ตอนที่ 230 ความสัมพันธ์แม่ลูก
ลิงน้อยหยิบตะเกียบมารอก่อนหน้านี้แล้ว เสี่ยวไป๋หยางก็ตื่นแล้วและส่งเสียงร้อง ‘อุแว้’ เพื่อเรียกหาแม่ เย่ฉูฉู่จึงเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เสี่ยวไป๋หยางตามปกติ
หลังออกจากอยู่ไฟ เย่ฉูฉู่ก็เริ่มลองหาวิธีตรวจสอบความถี่ในการขับถ่ายของเสี่ยวไป๋หยาง เธอพยายามให้เขาปัสสาวะเป็นเวลาโดยไม่ต้องใส่ผ้าอ้อม แรกเริ่มก็ยังไม่ได้ผล จนกระทั่งช่วงนี้ดูเหมือนว่าเสี่ยวไป๋หยางจะเข้าใจความหมายของแม่แล้ว เมื่ออยากปัสสาวะก็จะส่งเสียงร้องงอแงออกมา แต่ถ้าจะอุจจาระก็จะทำท่าทางเบ่งออกมาให้เห็น แม้บางครั้งจะพลาดไปบ้าง แต่เย่ฉูฉู่ก็พอใจมากแล้ว
นอกจากสัญญาณที่เสี่ยวไป๋หยางบอกเธอ เย่ฉูฉู่เองก็จะให้ลูกปัสสาวะหนึ่งครั้งก่อนลุกขึ้นมาและก่อนจะเข้านอน นอกจากนี้หลังจากดื่มนมสิบนาทีก็จะปัสสาวะหนึ่งครั้ง เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ในบางครั้งผ้าอ้อมก็แห้งตลอดทั้งวัน เรื่องนี้ทำให้เย่ฉูฉู่มีความสุขมาก
เธอรักความสะอาด ตอนที่ยังไม่แต่งงานได้เห็นหลานที่อยู่ในบ้านทั้งสกปรกและเหม็น ส่วนคนที่เป็นแม่ก็ปล่อยให้ผมเผ้ายุ่งเหยิงเนื้อตัวมอมแมม เธอไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้น ดังนั้นหลังจากที่มีลูกแล้วจึงลองที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วก็ทำมันได้จริง ๆ
หลังจากเสี่ยวไป๋หยางฉี่ออกมาในปริมาณมาก เย่ฉูฉู่ก็กล่าวชื่นชม “ลูกชายของแม่เก่งจริง ๆ! แม่รักหนูจังเลย!”
เสี่ยวไป๋หยางปรบมือพร้อมเสียงหัวเราะ เย่ฉูฉู่คุยกับลูกชายไปพลาง ก็สวมใส่เสื้อผ้าให้เขาไปพลาง
“หิมะตกลงแล้ว อากาศเย็นเจี๊ยบเลย พวกเราอุ่นเครื่องทำความร้อนแล้ว เสี่ยวไป๋หยางหนาวรึเปล่าเอ่ย?” เย่ฉูฉู่ขยับมือขยับเท้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานลูกชายก็สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ จากนั้นก็ล้างหน้าล้างมือ
ส่วนหน้าล้างด้วยน้ำนม ส่วนมือล้างด้วยน้ำอุ่น นอกจากนี้ยังเช็ดรอบคออีกรอบหนึ่งด้วย
เธอล้างทำความสะอาดแบบนี้ให้เขาทุกวัน ตอนค่ำก็จะรวมเท้าและก้นด้วย หากไม่ใช่ฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็น เย่ฉูฉู่ก็คงจะอาบน้ำให้เขาด้วย ตอนนี้อากาศหนาว อาบน้ำก็อาจจะเป็นไข้ได้ เธอจึงประหยัดเวลาส่วนนั้นไป แต่ก็ต้องเช็ดทำความสะอาดร่างกาย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนที่เห็นเสี่ยวไป๋หยางถึงรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้เนื้อตัวสะอาดสะอ้านจริง ๆ!
เสี่ยวไป๋หยางก็เคยชินแล้ว เขาไม่ได้ร้องไห้งอแง ทั้งยังให้ความร่วมมือกับแม่ด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้ว เย่ฉูฉู่ก็ล้างมือของตัวเองเมื่อได้เวลารับประทานอาหาร
ลูกลิงรับประทานบะหมี่ร่วมกับเธอ เสี่ยวไป๋หยางเห็นแม่และลูกลิงกำลังรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ก็ส่งเสียงร้อง ‘แอ้ ๆ’ ยื่นมือเล็ก ๆ ออกมาทำท่าจะกินด้วย เย่ฉูฉู่จึงรีบพูดว่า “ลูกยังเด็กกินไม่ได้นะจ๊ะ รอให้โตก่อนแล้วค่อยกินนะลูก”
เสี่ยวไป๋หยางก็ไม่ได้ร้องไห้ แต่พูดจาอ้อแอ้ ๆ ตามประสาเด็ก
เย่ฉูฉู่ได้ยินมาจากแม่ของเธอ หากคุยกับลูกเยอะ ๆ ลูกก็จะพูดได้เร็ว ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเริ่มต้นคุยกับลูกก่อน สิ่งนี้เพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกโดยที่มองไม่เห็น แต่เธอสามารถรู้สึกได้ เมื่อเทียบกับคนเป็นพ่อแล้ว ลูกจะสนิทกับแม่มากกว่า
ตอนที่รับประทานอาหารเสร็จ เสี่ยวไป๋หยางได้นอนอยู่ในรถเข็นเด็ก เย่ฉูฉู่ล้างถ้วยและหม้อ กวาดพื้น หลังจากเก็บกวาดเสร็จแล้ว จึงไปเติมถ่านในเตา ห่อตัวลูกด้วยผ้าแน่นหนา จากนั้นก็เข็นลูกไปทำธุระในห้องน้ำด้วย
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเลี้ยงลูกเองก็เป็นแบบนี้ การขับถ่ายในห้องน้ำจึงกลายเป็นปัญหา หากวางลูกไว้ในห้องเธอก็ไม่สบายใจ จึงทำได้เพียงแค่พาติดตัวไปด้วย
คุณแม่จ้าวอยากจะช่วยดูลูกให้ แต่เธอคิดว่าตนดูแลลูกเองจะดีกว่า มีประโยคนั้นที่กล่าวไว้ว่า ‘ไม่มีพระคุณไม่มีบารมี ตอนลูกยังเล็กไม่ได้ดูแล เติบโตมามีคุณสมบัติอะไรไปอบรมสั่งสอน?’ เพียงแต่อาจจะลำบากสักหน่อย
หลังจากขับถ่ายเสร็จแล้ว เธอก็เข็นเสี่ยวไป๋หยางไปดูกระต่ายและสัตว์ตัวอื่น ๆ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เริ่มทำการเย็บปักผ้าต่อ หรือไม่ก็ขีด ๆ เขียน ๆ วาดรูป ขั้นตอนทั้งหมดนี้เธอทำไปพร้อมกับพูดคุยกับลูก จนกระทั่งลูกเริ่มง่วงก็กล่อมให้เข้านอน ตอนเที่ยงก็นอนไปพร้อมกับลูกด้วย
นี่คือชีวิตประจำวันของเย่ฉูฉู่หลังจากคลอดลูก ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกจัดไว้เป็นระเบียบและน่าเบื่อมาก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คนเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ
แต่เงื่อนไขแบบนี้ก็ถือว่าดี ไม่เหมือนกับพี่สะใภ้สี่จ้าวที่ยังต้องออกไปทำไร่ทำสวน คิดแบบนี้เย่ฉูฉู่ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ
หลังจากหิมะตกอากาศก็หนาวขึ้นเรื่อย ๆ ลมทางฝั่งตงเหลียงมาจากลมเหนือ ถึงช่วงเที่ยง เย่ฉูฉู่คลุกไส้ผักดองเล็กน้อย เพื่อนำมาห่อเกี๊ยว เสียงของเฮ่อซงจือก็ดังเข้ามาจากด้านนอก
“มาได้ไงเนี่ย?” เย่ฉูฉู่รีบไปเปิดประตู ก็พบว่าเฮ่อซงจือสวมใส่เสื้อผ้าราวกับขนมปัง “ลูกล่ะ?”
“ย่ากำลังกล่อมอยู่” เฮ่อซงจือสะบัดหิมะที่อยู่บนรองเท้าหน้าประตูบ้าน หลังเข้ามาก็ส่งเสียงร้องว้าว “บ้านของพวกเธออบอุ่นมากเลย!”
“ฉันอุ่นเครื่องความร้อนไว้ รีบเข้ามาเถอะ ฉันกำลังทำไส้ อีกเดี๋ยวจะเอาไปห่อเกี๊ยวกิน” เย่ฉูฉู่ปิดประตูให้หล่อนเข้าไปในห้อง
“เธอยังมีเวลาห่อเกี๊ยวอีกเหรอ?” เฮ่อซงจือประหลาดใจมาก “ลูกให้เธอห่อเกี๊ยวเหรอ?”
“ลูกอยู่ในรถเข็นเด็ก ขอแค่เห็นฉันก็ไม่ร้องโวยวายแล้ว อีกอย่างก็ยังมีไฉไฉอยู่ด้วย” เย่ฉูฉู่วางหม้อลง จากนั้นก็ย้ายแผ่นนวดแป้งมาที่บนเตียง
รถเข็นเด็กอยู่ที่พื้น ลิงน้อยก็กำลังช่วยดูอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเฮ่อซงจือมา มันจึงวิ่งหนีไปที่ห้องตะวันตก
จนถึงตอนนี้ลูกลิงก็ยังกลัวคนอยู่ คาดว่าตอนที่อยู่กับเจ้าของคนเก่าคงได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน
“งั้นฉันช่วยห่อนะ!” เห้อซวงจือพูดพลางถอดผ้าพันศีรษะออกแล้วล้างมือ แต่เมื่อเห็นก๊อกน้ำก็พูดด้วยความอิจฉา “สิ่งนี้ดีจริง ๆ เลยนะ เธอคงไม่รู้ ตอนนี้หิมะตกทีไร น้ำที่สูบจากนอกบ้านก็เย็นจนมือแทบแข็งตาย! โชคดีที่น้ำในบ้านของฉันเหวินจื้อเป็นคนสูบ รอพวกเราสร้างบ้านใหม่ฉันจะต้องติดตั้งสิ่งนี้ให้ได้! แล้วก็เครื่องทำความร้อนด้วย!”
เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ติดไว้เถอะ ของนี้ดีจริง ๆ นะ ทั้งสะดวกและอบอุ่นด้วย”
เมื่อของที่จะนำมาใช้ห่อเกี๊ยวถูกเตรียมไว้ครบแล้ว เย่ฉูฉู่ก็อุ้มลูกขึ้นมาจากรถเข็นเด็กและวางลงบนเตียง เพื่อให้เขานอนดูตนเอง จากนั้นจึงเริ่มนวดแป้ง
เฮ่อซงจือถอดรองเท้าขึ้นมานั่งบนเตียง เมื่อก้นสัมผัสเข้ากับความอบอุ่น หล่อนขยับร่างกายซ้ายทีขวาที “ชีวิตของเธอนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ!”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ “ทำเหมือนกับชีวิตของเธอไม่ดีงั้นแหละ”
“แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้ดีเท่ากับชีวิตของเธออยู่ดี!” เฮ่อซงจือสำรวจซ้ายขวา “คนในหมู่บ้านเราคนที่มีลูกฉันก็เคยไปหามาก่อน แม่ม่ายหม่าเอย พี่สะใภ้สี่ของเธอเอย บ้านของพวกหล่อนหนาวจะตาย เข้าไปทีมีแต่กลิ่นฉี่เหม็นคลุ้งไปหมด บ้านของพวกฉันก็เหมือนกัน แต่ทำไมบ้านของเธอถึงไม่มีกลิ่นแม้แต่นิดเดียวเลย แถมยังเหมือนกับบ้านใหม่ด้วย!”
เย่ฉูฉู่เข้าใจความหมายของเธอ “คงเป็นเพราะลูกฉี่ลงบนพื้นนั่นแหละ”
ในชนบทไม่ได้มีความพิถีพิถันอะไร โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ เมื่อฤดูหนาวมาถึง พวกผู้ใหญ่และเด็กก็จะปัสสาวะลงบนพื้นภายในบ้าน ถึงอย่างไรก็เป็นพื้นดินอยู่แล้ว เมื่อหมักหมมนานวันเข้าก็ไม่แปลกที่จะมีกลิ่น!
เย่ฉูฉู่ไม่ได้ทำแบบนี้ ต่อให้เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เมื่อจะปัสสาวะ ก็จะใช้ถังใส่ขี้เถ้า
เฮ่อซงจือประหลาดใจอีกครั้ง “เสี่ยวไป๋หยางก็รู้จักขับถ่ายเป็นแล้วเหรอ?”
“บางครั้งก็รู้บางครั้งก็ไม่รู้ ฉันก็พยายามให้เขาเข้าใจเร็ว ๆ นี่แหละ” เย่ฉูฉู่เริ่มหั่นแป้งเป็นชิ้น ๆ “ลูกบ้านเธอโตกว่าบ้านฉัน ตอนนี้ก็น่าจะลองพาไปขับถ่ายได้แล้วนะ ฤดูหนาวแบบนี้มานั่งซักผ้าอ้อมทรมานตายเลย เธอก็หาถังมาสักถัง ใส่ขี้เถ้าลงไปด้านในนิดหน่อย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ขับถ่ายในนั้นแหละ แต่อย่าใช้กะละมังนะ เดี๋ยวจะเลอะเทอะออกมาข้างนอก”
“ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย เธอสะอาดขนาดนั้นเลย” เฮ่อซงจือเดาะลิ้น “แต่แบบนี้ก็ดูจะพิถีพิถันเกินไปหน่อยหรือเปล่า เธอไม่กลัวว่าจะลำบากเลยเหรอ?”
“ถ้าต้องเทียบกับการซักผ้าอ้อม ลำบากเรื่องนี้นิดหน่อยมันจะมากมายอะไรกัน” ที่เย่ฉูฉู่ทำเป็นบะหมี่กึ่งแห้ง ซึ่งก็คือแป้งขาวผสมกับแป้งบักวีท
“มันก็จริง กลับไปฉันจะไปลองดูนะ” เฮ่อซงจือหยิบลูกกลิ้งขนาดเล็กมารีดแผ่นแป้ง หล่อนมองดูไส้พลางกล่าว “เธอกินไส้ผักดองเหรอเนี่ย ทำไมไม่ใส่เนื้อสักหน่อยล่ะ?”
“ฉันอยากกินไส้ผักดองน่ะ แต่ถ้าเธออยากกิน เดี๋ยวฉันห่อให้เธอส่วนหนึ่งด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ฉันไม่อยู่กินที่นี่แล้วล่ะ ลูกเพิ่งจะกินนมเสร็จ ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องกลับแล้ว ไม่งั้นลูกคงได้ร้องไห้งอแงแน่ ถ้าแม่สามีรู้ว่าฉันมากินเกี๊ยวกับเธอที่นี่คงไม่พอใจ จริงสิ ทำไมเธอไม่ให้แม่สามีมาช่วยเลี้ยงลูกล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ็นดูไป๋หยาง น่ารักรู้ความดีจริง ๆ เลยลูก
เพิ่งรู้ว่าบ้านชนบทจีนยุคนั้นมันขับถ่ายกันแบบนั้นนี่เอง อ่านแล้วแอบขมคอเลยค่ะ
ปล. ตอนนี้ผู้แปลมีผลงานแปลเรื่องใหม่คือ “อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว” ลงในทุกเว็บแล้วนะคะ ขอฝากผลงานเรื่องใหม่นี้ไว้ด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)