“พี่สะใภ้สี่อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าสิคะ ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้สักหน่อย” เย่ฉูฉู่มองหล่อน
“เธอไม่ต้องปิดบังฉันหรอก ครั้งก่อนที่ป้ารองมาหาก็พูดไว้แล้ว แถมยังมายืมเงินพวกเราด้วยนะ อย่ามาพูดว่าไม่มี ไม่มีทางที่จะไม่ยืมหรอก ใครจะไปรู้ว่ายืมเงินไปจะเอาไปเล่นพนันอีกหรือเปล่า?” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว
“พวกเราก็ไม่มีเงินเหมือนกันค่ะ ค่าบ้านก็ยังไม่คืนเลย” เย่ฉูฉู่จึงพูดแบบขอไปที
พี่สะใภ้สี่พยักหน้า “มีเงินก็ให้ยืมไม่ได้ น้องสะใภ้หก ฟังฉันนะ พวกเธออย่าได้ต้อนรับคนแบบนี้ ต้อนรับแล้วก็มีแต่จะเอาเรื่องยุ่งยากมาให้!”
เย่ฉูฉู่ทราบดีว่านี่เป็นความหวังดีที่หาได้ยากจากพี่สะใภ้สี่จ้าว และเธอก็เข้าใจถึงความคิดของอีกฝ่าย มีหลายครั้งที่เป็นอย่างที่พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดจริง ๆ การต้อนรับคนแบบนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้
“ฉันทราบแล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอีกว่า “ดูเธอสิ เขามายังไงก็ให้มายังงั้นสิ ไม่ใช่แขกผู้มีเกียรติสักหน่อย ทำไมต้องทำกับข้าวต้อนรับเยอะแยะขนาดนั้น ขืนแปดเปื้อนคงได้ซวยหมด!”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่ห่างกันขนาดนี้ วิ่งไปวิ่งกลับใครจะวิ่งไหว” เย่ฉูฉู่กล่าว “อีกอย่างพ่อกับแม่ก็อยู่ด้วย จะให้ยกอาหารมาแค่อย่างสองอย่างเหรอคะ?”
“มันก็จริง” พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้พูดอะไร หล่อนกลอกตาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าว ใช้มือกุมมือเย่ฉูฉู่อย่างสนิทสนม และใช้เสียงหวานแปดระดับพูดว่า “น้องสะใภ้หก ฉันมีเรื่องอยากถามเธอหน่อย”
เย่ฉูฉู่ไม่คุ้นชินกับความสนิทสนมของพี่สะใภ้สี่จ้าว นางดึงมือกลับมาโดยไม่ได้ทิ้งพิรุธอะไรไว้ “พี่สะใภ้สี่พูดมาเถอะค่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“คือว่า” พี่สะใภ้สี่จ้าวกระซิบ “ครั้งก่อนเธอบอกว่ามีสูตรทำให้ได้ลูกชายไม่ใช่เหรอ? น้องสะใภ้หกยังจำได้ใช่ไหม?”
เย่ฉูฉู่เข้าใจความหมายของพี่สะใภ้สี่จ้าวได้ในทันที
“จำได้อยู่ค่ะ พี่สะใภ้สี่อยากได้สูตรนั้นเหรอ?” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ภายในใจก็พูดว่า ‘ก็ว่าสิทำไมถึงได้มาหาอย่างกระตือรือร้นแบบนี้’
เมื่อทราบความคิดของพี่สะใภ้สี่จ้าวแล้ว เธอจึงไม่พูดอ้อมค้อมและถามไปว่า “พี่สะใภ้สี่จ้าวอยากได้ตอนนี้เลยเหรอคะ?”
พี่สะใภ้สี่จ้าวรู้สึกเหนือความคาดหมายมาก หล่อนคิดว่าต้องใช้วาทศิลป์และหว่านล้อมสักรอบก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าเย่ฉูฉู่จะตอบรับเร็วแบบนี้ โดยไม่รอให้หล่อนพูดถึงเลยด้วยซ้ำ
หล่อนไม่กล้าล่าช้าเพราะกลัวว่าเย่ฉูฉู่จะเปลี่ยนใจ จึงรีบพยักหน้า “หาตอนนี้เลยได้ไหม? น้องสะใภ้หก สูตรนี้ของเธอมีประสิทธิภาพที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ เธอดูสิเธอแค่กินสูตรนี้เข้าไปก็ได้เสี่ยวไป๋หยางมาเลย แต่ของฉันกินเข้าไปกลับได้อู่หยาซะงั้น เมื่อรวมอู่หยาแล้ว เท่ากับตอนนี้ฉันเสียเปรียบคลอดออกมาสามคนได้ลูกสาวหมดเลย ฉัน…”
เย่ฉูฉู่ไม่อยากได้ยินพี่สะใภ้สี่จ้าวพูดข้ออ้างเกี่ยวกับการที่ถูกลูกสาวเอาเปรียบอีกแล้ว จึงพูดแทรกไปว่า “พี่รออยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ ฉันจะไปหามาให้ พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่เก็บเงินพี่หรอก” จากนั้นจึงหมุนตัวกลับเข้าห้องไป
พี่สะใภ้สี่จ้าวรู้สึกซึ้งใจเมื่อได้ยินว่าจะไม่เก็บเงิน
ปกติหล่อนไม่ได้เห็นว่าน้องสะใภ้หกเป็นคนดีแบบนี้ บอกว่าจะให้ก็ให้ ไม่ได้มีความหมายคลุมเครืออะไรเลย ถ้ารู้แบบนี้คงเอ่ยปากขอตั้งแต่แรกแล้ว คงไม่ต้องใช้ให้ลูกสาวสองคนมาช่วยปอกเปลือกข้าวโพดหรอก
แต่เมื่อมาคิดอีกรอบ บางทีอาจจะเป็นเพราะลูกสาวทั้งสองมาช่วยปอกเปลือกข้าวโพดก็ได้ เย่ฉูฉู่จึงให้สูตรแบบถึงใจขนาดนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่บอกว่าจะให้สูตรนี้ ถึงอย่างไรหล่อนก็ออกแรงไปแล้ว
เย่ฉูฉู่ไม่รู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ของพี่สะใภ้สี่จ้าว ที่เธอตอบตกลงอย่างรวดเร็วก็เพราะเห็นใจพี่สะใภ้สี่จ้าวตรงที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และเป็นเพราะพี่สะใภ้สี่จ้าวอยากได้ลูกชายสุดหัวใจ แม้เธอจะรับไม่ได้แต่ก็พอเข้าใจได้
โดยเฉพาะในชนบท ถ้าไม่มีลูกชายสักคนอยู่ข้างกายคงเป็นเรื่องรับไม่ได้ นี่ก็เป็นเพราะความอยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว เป็นความจริงที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ
อีกอย่างหนึ่งคือเธอไม่ค่อยชอบความประพฤติของพี่สะใภ้สี่จ้าวเท่าไรนัก จึงอยากจะให้หล่อนกลับไปเร็ว ๆ
ครั้นพี่สะใภ้สี่จ้าวได้สูตรยามีลูกชาย หล่อนก็กลับไปอย่างมีความสุข
เย่ฉูฉู่เห็นท่าทางตื่นเต้นนั้นของหล่อน ก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่ฉายชัดบนใบหน้า เธอเองก็หวังจากใจจริงว่าสูตรของเธอจะช่วยพี่สะใภ้สี่จ้าวได้
เมื่อพี่สะใภ้สี่จ้าวได้สูตรลูกชายของเย่ฉูฉู่แล้วก็เอากลับมาอวดพี่สี่จ้าว
“นี่เป็นสูตรที่น้องสะใภ้หกให้มา เห็นไหมฉันบอกแล้วว่ามีวิธี ฉันจะบอกอะไรให้นะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันให้ซานหยากับซื่อหยาไปช่วยปอกเปลือกข้าวโพด หล่อนไม่มีทางให้ฉันมาแบบใจถึงขนาดนั้นหรอก!” พี่สะใภ้สี่จ้าวเอ่ยพลางแค่นหึ
พี่สี่จ้าวเหลือบมองหล่อน ก่อนจะพูดอย่างช้า ๆ “ซานหยากับหยาช่วยปอกเปลือกข้าวโพดแค่ไม่กี่ฝักก็ทำให้ได้สูตรนี้มาแล้วเหรอ? ช่วยมีมโนธรรมสักหน่อยเถอะ!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวชักสีหน้าในทันที อะไรเรียกว่ามีมโนธรรมสักหน่อยเถอะ จะบอกว่าหล่อนไม่มีมโนธรรมอย่างนั้นเหรอ?
ในใจของหล่อนก็พูดอยู่ตลอดว่าน้องสะใภ้คนนี้เป็นคนดี ปากก็พูดไปแล้ว หล่อนยังไม่มีมโนธรรมตรงไหนอีก?
“จ้ะพ่อคนมีมโนธรรม ฉันยังไม่เห็นว่าคุณจะไปช่วยน้องสะใภ้หกปอกเปลือกข้าวโพดเลย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวทิ้งทวนไว้หนึ่งประโยค จากนั้นก็เดินเข้าห้องมาพูดปลอบใจซานหยาและซื่อหยา “หลังจากนี้พวกลูกต้องไปช่วยงานอาสะใภ้หกเยอะ ๆ นะ เขาจะได้ไม่พูดว่าแม่ของพวกลูกไม่มีมโนธรรม!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดเสียงดัง พี่สี่จ้าวจึงทราบได้ว่าหล่อนจงใจพูดให้เขาได้ยิน แต่เป็นเพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงเดินออกไป
พี่เขยหลิวรับประทานอาหารที่บ้านเหวินเทาเสร็จก็นำกระต่ายกลับไปด้วยสามคู่
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวกลับชอบพี่เขยหลิว แม้ตอนแรกจะติดคุกเพราะเล่นการพนัน แต่มันก็ผ่านไปสิบปีแล้ว ตอนนี้เขาเป็นคนดีมาก ไม่จำเป็นต้องยึดติดไม่ปล่อยวาง
หลังจากจ้าวเหวินเทาสังเกตจากการรับประทานอาหารมื้อนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าพี่เขยคนนี้ไม่เลวเลย เป็นคนจริง พูดจาเปิดเผย ก็ต้องรอดูว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไร
แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้คิดแบบนี้
พี่สะใภ้รองจ้าวมีที่ดินมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีข้าวโพดอีกหลายหมู่ เป็นเพราะที่ดินอยู่ห่างจากบ้าน พี่รองจ้าวจึงไม่อยากวิ่งไปกลับ เขาใช้วิธีของจ้าวเหวินเทา คือการตัดข้าวโพดมาพร้อมกับต้น จากนั้นก็ค่อยมาปอกเปลือกที่บ้าน
ระยะเวลาสองวันนี้ พี่รองจ้าวใช้หมดไปกับการขึ้นไปตัดข้าวโพดบนเขา ส่วนพี่สะใภ้รองจ้าวนั่งปอกเปลือกข้าวโพดอยู่ที่บ้าน ก่อนหน้านี้หลี่เฟินที่เป็นเพื่อนบ้านทางเรือนฝั่งตะวันตกก็เข้ามาช่วยหลังจากเสร็จงานแล้ว
หลี่เฟินมีที่ดินแค่สำหรับครอบครัวสามคน ข้าวโพดที่ปลูกไว้ก็มีน้อย ตอนนี้จึงเก็บต้นกลับมาหมดแล้ว
“ฉันได้ยินมาว่าพี่เขยของลูกพี่ลูกน้องพวกเธอมายืมเงินเหรอ?” หลี่เฟินปอกข้าวโพดไปพลางพูดไปพลาง
“เธอไปได้ยินมาจากไหน” พี่สะใภ้รองจ้าวถาม
หล่อนไม่แปลกใจที่หลี่เฟินรู้ว่าพี่เขยหลิวมาที่นี่ ถึงอย่างไรก็เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง พี่เขยหลิวมาก็ต้องเห็นอยู่แล้ว แต่เรื่องยืมเงินคงไม่รู้เร็วขนาดนี้
“จะมีใครอีกล่ะ ก็น้องสะใภ้สี่ของเธอนั่นแหละ” หลี่เฟินพูดด้วยรอยยิ้ม “หล่อนยังอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับพ่อแม่สามีเธอนะ มีเรื่องอะไรบ้างที่หล่อนจะไม่รู้”
พี่สะใภ้รองจ้าวเบะปาก “หล่อนเป็นพวกปากไม่มีหูรูด ฉันรู้เรื่องนี้แล้วล่ะ คราวก่อนป้ารองก็มาหาที่นี่และพูดเรื่องยืมเงินเหมือนกัน ฉันว่าวันนี้ที่มาก็เพราะมายืมเงินนั่นแหละ”
“เอ่ยปากขอกับเธอแล้วเหรอ?” หลี่เฟินถาม
“เธอหมายถึงพี่เขยคนนี้เหรอ? ไม่ได้ยืมฉันหรอก ฉันแค่ไปหาแล้วก็ทักทาย แต่ครั้งก่อนป้ารองมาหาก็พูดเรื่องนี้กับพวกเราไปรอบหนึ่งแล้วว่าจะยืมเงิน แต่ฉันมีเงินที่ไหนกันล่ะ บ้านหลังนี้ก็ยังมีเงินไม่พอจะคืนเลยด้วยซ้ำ จะไปมีเงินให้คนอื่นยืมได้ไง” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว
“มันก็จริง จะว่าไปแล้วในบรรดาพวกเธอ น้องสามีสี่ของเธอคงมีเงินนิดหน่อยแหละ” หลี่เฟินกลับเข้าใจ แล้วกล่าวว่า “อย่ามองว่าน้องสามีคนเล็กจัดการนู่นนี่นั่น ขับรถออกไปขายของข้างนอกทั้งวัน ได้เงินมาไม่น้อย ตัวเขาเองก็ขาดแคลนเรื่องเงินเยอะเหมือนกัน ในมือจะไปมีเงินที่ไหนกันล่ะ?”
พี่สะใภ้รองจ้าวก็เห็นด้วย “ในบรรดาพี่น้อง น้องหกคงขาดแคลนเงินมากที่สุดแล้วแหละ ส่วนน้องสามก็ออกไปสร้างบ้านแล้ว มีแค่น้องสี่ ที่นอกจากพาน้องสะใภ้สี่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายมากมายอะไร แต่น้องสะใภ้สี่คนนั้น ต่อให้มีเงินก็ไม่ให้ยืมหรอก อีกอย่างน้องสี่ก็ไม่ได้เป็นใหญ่ในครอบครัวด้วย”
“มันก็จริง แต่น้องสามีคนเล็กของเธอนี่ใช้ได้จริง ๆ เลยนะ ไม่มีเงินให้ยืมก็จริง แต่ให้พี่เขยเอากระต่ายกลับไปเลี้ยงแทน” หลี่เฟินเผยข่าวที่ได้รับให้ฟัง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้คราวนี้พี่สะใภ้สี่ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วกันนะคะ ถ้าได้ลูกสาวอีกนี่เดี๋ยวก็คงจะมาโทษฉูฉู่อีก
ไหหม่า(海馬)