อน ลูกบ้านฉันมีแต่ทำให้เป็นห่วง!”
“เพิ่งจะซักเสื้อเสร็จก็สกปรกแล้ว บนตัวก็ยังมีกลิ่นแปลก ๆ ด้วย”
“ฉูฉู่ เธออาบน้ำแล้วเหรอ? เพิ่งจะออกจากอยู่ไฟก็อาบน้ำแล้ว ระวังจะไม่สบายนะ”
ทุกคนผลัดกันพูดคนนี้หนึ่งคำคนนี้หนึ่งคำ
พี่สะใภ้สี่จ้าวยืนอยู่ข้าง ๆ พูดแทรกไม่ทัน จริง ๆ หล่อนเองก็ไม่คิดจะพูดแทรกอยู่แล้ว
หล่อนมองเย่ฉูฉู่ แล้วกลับมามองตัวเอง ดูลูกชายตัวอวบอ้วนของอีกฝ่าย แล้วหันมองลูกสาวผลาญเงินคนนี้ของตัวเอง ภายในใจก็รู้สึกอิจฉาจนไม่ต้องพูดถึงเลย
หล่อนแอบรู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว แต่จะให้กลับไปก็ทำใจไปไม่ได้เหมือนกัน ยังคงเป็นคำนั้นที่ว่ามีของอร่อยมากมายขนาดนั้นเลยนะ
เย่ฉูฉู่ก็พูดคุยกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม แต่เธอเองก็มีทักษะในการพูดเยอะมากเช่นกัน เธอไม่ได้พูดว่าเสี่ยวไป๋หยางเลี้ยงง่าย แต่กลับบอกว่าเสี่ยวไป๋หยางงอแงเสียงดัง แต่ที่สะอาดได้แบบนี้ ก็เป็นเพราะแม่ของเธอรวมถึงแม่สามีเป็นคนรักความสะอาด
จึงมาที่นี่เพื่อช่วยเก็บกวาดให้
เฮ่อซงจือก็อุ้มลูกมาที่นี่เช่นกัน สภาพของหล่อนดูแข็งแรงกว่าพี่สะใภ้สี่ แม้จะแอบเศร้าใจที่ลูกคนแรกไม่ใช่ลูกชาย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นท้องแรก จ้าวเหวินจื้อเองก็ชอบลูกสาว ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย ทั้งยังบอกหล่อนว่าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เป็นเพราะสภาพจิตใจดีจึงทำให้สภาพร่างกายของหล่อนดูดีเช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับเย่ฉูฉู่ก็ยังแย่กว่าไม่น้อยเลย
ประเด็นสำคัญก็คือตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง ที่บ้านมีที่ดินเยอะ หล่อนเองก็ต้องลงไปทำนา ผลัดกับแม่สามีดูแลลูก ไม่เหมือนกับเย่ฉูฉู่ที่อยู่บ้านตลอด ต่อให้ทำงานก็เป็นงานในบ้าน มีน้อยครั้งมากที่จะออกจากบ้าน
เดิมทีเธอเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งขาวเข้าไปใหญ่
“สีหน้าของเธอทำไมถึงได้ดูดีแบบนี้เนี่ย?” เฮ่อซงจือพูดด้วยความอิจฉาอย่างจริงใจ
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยู่ไฟหนึ่งเดือนนอกจากกินก็นอน ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าพวกเธออยู่ไฟเหมือนกับฉันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็อาบน้ำแล้วด้วย ต้มน้ำไว้สองหม้อ ลูกก็อาบน้ำแล้ว”
เฮ่อซงจือมองเสี่ยวไป๋หยาง กล่าวว่า “เด็กน้อยนี่หน้าตาเปลี่ยนทุกวันเลยจริง ๆ อ้วนกว่าคราวก่อนที่ฉันมาหาตั้งเยอะ” หล่อนคลี่ยิ้มพลางกล่าวกับเย่ฉูฉู่ “เธอเองก็เหมือนกัน อ้วนขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เยอะ ดู ๆ ไปแล้วก็สวยมากเลยนะเนี่ย”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่หล่อนด้วยรอยยิ้ม “เธออยากจะบอกว่าฉันอ้วนก็พูดมาเถอะ”
เธอทราบดีว่าตอนที่อยู่ไฟตนใช้ชีวิตดีเกินไปหน่อย ดังนั้นจึงอ้วนขึ้น เมื่อคืนเธอเองก็ถามเหวินเทาอยู่เหมือนกัน
ผลลัพธ์ที่ได้เหวินเทาของเธอหวงแหนเธอมาก บอกว่าตอนกลางคืนอากาศหนาว นอนกอดภรรยาก็เหมือนกับกอดก้อนสำลี สบายสุด ๆ เลย
เย่ฉูฉู่ไม่อยากจะพูดกับเขาแล้ว ใครคือก้อนสำลี จะบอกว่าเธอปุกปุยสินะ?
แม้ว่าท้ายที่สุดจ้าวเหวินเทาจะง้อปลอบประโลมเธออย่างดี แต่เย่ฉูฉู่ก็ยังคิดว่า รอให้ลูกหย่านมก่อน ถึงเวลานั้นค่อยลดน้ำหนัก
“ไม่อ้วนจริง ๆ ก็แค่ดูมีน้ำมีนวลกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อย แต่แบบนี้ดูดีจริง ๆ นะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย” เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง “อีกอย่างฉันก็อิจฉาเธอด้วย เธอคงไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้ฉันใช้ชีวิตเป็นยังไง เหนื่อยจะตายอยู่แล้วจริง ๆ”
เย่ฉูฉู่เองก็เข้าใจ กล่าวขึ้น “พวกเราปลูกดอกทานตะวันกับข้าวโพด ดอกทานตะวันขายไปแล้ว ส่วนข้าวโพดอีกสองวันก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว ไม่ได้ยุ่งอะไร พวกเธอปลูกเยอะเกินไปแล้ว ก็ต้องใช้แรงเยอะน่ะสิ แต่รอเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็จก็ดีแล้วล่ะ”
เย่ฉูฉู่ทราบดีว่าหลังจากเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็จก็จะเริ่มยุ่งกับการใช้ชีวิตฤดูหนาวต่อ ไม่มีเวลาได้หยุดพักเลยจริง ๆ
ชีวิตของคนในชนบทก็เป็นแบบนี้ ยุ่งเรื่องนี้เสร็จก็ไปยุ่งเรื่องนั้นต่อ มีเวลาว่างน้อยมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สะใภ้สี่ทนเอานะคะ อยากทำตัวเอง ได้กินของอร่อยแต่ก็แลกมากับการถูกเปรียบเทียบล่ะ
ไหหม่า(海馬)