ตอนที่ 36 คุณแม่เย่มาหาถึงบ้าน
แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่ต้องซื้อไข่ไก่จริง ๆ แล้ว
เพราะวันรุ่งขึ้นคุณแม่เย่ได้นำไข่ไก่มาส่งให้หนึ่งตะกร้า ทั้งยังนำแม่ไก่ที่สามารถออกไข่ได้มาเพิ่มอีกสองตัว!
“คุณแม่ยาย ไหน ๆ ก็มาแล้ว พวกเราก็ต้องต้อนรับอยู่แล้ว ทำไมถึงเอาของมาเยอะแยะแบบนี้ล่ะคะ?” คุณแม่จ้าวถึงกับตะลึงกับของในมือของอีกฝ่าย จึงรีบกล่าว
“พี่สาวจ้าว ฉันได้ยินมาว่าแยกบ้านกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยมาเยี่ยมเยียนลูก ๆ ทั้งสองหน่อย โดยเฉพาะยัยหนูฉูฉู่ ถูกฉันเลี้ยงดูจนเหลิงตั้งแต่เด็ก ๆ สร้างความวุ่นวายให้พี่สาวแย่เลย” คุณแม่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่จ้าวเชิญนางให้เข้ามาในบ้าน “น้องสาวเย่พูดแบบนี้เกรงใจกันเกินไปแล้ว ฉูฉู่เด็กคนนี้แต่งงานมาอยู่ในบ้านฉันก็นับว่าเป็นความโชคดีของบ้านเรา เป็นเพราะน้องสาวเย่เลี้ยงดูมาอย่างดี ฉันก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย แถมฉันยังรักฉูฉู่เหมือนลูกสาวตัวเองด้วย!”
พี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สามต่างก็อยู่ในบ้านและก็กำลังถักเชือกฟางอยู่ หลังจากถักเสร็จก็สามารถนำไปส่งให้ทีมผลิตได้แล้ว ที่ผ่านมาตรฐานรับรองก็จะนำไปนับเป็นแต้มค่าแรงได้
เหล่าลูกสะใภ้ต่างก็อยู่ในบ้าน แน่นอนว่าย่อมเห็นของที่คุณแม่เย่หิ้วมาด้วย ดวงตาจึงแทบจะถลนออกมา
จากนั้นภายในใจจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก ทำไมชีวิตของพวกหล่อนถึงไม่ได้โชคดีและมีบ้านแม่ที่ดี ๆ แบบนี้นะ? บ้านแม่ของพวกหล่อนแทบอยากดึงของที่อยู่ในบ้านของพวกหล่อนไปจนแทบทนไม่ไหว จะมอบความรักให้พวกเธอได้อย่างไรกัน!
ไข่ไก่หนึ่งตะกร้าและแม่ไก่อีกสองตัว ช่างใจกว้างดีจริง ๆ!
“เหม่ออะไรกัน ทักทายสิ” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สามต้องรีบกล่าวทักทายอยู่แล้ว คุณแม่เย่ยิ้มตอบ ก่อนจะพูดว่า “พี่สาวจ้าว พี่ไม่ต้องเป็นธุระให้วุ่นวายหรอก ขอน้ำเย็นสักแก้วก็พอ ไม่ต้องต้มน้ำเชื่อมนะ!”
“ยังไงก็ต้องทำอยู่แล้ว!” คุณแม่จ้าวกล่าว จากนั้นก็ต้มน้ำตาลทรายแดงแก่ ๆ หนึ่งแก้ว
ในเวลานี้ความสัมพันธ์สนิทหรือไม่สนิทกัน ก็อยู่ที่น้ำเชื่อมว่าหวานหรือไม่หวานนี่แหละ
ภายในใจของคุณแม่เย่รู้สึกพึงพอใจมาก แม้ว่ามันจะหวานจนนางเกือบดื่มไม่ลง แต่นี่เป็นเรื่องของจิตใจ
นางเอ่ยถาม “พี่สาวจ้าว ฉูฉู่กับเหวินทาวล่ะ?”
“ฉูฉู่ถือตะกร้าออกไปคุยกับเพื่อนข้างนอก ต้าหยา เธอวางของในมือก่อน ไปเรียกอาสะใภ้หกที่บ้านน้าซงจือหน่อย” คุณแม่จ้าวกล่าว
ต้าหยาจึงออกไปเรียก
“ดูสิ พี่สะใภ้สองคนทำงานเก็บแต้มค่าแรงกัน นี่แหละถึงจะเรียกว่าใช้ชีวิต แต่ดูยัยหนูคนนี้สิคิดไม่ถึงเลยว่าจะวิ่งไปนั่งคุยกับคนอื่นเสียได้!” คุณแม่เย่พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ
หากคุณแม่จ้าวพูดจารังเกียจไปพร้อมกับนาง แบบนั้นก็เรียกว่าโง่แล้ว นางไม่ได้โง่แม้แต่น้อย
“ฉูฉู่ไม่ใช่คนช่างเลือก ก่อนหน้านี้ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงหล่อนก็ทำงานได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะค่ะ…” คุณแม่จ้าวกล่าวเกินจริง พี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สามที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ มุมปากกระตุก น้องสะใภ้หกคนนี้ถูกชมจนลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
ฃ
คุณแม่จ้าวชมจบก็วกกลับมา นางถอนหายใจ “มีก็แต่เจ้าลูกชายคนเล็กเหวินเทานี่แหละค่ะะ ถูกประคบประหงมจนเสียคน ช่วงนี้ในทีมกำลังหาคนไปซ่อมอ่างเก็บน้ำ เจ้ารองกับเจ้าสามก็ไปกันหมด งานนี้ได้แต้มค่าแรงไม่น้อยเลยนะ แต่เขาก็ไม่ยอมไป แถมยังซื้อจักรยานมาอีกคัน ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาก็ไปซื้อมาก่อนแล้วค่อยมาบอก ถ้าฉันรู้คงห้ามไปแล้ว!”
คุณแม่เย่ถาม “ได้ยินมาว่าเขาจะเข้าเมืองไปค้าขายเหรอ?”
ภายในหมู่บ้านมีสะใภ้คนเล็กแต่งมาทางฝั่งนี้ เมื่อวานตอนที่หล่อนกลับมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน จะไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? หล่อนจึงเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่เย่ฟังหมดแล้ว
นี่ก็ทำให้นางทราบเรื่องนี้ด้วย และเดินทางมาหาในวันนี้
คุณแม่เย่รู้สึกดีใจมากจริง ๆ คิดว่าลูกเขยคนนี้มีอนาคต ไม่เช่นนั้นจะทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
เพราะช่วงนี้นางอยากซื้อจักรยานให้ที่บ้านสักคัน แบบนี้เวลาไปซื้อไข่ไก่ในเมืองก็จะสะดวกขึ้น นางรู้สึกว่าการให้เหล่าลูกชายช่วยกันแบกไปแบกกลับนั้นช่างเสียเวลา
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าลูกเขยจะเดินนำหน้านางไปแล้ว นี่ก็จะเข้าไปค้าขายในเมืองอีก แบบนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ
เมื่อวานตอนที่คุณพ่อเย่ได้ยินก็ถึงกับแค่นเสียงเย็น ทั้งยังรังเกียจที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง คุณพ่อเย่เป็นผู้ชายหัวอนุรักษ์นิยมมาก เขาจึงไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจของคุณแม่เย่
ทว่าคุณแม่เย่กลับสนับสนุนเป็นอย่างมาก วันนี้นางจึงหิ้วของมาให้ตั้งแต่เช้า
ไข่ไก่ในตะกร้าใบนี้มีประมาณสามชั่ง ทั้งยังมีแม่ไก่อีกสองตัวด้วย นางหิ้วมาแบบนี้ลูกสะใภ้ที่บ้านทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร แต่ตระกูลเย่ยังไม่แยกบ้าน นางจึงเป็นคนตัดสินใจในบ้าน
อีกอย่างตอนแรกก็เป็นเพราะนางพยายามที่จะเลี้ยง คนอื่น ๆ ต่างก็ขัดแข้งขัดขา ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่านางทำถูกต้อง นางจึงมีสิทธิ์ในการแจกจ่ายไข่ไก่อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้นางก็ไม่ได้ดูแลลูกสะใภ้ทั้งสองไม่ดี แต่ละเดือนก็มอบเงินเก็บให้พวกหล่อนคนละสองหยวนด้วย!
ส่วนเจ้าลูกชายคนที่สาม เด็กไม่รักดีคนนั้นนางไม่สนใจแล้ว ภรรยาของเขาเป็นปัญญาชนมีการศึกษา หลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รับการฟื้นฟูในปีแรกหล่อนก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว
นางคิดว่าคงหมดหวังแน่นอน แต่ก็ไม่อาจระงับความหลงใหลของเขาได้ งั้นก็ปล่อยให้หลงใหลต่อไปเพราะขี้เกียจจะสนใจแล้ว ปล่อยให้เขาสะดุดเองดูบ้างจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร
ส่วนคุณแม่จ้าวนั้นไม่แน่ใจกับทัศนคติของคุณแม่เย่ แต่นางรู้ดีว่าปีนี้คุณแม่เย่เลี้ยงไก่ไว้ไม่น้อย จึงพูดอย่างเป็นกลางไปว่า “เหวินเทาก็อยู่ว่าง ๆ ไม่ได้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่อยากลงนาไปเก็บแต้มค่าแรง แต่เขาก็บอกกับฉันว่าตอนนี้แยกบ้านแล้ว เขาคือเสาหลักของครอบครัว จะไม่ทำให้ภรรยาของเขาต้องเจ็บช้ำ!”
ในฐานะที่เป็นแม่ย่อมพูดถึงลูกชายของตัวเองในแง่ดีอยู่แล้ว
แต่พี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สามที่อยู่ด้านนอกได้ยินถึงกับเบ้ปาก น้องสามีหกทำแต่เรื่องไร้สาระต่างหากล่ะ วันนี้ก็เก็บถั่วเหลืองในหมู่บ้านออกไปขายที่ในเมืองตั้งแต่เช้า
ส่วนเมื่อวานนี้ถั่วงอกก็เพิ่งจะงอก ของพวกนี้เจอได้โดยทั่วไป มันจะไปหายากตรงไหนกัน?
แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปดับฝันเขา ในเมื่อแม่สามีเป็นคนช่วยปลูกถั่วงอก ก็หวังว่ามันจะทำกำไรได้สักหน่อยและไม่ขาดทุน
คุณแม่เย่ได้ยินก็ดีใจมาก นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวจ้าว ฉันเชื่อว่าเหวินเทาคนนี้จะไม่ทำให้ฉูฉู่ต้องอดอยากปากแห้ง พี่ปล่อยเขาไปเถอะ ฉันคิดว่าเขาเป็นเด็กมีอนาคตนะ อนาคตต้องสร้างผลงานดีเด่นได้ด้วยความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่แน่นอน!”
มีแม่คนไหนบ้างไม่ชอบให้ลูกชายตัวเองถูกชม? โดยเฉพาะการได้รับคำชมจากแม่ยายของเขา ทั้งยังเป็นความจริงใจอย่างแท้จริง สามารถมองเห็นได้ว่าคุณแม่เย่ชอบลูกเขยของนางจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่หิ้วไข่ไก่มาหนึ่งตะกร้าแบบนี้หรอก
คุณแม่จ้าวย่อมชอบอยู่แล้ว
ดังนั้นตอนที่เย่ฉูฉู่กลับมา จึงพบว่าพวกนางทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ
“แม่คะ ทำไมถึงเดินทางมาซะไกลเลยล่ะคะ? ฉันกำลังคิดว่าอีกสองวันจะไปหาแม่อยู่พอดีเลย” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความรู้สึกผิด เดิมทีเธอคิดจะกลับไป แต่เป็นเพราะเหวินเทาไม่ว่าง ครั้นไปคนเดียวก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะกลัวว่าจะเผลอปล่อยไก่ออกไป
คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ไม่ได้ไกลมากมายอะไร วันนี้แม่เองก็ไม่มีอะไรต้องทำอยู่พอดี ก็เลยมาเยี่ยมแกสักหน่อย”
“ดูแม่ของเธอสิ เอาไข่ไก่มาให้พวกเธอสองคนตั้งเยอะแยะเลย แถมยังมีแม่ไก่อีกสองตัวด้วยนะ” คุณแม่จ้าวกล่าว
ภายในใจก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะต่อให้นางไม่ได้เป็นคนรักลูกชายมากกว่าลูกสาวเหมือนกับคนในหมู่บ้าน ทั้งยังปฏิบัติกับลูกสาวเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง ลูกสาวของนางที่แต่งออกไปนางก็มอบสินสอดให้ทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้ใจกว้างเหมือนกับคุณแม่เย่ขนาดนี้
เย่ฉูฉู่ดวงตาเป็นประกาย นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ แม่ดีกับฉันจริง ๆ!”
คุณแม่เย่กลอกตาใส่ “ส่งของมาให้ก็เรียกว่าดีแล้ว ถ้าไม่ส่งมาให้ก็แปลว่าไม่ดีสินะ?”
คุณแม่จ้าวก็เป็นคนอยู่เป็น นางนั่งคุยต่อสองสามประโยค จากนั้นก็ให้พวกเธอทั้งสองคนเข้าไปคุยกันในห้องด้านหลังสวน
แน่นอนว่าของพวกนี้ก็หิ้วไปด้านหลังสวนด้วย ทำให้ต้าหยาและเอ้อร์หยาอิจฉามาก ไม่รู้ว่าหลังจากนี้หากพวกเธอแต่งงานออกไป แม่ของพวกเธอจะยอดเยี่ยมแบบนี้หรือเปล่านะ?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คุณแม่เย่มาเองเลย ถือว่ามีคนสนับสนุนทางอ้อมอีกหนึ่งคนแล้ว
ไหหม่า(海馬)