ตอนที่ 30 ธุรกิจของไช่ซื่อหู่
จ้าวเหวินเทาย่อมไม่ทำให้ภรรยาของเขาผิดหวัง
หลังจากที่จ้าวเหวินเทารับประทานบะหมี่ที่ภรรยาของเขาทำให้เสร็จแล้ว เขาจึงเดินทางไปที่บ้านของไช่ซื่อหู่ที่อยู่หมู่บ้านหลังเขา
หมู่บ้านหลังเขานับว่าไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย จ้าวเหวินเทาหยิบเหล้าไปหนึ่งขวดแล้วออกเดินทาง ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะไปถึงหมู่บ้านหลังเขา
ไช่ซื่อหู่และพี่สะใภ้ไช่ต่างก็อยู่บ้านทั้งคู่ หมู่บ้านของพวกเขาเพิ่งแจกจ่ายอาหารกันเมื่อวาน วันนี้จึงมีเวลาว่าง และจ้าวเหวินเทาก็เดินทางมาในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ
ทั้งสองคนต่างอยู่ที่บ้านกัน เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทา พวกเขาต่างก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“เหวินเทา นายเกรงใจกันเกินไปแล้ว ในบ้านจะขาดเหล้าได้ยังไงกัน?” ไช่ซื่อหู่กล่าว
พี่สะใภ้ไช่กล่าวว่า “ใช่ไหมล่ะ ครั้งนี้ช่างมันเถอะ ครั้งหน้าถ้านายจะมาก็ไม่ต้องเอาอะไรมานะ มาตัวเปล่าก็พอแล้ว!”
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ได้ครับ ครั้งหน้าผมจะมามือเปล่า ถึงตอนนั้นพวกพี่อย่ารังเกียจผมก็พอ”
พี่สะใภ้ไช่ประทับใจเขามาก จนถึงตอนนี้หล่อนยังจำคำพูดของจ้าวเหวินเทาที่กล่าวในตอนที่หล่อนสิ้นหวังว่า ‘ปล่อยพี่สาวคนนั้น แล้วเข้ามาหาฉันนี่!’ ได้อยู่เลย
“พวกคุณคุยกันไปก่อนนะคะ ฉันจะไปทำกับแกล้มมาให้!” พี่สะใภ้ไช่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้จะดีเหรอครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยความรู้สึกไม่ดี
“ไป ๆ ไปคุยกันในบ้าน” ไช่ซื่อหู่ดึงเขาเข้าบ้าน
จ้าวเหวินเทาแสดงความอิจฉาออกมา สมแล้วที่ไช่ซื่อหู่ทำงานอยู่ในฝ่ายฆ่าสัตว์ บ้านหลังนี้เป็นบ้านอิฐ และยังสว่างเป็นพิเศษด้วย
“เมื่อไหร่ผมจะเป็นแบบพี่ซื่อหู่ได้บ้างนะ” จ้าวเหวินเทาพูดแสดงออกถึงอารมณ์
“จะเป็นไรไปเล่า? ขอแค่นายมีเงิน ฉันก็สามารถหาเส้นสายให้นายได้ ฉันสัญญาว่าจะหาทางยัดนายเข้าทีมให้ได้เลย!” ไช่ซื่อหู่กล่าว
จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ที่บ้านผมเพิ่งจะแยกบ้าน ถึงแบ่งเงินกันแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอที่จะสร้างบ้านอิฐอยู่ดี”
แน่นอนว่าเขาเองก็อยากได้บ้านอิฐ อาศัยอยู่ในบ้านอิฐสบายกว่าตั้งเยอะ บ้านดินที่อาศัยอยู่เทียบไม่ติดเลย
ไช่ซื่อหู่หยิบชามออกมาสองใบ จ้าวเหวินเทาเทเหล้าให้ตัวเองและไช่ซื่อหู่ จากนั้นจึงกล่าวว่า “พี่ซื่อหู่ ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจหรอกนะครับ แต่ผมแค่ไม่อยากทำงานในนาเลย” 1 แต้มค่าแรงมีค่าเท่ากับ 6 เฟิน แม้ว่าจะมี 10 แต้มค่าแรงก็ยังได้แค่ 6 เหมาอยู่ดี
อีกอย่าง 6 เหมานี้ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ทั้งหมด ยังต้องหักค่าอาหารอะไรพวกนั้นอีก แล้วจะเหลือเท่าไรกันเชียว?
แน่นอนว่าฝ่ายผลิตของพวกเขาค่อนข้างยากจน ดังนั้นแต้มค่าแรงจึงไม่ได้มีค่ามากนัก ฝ่ายผลิตบางกลุ่มมีงานเสริมมากมาย 1 แต้มค่าแรงจึงมีค่า 1-2 หยวน โดยเฉพาะฝ่ายผลิตอันดับหนึ่งในตำบลของพวกเขา ได้ยินมาว่า 1 แต้มค่าแรงมีค่าเท่ากับ 2 หยวน
การลงนาจึงเป็นเรื่องที่น่าตั้งตารอ แต่ฝ่ายผลิตของพวกเขาไม่ได้มีอะไรแบบนั้น
ทุกครั้งที่มีการแจกจ่ายตอนสิ้นปี บ่อยครั้งจึงไม่สามารถแบ่งเงินได้ จึงได้แค่ใช้เป็นค่าอาหารเท่านั้น
ทางด้านหมู่บ้านหลังเขาก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก ดังนั้นไช่ซื่อหู่จึงเข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี การอาศัยอยู่ที่นี่ หลังจากเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งปีก็ทำให้กินอิ่มได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การที่จะกลายเป็นคนร่ำรวยย่อมเป็นไปไม่ได้
“งั้นน้องชายเหวินเทามีแผนจะทำอะไรล่ะ?” ไช่ซื่อหู่กล่าวพร้อมกับมองจ้าวเหวินเทา
“พี่ชาย งั้นผมขอพูดแบบหน้าด้าน ๆ เลยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
ไช่ซื่อหู่ปล่อยให้เขาเล่าออกมาทั้งหมด จ้าวเหวินเทาจึงบอกเรื่องที่เขาอยากไปในเมืองเพื่อค้าขายผลผลิตทางการเกษตร เขากล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ผมรู้มาเมื่อวานนี้ตอนที่ไปส่งอาหารให้กับพี่สาวผม นายอำเภอเปิดถนนตรงฝั่งถนนอันซิ่งเส้นนั้นโดยเฉพาะ สงวนไว้สำหรับทำการซื้อขายอิสระ ผมเลยวางแผนว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะลองไปดูสักหน่อย จากเรื่องที่พี่ซื่อหู่มีเส้นสายเยอะแยะ พี่มีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”
ในขณะนั้นเองพี่สะใภ้ไช่ก็เดินถือหูหมูมาจานหนึ่ง ซึ่งส่งกลิ่นหอมอบอวล
จ้าวเหวินเทารีบกล่าวว่า “พี่สะใภ้นี่มันแพงเกินไปแล้วครับ ถั่วลิสงสักจานก็พอ!”
“มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว กินเถอะ” พี่สะใภ้ไช่กล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหล่อนจึงออกไปตากผ้าปูที่นอนและผ้านวมโดยไม่รบกวนพวกเขาทั้งสองคน วันนี้อากาศดีเยี่ยม ต้องใช้ประโยชน์จากแสงแดดตากผ้าสักหน่อย
จ้าวเหวินเทาและไช่ซื่อหู่กินดื่มไปพลาง พูดคุยไปพลาง
จ้าวเหวินเทาบอกว่าเขาต้องการไปขายสินค้าที่ตลาด สิ่งนี้ตรงใจไช่ซื่อหู่อย่างมาก ตอนเขาได้พบเจอกับจ้าวเหวินเทาตอนที่ไปรับอาหารส่วนกลางเขาก็มีความคิดแบบนี้ ตอนนี้ได้ทราบว่าจ้าวเหวินเทาต้องการไปขายของในตลาดโดยไม่ได้รู้สึกอาย มันจึงทำให้เขาไม่ต้องเกรงใจอีกต่อไป
ไช่ซื่อหู่ลดเสียงลง “น้องเหวินเทา ฉันจะบอกอะไรนายให้ เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้บอกคนอื่นเลย นายอยากฟังไหม?”
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “พี่ซื่อหู่พูดมาเถอะ พี่ไม่ต้องกังวล!”
ไช่ซื่อหู่พยักหน้า จากนั้นจึงบอกเรื่องราวทางฝั่งโรงฆ่าสัตว์ให้ฟัง
ด้วยนโยบายที่ผ่อนปรนลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จิตใจของเขาจึงหวั่นไหวบ้างเป็นธรรมดา ตอนนี้ทางโรงฆ่าสัตว์ของพวกเขาเกือบจะรวมเป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็มีอาชีพเสริมกันหมด แต่ไช่ซื่อหู่ยังไม่มี สิ่งนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็เสียเปรียบอยู่ดี
ดังนั้นไช่ซื่อหู่จึงอยากพัฒนาอาชีพเสริมสักหน่อย เขาสามารถนำของบางส่วนของโรงฆ่าสัตว์ออกมาได้ การนำเนื้อดี ๆ ออกมาย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นของเหลือหรืออะไรพวกนั้น ล้วนขายเป็นเงินได้ทั้งหมด
ไช่ซื่อหู่ยังไม่ได้บอกเล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับพี่น้องของเขาฟัง แต่เขามาบอกจ้าวเหวินเทาก่อน เพราะรู้สึกว่าจ้าวเหวินเทาเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เลวเลย
จ้าวเหวินเทาไม่คิดว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขา ใบหน้าของเขาจึงเปี่ยมด้วยแววตื่นเต้น
“พี่ซี่อหู่ จะให้ผมทำจริง ๆ เหรอครับ? งั้นผมควรจะตกลงใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าวรัวเร็ว
ไช่ซื่อหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันบอกกับนายหมดแล้ว ยังจะเป็นเรื่องโกหกอีกเหรอ? เพียงแต่กลัวว่าจะได้ไม่มากนั่นแหละ ฉันไม่อาจรับประกันเรื่องจำนวนได้นะ แต่มันไม่ต้องใช้คูปองเนื้อ ฉันจะให้ราคาตลาดนาย ส่วนที่เหลือนายขายในเมืองได้เท่าไหร่ก็อยู่ที่นายแล้วล่ะ”
แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาตกลงไปแล้ว
ราคาเนื้อหมูในตลาดปัจจุบันแบ่งออกเป็นเนื้อชั้นหนึ่ง ชั้นรอง ชั้นสาม เนื้อชั้นหนึ่งมีราคาแพง 1 ชั่งราคา 9 เหมา เนื้อชั้นรองถูกกว่านิดหน่อย แต่ก็ยังมีราคาสูงถึง 7 เหมากว่า ๆ ส่วนเนื้อชั้นสามจะยิ่งถูกลงมาอีกหน่อย หนึ่งชั่งมีราคา 5 เหมากว่า
สิ่งเหล่านี้ยังต้องการคูปอง ถ้าไม่ใช้คูปองซื้อ เนื้อชั้นหนึ่งจะขายอยู่ที่ราคาประมาณ 1.5 หยวน เนื้อชั้นรองขายอยู่ที่ราคา 1.2 หยวน เนื้อชั้นสามขายอยู่ที่ราคากว่า 8 เหมากว่า
ผลกำไรที่ได้ดูน่าประทับใจมาก เนื้อชั้นหนึ่งและเนื้อชั้นรองนั้นเขาไม่กล้าคิด แต่ถ้าภายในหนึ่งวันสามารถขายเนื้อชั้นสามได้ 1-2 ชั่ง เขาก็สามารถทำเงินได้ 2-3 เหมาแล้ว
1 วันได้ 2-3 เหมา หนึ่งเดือนก็จะเป็นสิบกว่าหยวน
นี่ยังไม่นับเรื่องที่เขาขายผลผลิตทางการเกษตรของตัวเอง หนึ่งวันก็สามารถหาได้ประมาณ 2-3 เหมาแล้วสินะ? ต่อให้เขาจะยังไม่เคยขายและไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก แต่เขารู้สึกได้ว่าน่าจะได้ประมาณนี้ เมื่อคำนวณดูแล้วเขาจะมีรายรับเกือบ 1 หยวนต่อวัน
1 เดือนก็จะมีเงิน 30 หยวนแล้ว!
เขารู้จักจ้าวเหวินจื้อ คนที่สอนหนังสืออยู่ในเมืองที่สอบตกครั้งแล้วครั้งเล่าคนนั้น หมอนั่นก็สอนหนังสืออยู่ในเมืองไม่ใช่เหรอ? เงินเดือนหนึ่งเดือนได้แค่ 28 หยวนเอง!
ถึงแม้จะเป็นเงิน 28 หยวน คนในหมู่บ้านต่างพากันอิจฉาอย่างมาก หนึ่งเดือนได้ 28 หยวน หนึ่งปีก็เป็นเงิน 300 กว่าหยวน นี่เป็นเงินที่เขาหาได้เพียงคนเดียว!
เมื่อดูจากการเก็บเงินของตระกูลจ้าวที่เก็บมาหลายปีได้แค่ 900 กว่าหยวน จ้าวเหวินจื้อคนเดียวสามารถสร้างรายได้มากกว่า 300 หยวนต่อปีด้วยตัวคนเดียว
ลูกคิดในใจของจ้าวเหวินเทาถูกดีดจนเกิดเสียงดังติ้ง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง!
จ้าวเหวินเทากับไช่ซื่อหู่ดื่มเหล้าหนึ่งขวดและรับประทานหูหมูหนึ่งจานจนหมด เมื่อทำการตกลงรับสินค้าในวันพรุ่งนี้เช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงเดินทางกลับบ้าน
เขาอยากกลับบ้านไปบอกข่าวดีเรื่องนี้กับภรรยาของเขาแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผู้แปลเชื่อมั่นว่าเหวินเทาทำได้ อาศัยความหน้าหนาและเจรจาเก่งเป็นคุณสมบัติประจำตัว ค้าขายรุ่งแน่นอนค่ะ
ไหหม่า(海馬)