ตอนที่ 38 สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันดีหรือไม่?
“แต่ความรู้สึกระหว่างหล่อนกับพี่สามก็ดีมากเลยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว เธอรู้จักพี่สะใภ้ที่เป็นปัญญาชนคนนั้น อันที่จริงหล่อนก็นิสัยดีมาก อ่อนโยน ทั้งยังมีการศึกษา ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ปีแรกหรอก
คุณแม่เย่เอ่ยดูถูก “พวกเธอสองพี่น้องทำไมไม่มีใครเหมือนแม่เลยสักคน? ไร้เดียงสากันทั้งคู่ ความรู้สึกที่ดีมันกินได้เหรอ? ก่อนหน้านี้หล่อนไม่มีตัวเลือกต่างหากล่ะ ถึงได้เลือกคนที่ดีที่สุดจากคนกลุ่มล่าง และเลือกพี่สามของลูก วันนี้หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ฝั่งนั้นเป็นพวกนักศึกษาที่พูดภาษาเดียวกัน ลูกคิดว่าคนที่อยู่สูงจะเลือกคนที่อยู่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหรอ?”
เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สามก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะคะ”
เย่หมิงเป่ยที่เป็นพี่สามของเธอสูง 180 เซนติเมตร เขาเป็นคนตัวสูง และตอนนี้ก็ยังเป็นหนุ่มหล่อด้วย ไม่ได้มีนิสัยที่ไม่ดีแม้แต่น้อย ปีนี้อายุแค่ 22 ปี ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย
“เฮ้อ” คุณแม่เย่ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พูดไปก็อารมณ์เสีย”
ลูกชายคนนั้นเป็นคนหัวดื้อ พูดไปเท่าไรเขาก็ไม่เชื่อ เอาแต่บอกว่าภรรยาของเขาจะต้องกลับมา หล่อนบอกว่าจะกลับมาก็จะต้องกลับมา
โดนหลอกง่ายเกินไปแล้วจริงๆ ควรจะให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดดูบ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่โตสักที!
คุณแม่เย่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ของที่แกบอกเดี๋ยวแม่กลับไปช่วยรับซื้อให้ แต่ดูเหมือนว่าหิมะใกล้จะตกแล้ว หิมะตกก็ออกไปข้างนอกลำบาก บอกให้เหวินเทาระวังหน่อยนะ รีบหาเงินตอนนี้ ถ้าหิมะตกก็อย่าออกไปข้างนอกล่ะ”
เย่ฉูฉู่พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” แต่ในใจของนางกลับคิดว่า เหวินเทาคงไม่พลาดโอกาสทำเงินนี้หรอก
เพราะสุดท้ายแล้วโอกาสนั้นหายาก ทางฝั่งไช่ซื่อหู่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้จนถึงตอนไหน ได้ยินเหวินเทากล่าวว่า ตอนนี้สามารถหาเงินได้มากเท่าไรก็ต้องรีบโกยไว้ก่อน หนึ่งวันสามารถนำเนื้อออกมาได้สามสี่ชั่ง ก็สามารถหาเงินได้ประมาณหนึ่งหยวนต่อวันแล้ว ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
เมื่อถึงฤดูหนาวเนื้อวางทิ้งไว้ก็ไม่เสีย ถึงเวลานั้นเก็บไว้ไม่กี่วันแล้วค่อยนำเข้าเมืองไปพร้อมกันก็เหมือนกันนั่นแหละ
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ต้องพูดกับแม่ของเธอหรอก
คุณแม่เย่พูดคุยเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว จึงกวาดสายตามองมาที่ท้องของเธอ “ยังไม่มีข่าวคราวอีกเหรอ?”
เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อ ขณะกล่าว “ค่ะ รอบเดือนของเดือนนี้ก็มาตรงเวลา”
คุณแม่เย่ขมวดคิ้ว “พวกแกแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้วนะ ทำไมยังไม่มีข่าวดีอีก?”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยความรู้สึกไม่ดี “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ?”
คุณแม่เย่กังวลเล็กน้อย แม้ว่าจะแต่งงานกันได้ไม่นาน แต่โดยทั่วไปแล้ว เมื่อแต่งเข้าบ้านมานานขนาดนี้ก็ควรจะตั้งครรภ์ได้แล้ว
“ความรู้สึกของลูกกับเหวินเทาดีไหม?” คุณแม่เย่ถามด้วยคำพูดอ้อมค้อม
เมื่อเย่ฉูฉู่ได้ยินดังนั้นย่อมเข้าใจ เธอถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตําลึงขณะกล่าวว่า “แม่คะ ทำไมแม่ถึงถามฉันแบบนี้เนี่ย!”
“แม่เป็นแม่แกนะ แกแต่งงานมาก็นานขนาดนี้แล้วแม่ก็ต้องถามสิ โดยเฉพาะเรื่องท้องนี้ของแก ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย” คุณแม่เย่กล่าว
เพราะนางเป็นแม่นางจึงกล้าถามออกมาตรง ๆ หากเป็นแม่สามี เช่นนั้นก็คงไม่ถามตรง ๆ แบบนี้ แต่ถ้าเจอแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลแน่นอนว่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เย่ฉูฉู่หน้าแดงด้วยความเขินอาย คุณแม่เย่เห็นแบบนั้นจึงเข้าใจได้ ทั้งคู่คงมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่
คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเขินอายขนาดนี้ เอาล่ะ มีความรู้สึกที่ดีก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องลูก อาจเป็นเพราะโชคชะตายังมาไม่ถึง ถ้าโชคชะตามาถึงก็ต้องมีอยู่แล้ว ทำใจตามสบายไว้นั่นแหละ”
ในใจของนางก็ไม่อยากให้ลูกสาวแบกรับภาระมากเกินไป แต่งงานกันมายังไม่นับว่านานเท่าไรนัก ไม่ต้องกังวลให้มากมายเกินไป
เย่ฉูฉู่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจของเธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเธอก็ต้องการคลอดลูกให้กับเหวินเทาเช่นกัน แต่เจ้าตัวเล็กยังไม่มีสักที คงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
คุณแม่เย่ไม่อยู่รับประทานมื้อเที่ยงที่นี่ นางมาถึงตอนเก้าโมงกว่า และกลับไปตอนสิบเอ็ดโมง
คุณแม่จ้าวย่อมยื้ออย่างเต็มที่ให้นางอยู่ต่อ “น้องสาวเย่ อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ ข้าวก็เอามาลงแล้ว เธอจะกลับไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
“พี่สาวจ้าว ฉันรู้ว่าพี่กระตือรือร้นที่จะต้อนรับ แต่เป็นเพราะฉันยุ่งน่ะสิคะ ที่บ้านยังมีไก่ต้องกลับไปให้อาหาร ไหนจะพวกหลาน ๆ อีก ไม่มีเวลาจริง ๆ” คุณแม่เย่กล่าว
“เธออย่ามาหลอกฉัน ฉันก็เป็นแม่สามีเหมือนกัน ไม่มีใครในครอบครัวทำแทนได้เลยเหรอ? ยังไงเธอก็ต้องอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน” คุณแม่จ้าวกล่าว
“ไม่ต้อง ๆ ฉันแค่แวะมาดูเหวินเทากับฉูฉู่ ในเมื่อทั้งสองคนมีชีวิตที่ดี ตอนนี้ก็แยกบ้านแล้วฉันคงไม่กล้าพูดอะไร แต่พี่สาวจ้าว พวกเขาทั้งสองคนยังเป็นวัยรุ่นอยู่ หลังจากนี้หากมีเรื่องต้องยื่นมือช่วยเหลือ พี่ก็อย่าไปตำหนิพวกเขาเลยนะคะ” คุณแม่เย่กล่าว
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน? ฉูฉู่ก็เป็นลูกสาวของฉันนะ!” คุณแม่จ้าวกล่าว
หลังจากทั้งสองคนถกเถียงกันไปมา คุณแม่เย่จึงกลับไปด้วยความพึงพอใจ ส่วนคุณแม่จ้าวรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่นางกลับรู้สึกว่าแม่ยายคนนี้เป็นคนนิสัยดีที่หาได้ยากจริง ๆ
จะซื้อหมูต้องดูที่เล้า จะแต่งสะใภ้เข้าบ้านต้องดูพ่อแม่
เมื่อเห็นแม่ยายของลูกเป็นคนรู้เหตุรู้ผล ในภายภาคหน้าลูกสะใภ้คนเล็กของนางจะแย่ได้อย่างไรกัน?
คุณแม่จ้าวยินดีและพอใจอย่างยิ่ง
“เอาของมาตั้งเยอะแยะขนาดนี้ ยังไม่อยู่กินข้าวด้วยกันอีก”คุณพ่อจ้าวกล่าว
“ช่วยไม่ได้ ที่บ้านน้องสาวเย่ยุ่ง ๆ น่ะ แต่หลังจากนี้ยังมีโอกาส” คุณแม่จ้าวกล่าว จากนั้นจึงกระซิบ “แถมยังให้ไก่สองตัวกับไข่ไก่อีกหนึ่งตะกร้าอย่างไม่เสียดายเลยล่ะ!”
แม้ว่าจะไม่ได้นำมาให้นาง แต่ก็ให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของนาง สุดท้ายแล้วก็เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวของนางอยู่ดี
“คุณสร้างกรงไก่อีกกรงเถอะ ให้ไก่ทั้งสองตัวนั้นมีที่พักกว้าง ๆ หน่อยจะได้วางไข่ดี ๆ!” คุณแม่จ้าวกล่าว
คุณพ่อจ้าวจึงตอบตกลง
จ้าวเหวินเทาขี่จักรยานกลับมาตอนเกือบเที่ยง ถั่วเหลืองและถั่วลิสงจำนวนไม่กี่ชั่งที่เขานำไปในวันนี้ถูกขายจนหมดเกลี้ยง
เมื่อเขากลับมาถึง หลายคนในหมู่บ้านย่อมเข้ามาถามถึงบ้าน
ปีนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าบันเทิงเลย ทำไมไม่รอฟังข่าวใหม่จากจ้าวเหวินเทาล่ะ?
โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านต่างรู้สึกว่าเขากำลังทำสิ่งไร้ประโยชน์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทำต่อไปอีกไม่กี่ครั้งเขาต้องวางมืออย่างแน่นอน
“วันนี้ได้มา 1.80 เหมาล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างไร้อารมณ์
“1.80 เหมา? เป็นไปได้ยังไง!” เหล่าหวังสามกล่าว
“จะได้เท่าไรกันเชียว? ฉันเอาถั่วเหลืองและถั่วลิสงไปแค่ไม่กี่ชั่งเองนะ มันไม่ใช่ของมีค่าสักหน่อย ขายออกหมดก็ดีถมเถแล้ว” จ้าวเหวินเทาขมวดคิ้วพลางกล่าว
แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
เหล่าหวังสามอารมณ์ดีมาก เขาหันไปคุยกับภรรยาของเขาที่กำลังให้นมลูกอยู่ จากนั้นด้วยความปากมากของภรรยาเหล่าหวังสาม ทุกคนจึงรู้ว่าวันนี้จ้าวเหวินเทานำถั่วเหลืองและถั่วลิสงไม่กี่ชั่งไปขายในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ ออกไปโต้ลมหนาวตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ขายจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะกลับมา ได้เงินมาทั้งหมด 1.80 เหมา!
เมื่อคนในหมู่บ้านได้ยิน พวกเขาต่างพากันส่ายหน้าทันที
เจ้าหกจ้าวคนนี้ไม่จริงจังเอาเสียเลย ถ้าเอาพลังงานแบบนี้ไปทำนา นี่คงได้แต้มค่าแรงไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว?
หลังจากนั้นก็ได้ยินว่าตอนบ่ายเขาไม่ได้ไปทำงานแล้ว แถมยังปิดประตูนอนสลบเหมือดอยู่ในบ้าน และยังบอกว่าพรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปขายของต่อ ฟังคำพูดนี้สิ นี่เป็นคำพูดที่คนในฐานะหัวหน้าครอบครัวควรพูดออกมาเหรอ?
จากนี้ไปภรรยาและลูกคงได้อดอยากปากแห้งไปพร้อมกับเขาแน่!
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตอนเช้าหลังจากแม่ยายของเขาได้ยินว่าพวกเขาทั้งสองแยกบ้านกันแล้ว จึงนำไก่สองตัวและไข่ไก่หนึ่งตะกร้ามาให้ ก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความอิจฉา
ใครบอกให้เขาแต่งงานกับภรรยาที่ดี แถมยังมีแม่ยายที่ดีแบบนี้กันล่ะ?
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตอนเริ่มทำธุรกิจมันก็ขลุกขลักแบบนี้แหละ เดี๋ยวต่อไปก็จะดีขึ้น ดีพอที่จะเอามาเย้ยคนปากมากบางคนให้หน้าชาเลยแหละ
ไหหม่า(海馬)