ตอนที่ 45 โชคดีขนาดนี้
พี่สามจ้าวถูกกระตุ้นโทสะจนเดินออกจากห้องไป
ส่วนพี่สะใภ้สามจ้าวก็เดินมาหาเย่ฉูฉู่ ตอนนี้เย่ฉูฉู่กำลังตากผ้าอ้อมอยู่ ซึ่งนำกลับมาจากบ้านแม่ของเธอ
แม่ของเธอให้นำกลับมา มันเป็นผ้าอ้อมที่พวกหลาน ๆ ใช้ตอนเด็ก หากซักสะอาดแล้วนำไปยัดไว้ใต้เตียงจะช่วยเรียกเด็กได้เป็นอย่างดี
เย่ฉูฉู่คิดว่าไม่เลว ดังนั้นจึงนำกลับมาด้วย หลังใช้สบู่ซักไปอีกหนึ่งรอบจนหอมแล้ว วันนี้จึงนำมาตากแดด
“น้องสะใภ้หก เมื่อกี้พ่อของหม่าต้านพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเลยจริง ๆ พี่ก็เลยอยากจะมาขอโทษเธอ เธอช่วยไปบอกน้องสามีหกหน่อยนะว่าอย่าไปถือสาพี่สามของเขาเลย เขาเป็นคนน่าเอือมระอาแบบนั้นแหละ” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
เย่ฉูฉู่เองก็รู้สึกค่อนข้างเหนือความคาดหมาย แต่พี่สะใภ้สามคนนี้เป็นคนใจกว้างเสมอ เธอจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สามเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ มันก็แค่คำพูดไม่กี่ประโยค เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรหรอกค่ะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นว่าเธอพูดจากใจจริง หล่อนจึงพยักหน้า จากนั้นก็ถามเรื่องผ้าอ้อม และทราบว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี บอกอีกฝ่ายว่าดีแล้ว
หลังจากนั้นก็กลับห้องของตัวเอง
เย่ฉูฉู่ไม่มีอะไรทำเช่นกันจึงกลับห้องไป จ้าวเหวินเทายังนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อครู่เขาก็เพิ่งจะโกรธเพราะคำพูดของพี่สาม จึงกลับมาด้วยความฉุนเฉียว แต่ไม่นานก็หลับไปเสียแล้ว
เย่ฉูฉู่หมุนตัวเพื่อไปเตรียมอาหารเที่ยง
อาหารเที่ยงเป็นของง่าย ๆ เธอลงมือนวดแป้งเพื่อทำเป็นบะหมี่ แถมแม่ไก่ทั้ง 4 ตัวในวันนี้ก็เก่งมาก ออกไข่มาตั้ง 3 ฟอง ดังนั้นตอนที่ลวกเส้นเธอก็ตอกไข่ไก่ลงไป 2 ฟอง หลังจากเส้นสุกแล้วไข่ไก่ก็สุกได้ที่พอดี จากนั้นก็ต้มผักใบเขียวหนึ่งหยิบมือมาโปะไว้ด้านบน ก่อนจะถือชามกลับเข้าไปในห้อง
กลิ่นหอมของบะหมี่ไข่ไก่นี้ปลุกให้จ้าวเหวินเทาตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
แต่เขาก็ยังแค้นฝังใจอยู่ ระหว่างที่รับประทานก็แค่นเสียงไปพลาง “พี่สามนี่มันเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษ[1] ชะมัด ตอนนี้ผมจะไม่ถือสาเขาก็แล้วกัน แต่คอยดูเถอะ รอวันที่ผมตอกหน้าเขาก่อน ดูสิว่าผมหรือเขาที่จะหาเงินได้ ใครกันแน่ที่จะโดนดูถูก!”
“เมื่อกี้พี่สะใภ้สามก็เพิ่งมาพูด บอกว่านั่นก็เป็นแค่คำพูดไร้สาระของพี่สาม หล่อนเองก็ด่าพี่สามไปแล้วเหมือนกันค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“พูดไร้สาระอะไร? นั่นเป็นคำพูดออกมาจากใจเขาเลยล่ะ เขาดูถูกผม แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เขามาเห็นความสำคัญของผมอยู่แล้ว เขามีความสามารถแค่นั้น ก็แค่ลูกตาของหนูแก่ที่เห็นไฟด้านหน้า” จ้าวเหวินเทากล่าว
“วิสัยทัศน์ไม่กว้างไกล” เย่ฉูฉู่แก้คำให้
“ใช่ คำนี้แหละ พี่ชายผมอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ว่าใครเป็นใครอีก?” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่หลุดขำ ก่อนจะคีบบะหมี่ยื่นให้เขา “รีบกินเถอะค่ะ กินเสร็จจะได้พักผ่อนต่อ”
“ภรรยาคุณกินเถอะ ผมพอแล้ว” จ้าวเหวินเทารำพึงในใจว่าคนที่รักเขามากที่สุดก็ยังเป็นภรรยาของเขา จึงพูดต่อท้ายอีกหนึ่งประโยคว่า “ตอนบ่ายผมจะขึ้นเขาไปดูสักหน่อยว่าพอจะมีไก่ฟ้าสักสองตัวไหม จะได้เอามาเพิ่มกับข้าวด้วย”
“งั้นคุณก็แบกตะกร้าไปด้วยนะคะ ระหว่างทางก็ดูหน่อยว่ามีพวกผลไม้เปลือกแข็งนำกลับมาได้หรือเปล่า ตอนเย็นที่คุณกลับมา ฉันจะทำเกี๊ยวให้คุณกิน ฉันเก็บเนื้อไว้ในตู้น่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว ตอนนี้อากาศหนาวราว 11-12 องศาเซลเซียสแล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าเนื้อจะเน่าเสีย
“ครับ” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า
หลังจากรับประทานบะหมี่ไข่ไก่แล้ว จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้นอนต่อ เมื่อครู่เขานอนไปแล้ว จึงนำเคียวและไม้คานขึ้นเขาไป สิ่งเหล่านี้ต่างก็ใช้เพื่อป้องกันตัวเอง
แต่เขาก็ไม่ได้ขึ้นเขาคนเดียว ครั้งนี้พาเถี่ยต้าน หลูเถี่ยและหม่าต้านไปด้วย
“พวกเธอสามคนต้องทำงานหนักขึ้นนะ ตอนนี้พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นแต่ละคนก็หากันเอง ไม่วางไว้ด้วยกันแล้วนะเข้าใจไหม? ตอนที่กลับบ้านไปพ่อแม่ของพวกเธอจะได้ไม่พูดว่าอาเอาเปรียบพวกเธอ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“อาหก ตอนแรกทำไมอาถึงไม่โน้มน้าวคุณย่าล่ะครับ? ทำไมต้องแยกบ้านด้วย ทุกคนอยู่ด้วยกันก็ดีจะตายไป” เถี่ยต้านกล่าว
“ยังไงก็ต้องแยกบ้านอยู่แล้ว พ่อแม่ของพวกเธอบอกว่าอาไม่ทำงานแถมยังเอาเปรียบอีก การเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงอาเหนื่อยจนหลังขดหลังแข็งพวกเขาก็ไม่มีใครเห็น อาหิ้วปลาและเนื้อกลับไปบ้านตั้งเยอะแยะ ในเมื่อพวกเขาไม่เห็น แล้วจะไม่ให้แยกบ้านได้ยังไงล่ะ?” จ้าวเหวินเทากล่าว
“พ่อของผมไม่อยากแยกบ้านเลย มีแต่แม่ที่อยากแยกบ้าน” หลูต้านพูด เขามีแม่คนเดียวกับเถี่ยต้าน ตอนที่กลับไปบ้านยาย เขาก็ได้ยินแม่ของเขาบอกกับยายว่าอยากแยกบ้าน
“เฮ้อ!” เถี่ยต้านถอนหายใจ
หม่าต้านก็ถอนหายใจ แยกบ้านแล้วไม่ดีเลยจริง ๆ อาหกกับพวกเขาไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่เป็นครอบครัวเดียวกับอาสะใภ้หกต่างหากล่ะ
“พอแล้วเจ้าเด็กพวกนี้นี่ ต่อให้แยกบ้านไปแล้วอาก็ยังเป็นอาหกของพวกเธออยู่ รอให้เจอไข่ไก่ฟ้าก่อน อาจะแบ่งให้พวกเธอคนละฟอง” จ้าวเหวินเทากล่าว
คำพูดนี้ทำให้พวกเขาดีใจขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ก็พูดไปแล้ว โชคของจ้าวเหวินเทาคงไม่ต้องพูดถึง แค่ขึ้นมาบนเขาได้ไม่นาน เขาก็เจอไก่ฟ้าหนึ่งตัวเดินอยู่ในพุ่มไม้ และเมื่อได้เห็น…โอ้โห มีไข่ไก่ฟ้าหนึ่งรังด้วย!
“อาหก ๆ ไข่ไก่ฟ้าทั้งหมดเลย!” เถี่ยต้านก็เห็นแล้ว จึงดีใจเป็นอย่างมาก
“อาเป็นคนเห็น ดังนั้นอาจะแบ่งให้พวกเธอคนละฟอง ส่วนที่เหลือเป็นของอา” จ้าวเหวินเทาโบกมือ
แต่ได้คนละหนึ่งฟองก็นับว่าดีแล้ว บรรดาสามต้านต่างดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็วางไข่ลงในตะกร้าคนละฟองอย่างระมัดระวัง
จ้าวเหวินเทานำไข่ไก่ฟ้า 7-8 ฟองที่เหลือใส่เข้าไปในตะกร้าแล้ว โดยใช้หญ้าแห้งรองไว้ แต่ไข่ไก่ฟ้าหนึ่งรังเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นจ้าวเหวินเทาก็เจอไข่ไก่ฟ้าอีกสองรัง แม้ว่าหนึ่งรังจะมีแค่ 5-6 ฟอง แต่มันก็ทำให้จ้าวเหวินเทายิ้มหน้าบานได้แล้ว
“ไม่ได้ขึ้นมาบนเขานานแล้ว คิดถึงชะมัดเลย” จ้าวเหวินเทารู้สึกปีติยินดี
สามต้านอิจฉาเป็นอย่างมาก เพียงแค่พริบตาเดียว อาหกของพวกเขาก็ได้ไข่ไก่ป่ามากขนาดนี้แล้ว!
เขาเดินเข้าป่าลึกขึ้น ทางฝั่งนี้ก็มีผลไม้ป่าเปลือกแข็ง เป็นเกาลัดทั้งหมด
จ้าวเหวินเทาจึงนำเสาคานปีนต้นไม้เพื่อเกี่ยวเกาลัด
หลังจากเกี่ยวเสร็จแล้วจึงนำพวกหลานชายไปเก็บ ครั้งนี้ไม่ได้แย่งกับพวกหลาน ๆ เพราะเก็บไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็รู้สึกไม่สบายท้อง จึงรีบพูดว่า “พวกเธอรออยู่ตรงนี้นะ อาหกไปถ่ายหนักก่อน เดี๋ยวกลับมา!”
“ครับ” เถี่ยต้านและคนอื่น ๆ ต่างก็เชื่อฟังคำพูดเขา
จ้าวเหวินเทาจึงไปทำธุระส่วนตัว แต่ตัวคนก็โชคดีแบบฉุดไม่อยู่จริง ๆ เพิ่งจะทำธุระเสร็จเขาก็เห็นไก่ฟ้าสองตัวกำลังสู้กันอยู่ตรงหน้าเหมือนกับไก่ชน โดยที่ด้านข้างยังมีแม่ไก่อีกตัวหนึ่ง
ไก่ฟ้าตัวผู้สองตัวนั้นดูเหมือนว่ากำลังสู้กันเพื่อแย่งคู่ ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงเดินไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นใช้ไม้คานตีไก่ฟ้าที่กำลังสู้กันดุเดือดชนิดเลือดขึ้นตาทั้งสองตัว
ส่วนแม่ไก่ตัวนั้นก็บินหนีเอาตัวรอดอย่างตื่นตระหนก
“พวกแกดูสิ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ทำไมต้องมาแย่งดอกไม้ดอกเดียวกันด้วยล่ะ? พวกแกต้องเผชิญโชคร้าย แต่เจ้าหล่อนกลับหนีไปเร็วกว่าใครเลยนะ” จ้าวเหวินเทาพูดพลางนึกเสียดายที่ไม่สามารถจับได้ทั้งสามตัวในคราวเดียว
เขาหิ้วไก่ฟ้าสองตัวกลับมา เถี่ยต้าน หลูต้าน และหม่าต้านเห็นเช่นนี้ก็ดวงตาแทบจะถลนออกมา อิจฉาจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“ไม่เลวเลย ๆ ช่วยอาหกเก็บด้วย” จ้าวเหวินเทายัดไก่ฟ้าเข้าไปในตะกร้าที่ใส่เกาลัดไปครึ่งหนึ่ง พูดด้วยความพึงพอใจ
“อาหก จับมาได้ยังไงครับเนี่ย? ไปถ่ายหนักก็จับไก่ฟ้าได้ด้วยเหรอ?” หลูต้านกล่าว
“แหงสิ มีครั้งไหนบ้างที่อาหกของเธอโชคไม่ดี? มีครั้งไหนที่พวกเธอเข้าป่ามากับอาแล้วไม่เจอของกินบ้าง” จ้าวเหวินเทาใช้ไม้คานแบกตะกร้าขึ้นมา ทั้งยังกล่าวอย่างมีชัย
คำพูดนี้คือเรื่องจริง ดังนั้นพวกเขาจึงชอบเข้าป่ามากับอาหกมากที่สุด เพราะมักจะได้เจอของอร่อยอยู่เสมอ!
“นี่ก็เย็นแล้ว วันนี้เก็บไปได้ไม่เลวเลย ลงเขาเถอะ!” จ้าวเหวินเทากล่าว จากนั้นจึงพาหลานชายทั้งสามลงจากภูเขา
………………………………………………………………………………………………………………………
[1] เอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษ หมายถึง ใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง
สารจากผู้แปล
ทำไมถึงโชคดีขนาดนี้นะเหวินเทา นี่ถ้าซื้อหวยก็คงถูกรางวัลที่หนึ่งแน่ๆ
ไหหม่า(海馬)