ตอนที่ 31 วีรบุรุษช่วยสาวงาม
ครั้นจ้าวเหวินเทากลับมาถึงบ้าน เย่ฉูฉู่ก็นำไข่ไก่สองฟองที่แลกกับแม่เฒ่าฟางกลับมาพอดี
ปีนี้แม่เฒ่าฟางเลี้ยงไก่จำนวนมาก ดังนั้นจึงมีไข่ไก่เหลือไม่น้อย
เธอไม่คิดว่าจะมีเส้นทางชีวิตพลิกผันแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นก็กังวลเล็กน้อย “ทำแบบนี้มันจะดีเหรอคะ?”
“มันจะไม่ดีได้ยังไงล่ะครับ? แต่ภรรยา คุณอย่าไปบอกใครนะ พวกเรารู้กันแค่นี้พอ!” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
จ้าวเหวินเทาเอนนอนลงบนเตียง เขาหาวพร้อมกับถามว่า “ภรรยา คืนนี้พวกเรากินอะไรกันดีครับ?”
“คืนนี้กินหมั่นโถวแล้วกันค่ะ ฉันนวดแป้งเตรียมไว้แล้ว เดี๋ยวจะทำไข่กวนซีอิ๊วด้วย คุณว่าดีไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาย่อมไม่มีความเห็นต่าง
คืนนั้นพวกเขาจึงรับประทานหมั่นโถวพร้อมด้วยไข่กวนซีอิ๊ว ช่างหอมฉุยยิ่งนัก
“แม่ อาหกกับอาสะใภ้หกได้กินของน่าอร่อยขนาดนั้น ทำไมพวกเราถึงได้กินแต่โจ๊กล่ะครับ?” เถี่ยต้านอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
พี่สะใภ้รองจ้าวหน้าชาไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวขึ้น “จะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ? อาหกกับอาสะใภ้หกยังไม่มีน้อง มีแค่พวกเขาสองคน ส่วนพวกเรามีพวกลูกอีกสามคนที่ต้องเลี้ยงดู จะไม่ประหยัดอาหารสักหน่อยได้ยังไง?”
“แล้วจะแยกบ้านทำไมล่ะครับ ตอนนี้พวกเราแยกบ้านแล้ว หลังจากนี้ถ้าอาหกนำเนื้อกลับมาพวกเราก็จะไม่ได้กินแล้วน่ะสิ!” เถี่ยต้านกล่าวอีก
หลูต้านเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “นั่นน่ะสิ จะแยกบ้านทำไม กินด้วยกันดีกว่าตั้งเยอะ!”
อาสะใภ้หกเพิ่งถือหมั่นโถวแป้งขาวและไข่กวนซีอิ๊วกลับไป เขาอิจฉาจะตายอยู่แล้ว
ต้าหยาไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในใจของเธอก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเช่นกัน การแยกบ้านไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เมื่อแยกบ้านไปแล้ว เธอต้องเป็นคนทำงานบ้านทั้งหมดภายในครอบครัวของเธอ
ตอนที่ยังไม่แยกบ้าน ยังมีเอ้อร์หยาที่มาผลัดเปลี่ยนกัน อาสะใภ้หกก็เข้ามาช่วยเหลือด้วย
“แต่ละคนก็เอาแต่กังวลเรื่องกิน แม่ดูแลพวกเธอไม่ดีเหรอ? รอถึงตอนปีใหม่เดี๋ยวแม่จะทำเกี๊ยวให้กิน!” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว ปีใหม่แล้วต้องรับประทานของดี ๆ หน่อยสินะ? ห่อเกี๊ยวก็ไม่เลวเลย
ส่วนครอบครัวของน้องหกจะได้ส่วนแบ่งข้าวสาลีและแป้งสักเท่าไรกันเชียว มันก็มีแค่นั้นแหละมั้ง? รอดูต่อไปเถอะว่าจะมีอะไรให้กิน!
ครอบครัวของพี่สามจ้าวก็กำลังพูดถึงเช่นกัน
“นี่ไม่ใช่เทศกาลสักหน่อย หมั่นโถวก็นับว่าเยอะแล้ว แถมยังเห็นน้องสะใภ้หกทำไข่กวนซีอิ๊วด้วยนะ!” พี่สามจ้าวกล่าว
น้ำลายของหม่าต้านแทบจะไหลออกมาแล้ว เขากล่าว “หอมมากเลยครับ แต่อาสะใภ้หกไม่ให้ผมกินสักคำ!”
เอ้อร์หยาขมวดคิ้วกล่าวว่า “อาสะใภ้หกไม่แบ่งให้นายอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ทุกครอบครัวต่างก็แยกกันทำ แล้วทำไมต้องแบ่งให้นายด้วย?”
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “พอได้แล้ว รีบกินเร็ว โจ๊กมันเทศนี้ก็อร่อยนะ”
“รสชาติแย่มาก จะไปอร่อยได้ยังไงครับ!” หม่าต้านกล่าว
พี่สะใภ้สามจ้าวถลึงตามองพลางกล่าว “งั้นแกคงไม่เคยหิวสินะ! พอมีมันเทศให้กินแกก็แอบหัวเราะเยาะ ก่อนหน้านี้แม้แต่เปลือกไม้ยังไม่มีให้แทะเลย ทำไมถึงมาบอกว่าโจ๊กมันเทศนี้รสชาติแย่ล่ะ?”
“ก็มันไม่อร่อยมาตั้งนานแล้วนี่ครับ!” หม่าต้านบ่น
พี่สามจ้าวมีลูกชายคนนี้เพียงคนเดียว จึงกล่าวว่า “งั้นพรุ่งนี้พวกเรากินน้ำแกงแป้งก้อนกัน”
“เพิ่งจะแยกบ้านก็จะกินน้ำแกงแป้งก้อนแล้ว คุณยังอยากมีชีวิตอยู่อีกไหมคะ?” พี่สะใภ้จ้าวสามอดกล่าวไม่ได้
พี่สามจ้าวประหลาดใจ “ทำไมจู่ ๆ คุณถึงขี้เหนียวขนาดนี้? มันก็แค่น้ำแกงแป้งก้อนเอง?”
“มาบอกว่าฉันขี้เหนียวเหรอ คุณคิดว่าการเป็นหัวหน้าครอบครัวมันง่ายดายถึงขั้นที่คุณจะกินจะดื่มอะไรก็ได้ตามที่ต้องการงั้นสิ? ครอบครัวต้องจัดสรรข้าวสาลี ไม่อยากเก็บอาหารดี ๆ ไว้กินตอนขึ้นปีใหม่เหรอ? ตอนนี้ก็จะกินแล้ว ต้องกินเท่าไหร่มันถึงจะพอสำหรับพวกเธอทั้งสองคนกัน?” พี่สะใภ้จ้าวสามบ่นหน้าดำคร่ำเครียด
ตั้งแต่แยกบ้าน หล่อนแทบจะรอไม่ไหวที่จะแบ่งเงินออกเป็นสองส่วน พวกเขาดันอยากรับประทานของดี ๆ อีก
พี่สามจ้าวตกตะลึงกับสิ่งที่หล่อนพูด เมื่อเห็นว่าลูกชายและลูกสาวของเขากำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกหน้าเสียและกล่าวว่า “ก็ไม่ได้บอกว่าให้คุณกินทุกวันสักหน่อย นี่ก็เรียกว่าเป็นการปรับปรุงคุณภาพอาหารการกินของครอบครัวเราไม่ใช่หรือไง? ทำงานหนักมาทั้งปี แม้แต่อาหารดี ๆ มื้อเดียวก็ไม่มีให้กินเหรอ?”
“ตอนเที่ยงอาหกกับอาสะใภ้หกกินบะหมี่ ตอนค่ำอาหกกับอาสะใภ้หกก็กินหมั่นโถวกับไข่กวนซีอิ๊วอีก” เอ้อร์หยากล่าว
พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาไปมา ครอบครัวของน้องหกช่างไม่รู้จักการใช้ชีวิตจริง ๆ หลังจากแยกบ้านก็ใช้ชีวิตราวกับเป็นเจ้าบ้านซะแล้ว!
แต่หล่อนก็เห็นด้วย วันพรุ่งนี้ครอบครัวของหล่อนจะรับประทานน้ำแกงก้อนแป้ง!
ด้วยเหตุนี้นี่เอง พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงพาเย่ฉูฉู่มาคุยเป็นการส่วนตัว ในตอนนี้หล่อนคิดว่าตัวเองกับเย่ฉูฉู่อยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะพวกเธอทั้งสองคนต่างก็ยังไม่มีลูกชาย
ต่างจากพี่สะใภ้ทั้งสองคนที่มีลูกชาย จึงชอบดีดลูกคิดวางแผนในหัว
“น้องสะใภ้หก ฉันรู้ว่าตอนนี้พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่เธอกับน้องหกจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ นี่ใช้แป้งสาลีไปเท่าไหร่แล้ว ตอนเที่ยงกินบะหมี่ตอนค่ำกินหมั่นโถว แถมยังใช้ไข่ไก่อีกตั้งสามฟองเพื่อทำไข่กวนซีอิ๊ว แบบนี้มันฟุ่มเฟือยเกินไป การใช้ชีวิตไม่ใช่การอยู่อาศัยเพียงวันสองวันนะ เธอต้องประหยัดหน่อย ไม่งั้นถ้าพวกเธอยังกินอยู่แบบนี้ มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอให้พวกเธอกินอยู่ดี!” พี่สะใภ้จ้าวสี่กล่าว
เย่ฉูฉู่กล่าวอย่างอารมณ์ดี “สิ่งที่พี่สะใภ้สี่พูดมา ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ อีกอย่าง ก็เป็นเพราะเหวินเทาชอบกิน เขาชอบฉันก็เลยทำให้เขากินค่ะ”
พี่สะใภ้สี่จ้าวเกือบสำลักออกมา มองดูสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักของเย่ฉูฉู่ หล่อนทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก พวกเขาเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน ดังนั้นความรู้สึกของพวกเขาจึงยังแน่นแฟ้น
“หลังจากนี้ฉันจะจำไว้ พี่สะใภ้สี่ พี่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
พี่สะใภ้สี่จ้าวจะพูดอะไรได้อีก? หล่อนทำได้เพียงกลับไปอย่างหดหู่
ส่วนเย่ฉูฉู่ย่อมกลับเข้าห้องไปนอน จ้าวเหวินเทาหลับไปแล้ว เพราะพรุ่งนี้เขาต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด
อย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตของทั้งสองคนจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
เหล่าพี่ชายพี่สะใภ้ช่างพวกเขาเถอะ แต่นี่แม้แต่คุณพ่อจ้าวและคุณแม้จ้าวต่างก็กังวลเล็กน้อยด้วย
“การที่เหวินเทาและฉูฉู่ใช้ชีวิตแบบนี้ เกรงว่าเงินของพวกเขาอาจจะหมดลงในไม่ช้า” คุณแม่จ้าวกล่าว
คุณพ่อจ้าวกล่าว “พรุ่งนี้คุณไปคุยกับภรรยาของเจ้าหกหน่อย เหวินเทาเป็นคนเลือกกิน จะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องวางแผนล่วงหน้าถึงจะดี”
เพิ่งแยกบ้านก็รับประทานอาหารดี ๆ แบบนี้แล้ว โดยเฉพาะคืนนี้ แน่นอนว่า ลูกสะใภ้เป็นคนกตัญญู เธอได้แบ่งไข่กวนซีอิ๊วส่วนหนึ่งให้พวกเขาทั้งสองรับประทานด้วย
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือหมั่นโถวแป้งขาวที่ลูกสะใภ้ทำต่างหากล่ะ
ตลอดทั้งปีสามารถแบ่งได้นิดหน่อย แต่ใครจะไม่เก็บไว้รับประทานช่วงปีใหม่บ้าง? ถ้ารับประทานหมดตั้งแต่ช่วงนี้ แล้วช่วงปีใหม่จะรับประทานอะไร?
“พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับฉูฉู่ค่ะ” คุณแม่จ้าวพยักหน้า
คุณแม่จ้าวรู้จักลูกชายของตัวเองเป็นอย่างดี เมื่อตอนที่ลูกสะใภ้เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ ๆ ก็ยังดีหน่อย ที่ยังพอมีปากมีเสียงกับลูกชายของนางได้
แต่ตั้งแต่ที่ลูกชายของนางเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม แววตาของลูกสะใภ้ที่มองลูกชายของนางก็เต็มไปด้วยความรักมากยิ่งขึ้น
นางเห็นก็ชักจะทนไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้ไม่ต้องบอกให้เย่ฉูฉู่ไปทะเลาะกับลูกชายของนางหรอก เกรงว่าทุก ๆ เรื่องเธอย่อมเข้าข้างลูกชายของนางอยู่แล้ว
คุณแม่จ้าวภูมิใจในเสน่ห์ของลูกชายของนางไปพลางก็ถอนหายใจไปพลาง ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเขาดีจะได้อย่างไรกันล่ะ? ทรัพยากรของครอบครัวเพียงน้อยนิดนั้นจะไม่ถูกลูกชายของนางรับประทานจนหมดเหรอ?
ไม่แปลกใจเลยที่คนสมัยก่อนจะรักวีรบุรุษช่วยสาวงาม ได้ผลเกินไปแล้วจริง ๆ!
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำไมบ้านหกกินของดี ๆ แล้วแต่ละบ้านดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนะ?
ไหหม่า(海馬)