ตอนที่ 228 ไม่ชอบ
การดูจากระยะไกลทำเพียงมองปราดเดียวเท่านั้น ไม่มีการพูดคุย แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก จากนั้นก็เสร็จสิ้นการดูตัว
แม่ของพี่สะใภ้สี่จ้าวดึงคุณแม่จ้าวไปคุยด้วยความกระตือรือร้นอยู่พักใหญ่ คุณแม่จ้าวจัดการเรื่องนี้อย่างฉับไว หลังจากพูดจาตามมารยาทแล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนเรียกรถเพื่อกลับบ้านของตนเอง นางจึงรีบบอกลาแม่ของพี่สะใภ้สี่จ้าวอย่างรวดเร็ว
คุณแม่จ้าวไม่ได้ซื้อของ แต่ไช่ซื่อหู่ก็ยังยัดเนื้อหมูให้นางครึ่งชั่ง บอกว่าไม่ต้องการเงิน คุณแม่จ้าวจึงรับไว้อย่างช่วยไม่ได้ คิดว่ากลับไปต้องคุยกับจ้าวเหวินเทาสักหน่อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจที่มีต่อจ้าวเหวินเทา
เจ้ารองฉวี่รู้สึกอิจฉามาก เขาเองก็ทราบดีว่าเป็นเพราะจ้าวเหวินเทา ไช่ซื่อหู่ถึงได้ให้เนื้อหมูกับคุณแม่จ้าว จึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเมื่อไรเขาจะเป็นแบบจ้าวเหวินเทาสักที?
เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว พวกคนหนุ่มในหมู่บ้านบางส่วนก็มีคนที่ใช้ชีวิตดูเหมือนว่าจะดีกว่าเขา คิดแบบนี้ก็แอบจิตตกอยู่เหมือนกัน
คุณพ่อจ้าวมาที่นี่เพื่อขายไม้กวาด เป็นไม้กวาดที่เขาผูกเองตอนอยู่ที่บ้าน มีความทนทานและแข็งแรง แถมราคายังไม่แพง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถูกซื้อไปจนหมด เขาจึงใช้เงินส่วนนี้ซื้อเกลือและพริกฮวาเจียว
เมื่อเห็นว่าคุณแม่จ้าวเดินกลับมามือเปล่า คุณพ่อจ้าวจึงบุ้ยปาก เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่มีความจริงจังสักนิดเลย!
“จะกลับแล้วเหรอ ตลาดยังไม่วายเลยนะ!” ภรรยาของเหล่าหวังสามเห็นคุณแม่จ้าวจึงกล่าวทักทาย
คุณแม่จ้าวกล่าว “ของแพงจะตาย มาดูก็พอแล้ว นี่ก็สายแล้วด้วย กลับดีกว่า”
“เหวินเทาของป้าได้เงินเยอะขนาดนั้น ป้าเป็นแม่ของเขาจะไม่มีปัญญาซื้อของแพงได้ไง!” ภรรยาของเหล่าหวังสามหัวเราะร่า
“ได้เงินอะไรกันล่ะ ติดหนี้ก้อนโตทั้งนั้นแหละ!” คุณแม่จ้าวรีบพูด
“ป้าอย่ามาปิดบังกันเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าจ้าวเหวินเทาลูกชายของป้ามีเงิน!” ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดเสียงสูง พูดจนคนที่อยู่ข้าง ๆ หันมามอง
คุณแม่จ้าวรู้สึกรังเกียจมาก นางจึงเร่งคนขับสูงอายุให้รีบออกรถ ชายชราจึงฟาดแส้ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นขาทั้งสี่ข้างของลาตัวเล็กก็กระตุกก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเท้าไปอย่างช้า ๆ
“ภรรยาของเหล่าหวังสามคนนี้ปากมากจริง ๆ วัน ๆ เอาแต่พูดจาเหลวไหลฉอด ๆๆ!” คุณแม่จ้าวพูดด้วยความโมโห
คุณพ่อจ้าวกล่าว “แล้วคุณจะไปสนใจทำไม!”
“อยู่หมู่บ้านเดียวกัน อีกฝ่ายคุยกับคุณ คุณจะไม่ตอบกลับได้เหรอ?” คุณแม่จ้าวบ่นอีกครั้ง
สถานที่มีขนาดใหญ่ คนที่อยู่ในตลาดจึงแบ่งกันเดินกระจัดกระจาย มีของกองทั้งทางตะวันออกและตะวันตก สินค้าย่อมไม่สามารถเทียบกับตอนนี้ได้ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์แล้ว มีทั้งของกินและเสื้อผ้า เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะซื้อหรือขาย ทุกคนต่างก็หน้าตาแจ่มใสดูมีจิตวิญญาณมากเลย!
ในยุคนี้เป็นยุคที่สดใส เปล่งประกายด้วยพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าใครจะเจอหน้าใครก็จะเข้าหากันโดยไม่ต้องนัดหมาย
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบโมงกว่า ๆ แล้ว มีบางคนที่ซื้อของเสร็จไม่มีอะไรทำแล้วจึงเริ่มเดินทางกลับ คุณแม่จ้าวกลับไปพร้อมกับพวกเขาเหล่านั้น พูดคุยเรื่องสัพเพเหระถึงของที่อยู่ในตลาด คุยกันสนุกสนานหัวเราะเริงร่าจนกลับมาถึงหมู่บ้าน
คุณแม่จ้าวไปที่บ้านของจ้าวเหวินเทา ลูกชายไม่อยู่บ้าน แต่ก็ยังมีลูกสะใภ้อยู่ นางต้องไปคุยเรื่องเนื้อหมู ส่วนคุณพ่อจ้าวเดินกลับบ้านไปก่อน
เจ้ารองฉวี่เดินโอ้เอ้ตามมาด้วย
“เป็นอะไร?” คุณแม่จ้าวถาม
เจ้ารองฉวี่ไม่ตอบ
คุณแม่จ้าวเอือมระอา “เด็กคนนี้ มีอะไรก็พูดมาสิ ไม่ชอบหรือว่าชอบ?”
เจ้ารองฉวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ได้!” พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไป
“อะไรนะ? ไม่ได้ ไม่ชอบเหรอ?” คุณแม่จ้าวเห็นเขารีบเดินไป ก็โกรธจนกระทืบเท้า “ลูกของเหล่าฉวี่คนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ พูดมากอีกสักประโยคจะตายรึไงเนี่ย!”
เมื่อมาถึงบ้านของจ้าวเหวินเทา จ้าวเหวินเทาก็ยังไม่กลับมา ภายในบ้านจึงเหลือแค่เย่ฉูฉู่คนเดียว นางกำลังกล่อมลูกและเลือกถั่วเหลืองไปพลาง ๆ นางคิดว่าจะปลูกถั่วงอกไว้รับประทาน เมื่อเห็นคุณแม่จ้าวเดินเข้ามา ในมือยังมีเชือกป่านด้วย เชือกป่านนั้นมัดเนื้อหมูไว้ด้านใน
“คุณแม่ รีบขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนค่ะ นี่คือ?” เย่ฉูฉู่รีบทักทาย
คุณแม่จ้าวหาจานหนึ่งใบเพื่อวางเนื้อไว้บนนั้น จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงและเริ่มเล่าเรื่องที่ช่ายซื่อหู่ให้เนื้อหมูกลับมา
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ เขาให้คุณแม่มาก็เอากลับไปเถอะค่ะ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเนื้อหมูสักหน่อย”
“แม่รู้อยู่แล้วว่าพวกเธอไม่ได้ขาดแคลนเนื้อหมู แต่ก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของเหวินเทาถึงได้ให้มาไม่ใช่เหรอ?” คุณแม่จ้าวกล่าว
เย่ฉูฉู่เข้าใจถึงความหมายของแม่สามี “งั้นรอเหวินเทากลับมาหนูจะบอกเขาให้นะคะ คุณแม่คะ เขาชอบกันรึเปล่าคะ?”
บางครั้งเย่ฉูฉู่ก็มีช่วงเวลาซุบซิบอยู่เหมือนกัน
คุณแม่จ้าวหัวเราะพลางส่ายหน้า จากนั้นก็เล่าถึงท่าทางของเจ้ารองฉวี่ก่อนหน้านี้
เย่ฉูฉู่ประหลาดใจมาก “พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนไม่ใช่เหรอคะ?”
“ฝ่ายหญิงเคยเจอเขามาก่อน แต่ฝ่ายชายยังไม่เคยเจอ” คุณแม่จ้าวอธิบาย “แม่ว่าผู้หญิงคนนั้นผอมไปหน่อย แม่ของพี่สะใภ้สี่บอกว่ารูปร่างดี แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น!”
เย่ฉูฉู่ได้ยินว่าเจ้ารองฉวี่ไม่ได้ชอบคนที่แม่ของพี่สะใภ้สี่แนะนำให้ งั้นก็สามารถเตรียมคนคนนั้นของเฮ่อซงจือได้แล้วสิ
คุณแม่จ้าวกล่าว “ลูกไปบอกเฮ่อซงจือนะ บอกให้ผู้หญิงคนนั้นหาข้ออ้างเพื่อมาสักครั้ง พวกเราจะได้มาดูตัวกันด้วย ดูว่าเจ้ารองฉวี่สนใจไหม”
“เฮ่อซงจือบอกว่า พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แล้วก็เคยคุยกันแล้วด้วย แต่เจ้ารองฉวี่ไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่าใครพูดจริงกันแน่” เย่ฉูฉู่คิดว่าเฮ่อซงจือคงไม่โกหกนาง เช่นนั้นก็คงเป็นผู้หญิงคนนั้นที่พูดโกหก
คุณแม่จ้าวกล่าว “ถึงเวลานั้นรอดูว่าเจ้ารองฉวี่เห็นด้วยไหมก็รู้แล้วล่ะ มา เสี่ยวไป๋หยาง ขอย่าอุ้มหน่อยซิ!”
คุณแม่จ้าวปรบมือตรงหน้าเสี่ยวไป๋หยาง ทำท่าจะอุ้มเขา
เสี่ยวไป๋หยางหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขมาก
“ตายแล้วเด็กคนนี้ ยิ้มแล้วดูดีมากเลยนะเนี่ย!” คุณแม่จ้าวเอ็นดูหลานคนนี้มาก
“ไปหาคุณย่าสิลูก” เย่ฉูฉู่ยื่นเสี่ยวไป๋หยางให้คุณแม่จ้าว
เสี่ยวไป๋หยางอ้าแขนกว้างใส่คุณแม่จ้าว ทำเอาคุณแม่จ้าวถึงกับมีความสุข เมื่อได้อุ้มก็ยกหลานขึ้นสูง เสี่ยวไป๋หยางจึงแกว่งเท้าเล็ก ๆ และหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“เด็กคนนี้อ้วนแล้วนะ” คุณแม่จ้าวลองชั่งน้ำหนักดู
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “กินอิ่มก็นอน นอนอิ่มก็กิน จะไม่อ้วนได้ยังไงล่ะคะ!”
คุณแม่จ้าวหัวเราะ “กินอิ่มนอนหลับก็ดีแล้วล่ะ! จริงไหมเสี่ยวไป๋หยาง?”
เสี่ยวไป๋หยางพ่นน้ำลายใส่คุณแม่จ้าวรัว ๆ
“คุณแม่คะ อยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่สิคะ เดี๋ยวหนูจะไปทำให้” เย่ฉูฉู่กล่าว
“แม่คงไม่อยู่กินที่นี่แล้วล่ะ ที่บ้านยังมีพ่อเธออีกคนนะ” คุณแม่จ้าวบอก หลังจากเล่นกับเสี่ยวไป๋หยางครู่หนึ่งก็ยื่นกลับมาให้เย่ฉูฉู่ นางลุกขึ้นและเตรียมตัวจะกลับบ้าน
เย่ฉูฉู่ลังเลที่จะพูด “คุณแม่คะ อีกคนหนึ่งที่จะแนะนำให้เจ้ารองฉวี่ พี่สะใภ้สี่รู้จะโกรธหนูรึเปล่า?”
คุณแม่จ้าวส่งเสียง ‘ชิ’ ออกมา “จะโกรธอะไรกัน? ไม่ใช่พวกเราทำให้เกิดเรื่องแย่สักหน่อย เป็นเพราะเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบเองต่างหากล่ะ! อีกฝ่ายไม่ชอบคนที่แนะนำให้ก็ต้องหาคนอื่นสิ มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน! ลูกก็ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากมาย ถ้ายัยนั่นกล้ามาหาเรื่อง เดี๋ยวแม่ด่าให้เอง!”
เย่ฉูฉู่ทราบดีว่าแม่สามีเอนเอียงมาที่นาง จึงรีบพูด “คุณแม่ นี่แหละค่ะที่หนูกังวล”
“งั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอก งั้นแม่กลับก่อนนะ” คุณแม่จ้าวพูดจบก็เดินออกไป
เย่ฉูฉู่ส่งแม่สามีกลับไปแล้ว ก็รู้สึกว่าที่แม่สามีพูดก็ถูก เจ้ารองฉวี่ไม่ชอบคนที่พี่สะใภ้สี่แนะนำให้ แต่ก็ไม่สามารถอยู่เป็นโสดแบบนี้โดยไม่หาคนอื่นไม่ใช่เหรอ ระหว่างที่คิดก็อุ้มเสี่ยวไป๋หยางไว้ในอ้อมกอด นางบอกให้ลูกลิงเฝ้าบ้านให้ดี จากนั้นก็ไปบอกเรื่องนี้กับเฮ่อซงจือ
เฮ่อซงจือได้ยินว่าเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบคนคนนั้น ก็รู้สึกดีใจมาก เธอเองก็จะได้ไปบอกกับเพื่อนสนิทด้วย เมื่อตอบตกลง อีกสองวันเธอจะส่งข้อความไปหา เพื่อให้อีกฝ่ายพาน้องสาวมาที่นี่ เมื่อดูตัวกันแล้วก็ค่อยมาว่ากัน
คุณแม่จ้าวกลับไปก็คุยกับพี่สะใภ้สี่จ้าว บอกว่าเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบ สิ่งนี้ทำให้พี่สะใภ้สี่จ้าวเหนือความคาดหมายมาก โดยปกติถ้าฝ่ายหญิงยินดี ส่วนมากก็ประสบความสำเร็จแล้ว ถึงอย่างไรหากให้ฝ่ายชายไปหาภรรยาเองดูเหมือนว่าจะยากกว่าให้ฝ่ายหญิงหาสามีเสียอีก
……………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เบื่อพวกชอบพูดจาไร้สาระจังเลยค่ะ เราไปดูความรักของไป๋หยางน้อยกันดีกว่า
ไหหม่า(海馬)