ตอนที่ 28 แยกบ้าน (2)
“คุณแม่ นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว พวกเรายังไม่ทันได้เตรียมตัวเลยค่ะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
“กะทันหันอะไร? ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่เอาแต่บอกว่าพวกฉันลำเอียง? ตอนนี้ก็แยกบ้านกันอย่างยุติธรรมให้พวกเธอแล้ว แถมยังอ้างตามกฎของหมู่บ้านด้วย อะไรกัน ครอบครัวสี่ของเธอยังไม่พอใจอีกเหรอ?” คุณแม่จ้าวจ้องเขม็ง
นางเองก็ตาบอดตั้งแต่ปล่อยให้เจ้าสี่พาหล่อนคนนี้กลับมา วันๆ หล่อนเอาแต่เรียกซานหยาและซื่อหยาให้ไปจับตามองนางที่ห้องครัว เพื่อดูว่ามีของอร่อยอะไรแอบซ่อนไว้หรือเปล่า ดูว่าแอบทำของอร่อยอะไรที่หล่อนไม่รู้หรือเปล่า ทำอย่างกับนางเป็นหัวขโมยไปได้!
เดิมทีนางก็ไม่อยากจะแยกบ้านหรอก นี่ไม่ใช่เพื่อนาง แต่เพื่อครอบครัวของเจ้าหกต่างหากล่ะ ทั้งสองคนต่างก็ต้องการแยกออกไป ถ้าอย่างนั้นก็แยกออกไปเถอะ จะได้ไม่ต้องให้นางคอยจับตาดูอีกต่อไป ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามทางของตัวเองก็แล้วกัน!
“ไม่มีความคิดเห็นอะไรแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็แยกบ้านไปเลย ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ!” คุณพ่อจ้าวกล่าวปิดท้าย
ในเมื่อคนเป็นพ่อกล่าวแบบนี้ ต่อให้พี่สะใภ้สี่จ้าวจะเห็นต่างมากกว่านี้ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ ออกมา
หล่อนทำเพียงเดินกลับห้อง อดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
“ทำไมคุณถึงทำตัวนิ่งเฉยได้ขนาดนี้? การแยกบ้านไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเราเลย หลังจากแยกบ้านพวกเราจะทำยังไงคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวระเบิดอารมณ์ใส่พี่สี่จ้าว
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง? พ่อกับแม่ต่างก็ต้องการแยกบ้าน ผมเองก็เกลี้ยกล่อมไปแล้ว มีประโยชน์ไหมล่ะ?” พี่สี่จ้าวก้มหน้า พูดด้วยสีหน้าผิดหวัง
“คุณพ่อคุณแม่อยากแยกบ้านที่ไหนกัน? ต้องเป็นสองบ้านนั่นที่ต้องการแยกบ้านอย่างแน่นอน!” พี่สะใภ้จ้าวสี่กล่าวอย่างหงุดหงิด จากนั้นจึงผลักพี่สี่จ้าว “คุณไปหาน้องหก บอกให้เขาไปเกลี้ยกล่อมคุณพ่อคุณแม่ไม่ให้แยกบ้าน คุณพ่อคุณแม่เอ็นดูเขามากที่สุด พวกท่านต้องฟังแน่นอน พวกเขาไม่ต่างจากพวกเรา แถมยังแย่กว่าพวกเราด้วย ถ้าเกิดแยกบ้านไปแล้วพวกเขาจะทำยังไงต่อ?”
พี่สี่จ้าวไม่อยากแยกบ้านเลยจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไปหาจ้าวเหวินเทา
จ้าวเหวินเทากำลังอารมณ์ดี เขามองดูกระต่ายในรังกระต่ายที่สร้างขึ้นมาจากอิฐและหินที่อยู่ตรงสวนหลังบ้าน กระต่ายทุกตัวเติบโตขึ้นมาอย่างดีเยี่ยม อีกไม่กี่วันเขาต้องเข้าไปในเมืองอีกครั้งเพื่อนำกรงกระต่ายที่สั่งไว้กลับมา เขาจะต้องเตรียมย้ายบ้านให้กระต่ายแล้ว
“พี่สี่มาทำอะไรเหรอครับ” จ้าวเหวินเทาเลิกคิ้ว
พี่สี่จ้าวยิ้ม เขาถูมือพลางกล่าวว่า “น้องหก เรื่องที่พ่อแม่เราจะแยกบ้านคืนนี้ นายมีความคิดเห็นยังไง?”
“ยังจะมีความคิดเห็นอะไรได้อีกล่ะครับ พ่อแม่ให้แยกบ้านก็ต้องเคารพความคิดเห็นของพ่อแม่สิ แยกก็แยกเถอะ ทุกคนต่างก็ไม่ชอบที่ผมกินเยอะทำงานน้อยอยู่แล้ว แยกบ้านไปก็ดีให้ทุกคนได้มีเส้นทางของตัวเอง เป็นแบบนี้ทุกคนจะได้มีความสุข” จ้าวเหวินเทาโบกมือ
พี่สี่จ้าวรีบกล่าวว่า “นี่มันอะไรกัน? น้องหก การแยกบ้านมันไม่ดีต่อครอบครัวของพวกเราทั้งสองเลยนะ…”
“พี่สี่ ผมรู้ว่าการแยกบ้านในตอนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อครอบครัวของพวกเรา แต่จะทำอะไรได้ล่ะ หมู่บ้านเราก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอครับ? เมื่อลูกชายแต่งงานก็ต้องแยกบ้านออกไป ในเมื่อพ่อแม่ทำแบบนี้ ใครในหมู่บ้านจะบอกว่ามันไม่ถูกต้องได้ล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าว
พี่สี่จ้าวถอนหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไป
เขาพบกับพี่สามจ้าว พี่สี่จ้าวมองเขาแล้วกล่าวว่า “พี่สาม มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไร แค่จะมาบอกว่านายอย่าเศร้าไปเลย เมื่อนกเติบใหญ่ก็ต้องออกจากรัง นี่เป็นเรื่องปกติ มันเป็นการตัดสินใจของพ่อกับแม่ นายไปคุยกับน้องหกมันจะไปมีประโยชน์อะไร” พี่สามจ้าวกล่าว
สีหน้าพี่สี่จ้าวพลันเศร้าหมอง ในใจของเขาคิดว่าพี่สามมีลูกชายอายุสิบขวบ อีกไม่กี่ปีก็จะเป็นแรงงานที่แข็งแกร่ง เขาถึงได้กล่าวแบบนี้ออกมา
แต่ลูกชายของเขายังไม่เห็นแม้แต่เงา เขาจึงก้มหน้าก้มตาเดินกลับไป
พี่สามจ้าวเดินกลับเข้าห้องด้วยรอยยิ้ม
พี่สะใภ้สามจ้าวถอนหายใจ “ไม่คิดว่าพวกเราจะแยกบ้านแบบนี้เลย”
พี่สามจ้าวกลอกตาใส่หล่อนและกล่าวว่า “แบบนี้ยังไม่ดีอีกเหรอ? แยกบ้านแล้วคุณก็จะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะ!”
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “มันไม่น่าเสียดายเหรอ? หลังจากแยกบ้านไปแล้วก็จะเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วนะคะ”
“มีไม่กี่คนนี่แหละดี จะได้ไม่ต้องกินดื่มร่วมกัน ต่างคนต่างกิน!” พี่สามจ้าวแค่นเสียง
พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาใส่เขา แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพราะได้ตัดสินใจแยกบ้านกันแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ยังบ่นอย่างไม่พอใจ “คุณเห็นหรือยัง? ปากของพี่สะใภ้รองเชิดจนจะถึงฟ้าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหล่อนจะมีความสุขขนาดไหน หล่อนเป็นคนที่ได้เปรียบมากที่สุด!”
หล่อนมีลูกสองคน หม่าต้านผู้เป็นลูกชายและเอ้อร์หยาผู้เป็นลูกสาว
แต่พี่สะใภ้รองมีลูกสามคน ซึ่งก็คือเถี่ยต้าน หลูต้านและต้าหยา ทุกคนสามารถไปทำงานได้แล้ว คนที่มีความสุขมากที่สุดในการแยกบ้านนี้ย่อมเป็นพี่สะใภ้รองอย่างแน่นอน
และมันก็เป็นแบบนั้น พี่สะใภ้รองจ้าวกำลังมีความสุขอยู่ภายในห้อง หล่อนยังยิ้มไม่หุบตั้งแต่กลับห้องมา
พี่รองจ้าวถอนหายใจเบาๆ เขาไม่คิดว่าครอบครัวจะแยกจากกันแบบนี้
จ้าวเหวินเทาไม่สนใจว่าเหล่าพี่น้องของเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เขาป้อนถั่วแระให้กระต่ายเสร็จก็กลับห้องไป
เย่ฉูฉู่กำลังเย็บเสื้อบุฝ้ายตัวเก่าของจ้าวเหวินเทาภายใต้แสงสลัวรางจากตะเกียงน้ำมัน เธอใช้ฝ้ายที่ได้รับจากการแจกจ่ายในปีนี้มาเปลี่ยนกับฝ้ายเก่า เสื้อบุฝ้ายของปีนี้จะต้องอบอุ่นอย่างแน่นอน
“ภรรยา พรุ่งนี้ค่อยทำต่อเถอะ มาเย็บผ้าตอนนี้มันไม่ดีต่อดวงตานะ” จ้าวเหวินเทายื่นหน้าเข้ามาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่พยักหน้า ยังมีเวลาเหลืออีกมาก ดังนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน จึงกล่าวว่า “ปิดไฟเถอะค่ะ”
จ้าวเหวินเทารอให้หล่อนเก็บของเสร็จก่อน จึงค่อยดับตะเกียงน้ำมันและกล่าวว่า “คนชนบทอย่างพวกเราไม่สามารถเทียบกับผู้คนที่อยู่ในเมืองได้ ผู้คนในเมืองไม่ได้ใช้ไฟแบบนี้ พวกเขาต่างก็ใช้ไฟฟ้ากันทั้งนั้น”
“พวกเขามีไฟฟ้าใช้แต่ก็ต้องจ่ายค่าไฟ แถมยังต้องจ่ายทุกเดือนด้วยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทายิ้ม จากนั้นจึงพลิกตัวคร่อมร่างภรรยาเขาเอาไว้
เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อ และปล่อยให้เขาทำตามปรารถนา
จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง เขากล่าวขึ้น “ภรรยา ทำไมผิวของคุณเหมือนหยกเลยครับ ทั้งอบอุ่นแถมยังนุ่มนิ่มด้วย?”
เย่ฉูฉู่หน้าแดงปลั่ง เธอขบฟันไม่พูดไม่จา
จ้าวเหวินเทาทำการบ้านไปพลางกล่าวชื่นชมเธอไปพลาง รักมากเสียจนไม่อยากปล่อยมือ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด จ้าวเหวินเทาก็นอนกอดเย่ฉูฉู่ที่นอนหมดเรี่ยวแรง
ค่ำคืนนั้นอุณหภูมิลดต่ำลง แต่โชคดีที่มีคนสองคนนอนอยู่บนเตียง จึงอบอุ่นเป็นพิเศษ
เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น อากาศของวันนี้ก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อทั้งครอบครัวออกมารับประทานอาหารเช้า คุณพ่อจ้าวจึงให้พี่รองจ้าวที่เป็นลูกชายคนโตไปเชิญผู้อาวุโสของตระกูลมาเป็นพยาน หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการก็ถูกเชิญมาด้วย
เนื่องจากต้องการแยกบ้านกันแล้ว ทะเบียนบ้านย่อมต้องถูกนำออกมา
คุณแม่จ้าวเป็นคนเก็บทะเบียนบ้านไว้ แต่สมุดบัญชีกลับเป็นคุณพ่อจ้าวที่เก็บไว้ คุณแม่จ้าวไม่รู้หนังสือ ดังนั้นรายรับรายจ่ายทุกครั้งจะมีคุณพ่อจ้าวจดบันทึกไว้อย่างชัดเจน
เมื่อบวกลบหักจากค่าสร้างบ้านสำหรับงานแต่งงานแล้ว ยังเหลือเงินอีก 900 กว่าหยวน
ท้ายที่สุดแล้วครอบครัวนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่กี่ปีมานี้ยังดำเนินชีวิตอย่างราบรื่น ไม่มีการเจ็บป่วยร้ายแรงใด ๆ การเก็บเกี่ยวของปีก็นับว่าดี สภาพอากาศเป็นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงห้าหรือหกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ต่อปีดีมาก ดังนั้นเงินทั้งหมดจึงถูกเก็บไว้
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวทั้งสองคนก็มักจะนำเงินมาให้เพื่อทดแทนบุญคุณอยู่บ่อยครั้ง โดยปกติแล้วพวกเขาไม่ได้นำเงินไปใช้ ล้วนแต่เก็บออมไว้ ดังนั้นจึงมีเงินเป็นจำนวนมาก
อันที่จริงตัวเลขนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร ครอบครัวมีสมาชิกมากขนาดนี้ ค่าอาหารการกินทุกคนก็ต้องใช้เงิน สามารถเก็บออมเงินก้อนนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว และเป็นคุณแม่จ้าวที่เป็นคนเก็บหอมรอมริบเอาไว้
แต่ตอนนี้จะแยกบ้านกันแล้ว ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงถูกนำออกมาจัดสรรปันส่วน
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แยกบ้านแล้วจ้า รอดูแต่ละครอบครัวเลยว่าบ้านไหนจะรุ่งบ้านไหนจะลำบาก
ไหหม่า(海馬)