ตอนที่ 46 คู่รักหนุ่มสาวแสนกตัญญู
เกาลัดป่าครึ่งตะกร้า ไก่ป่า 2 ตัว พร้อมด้วยไข่ไก่อีก 23 ฟอง ล้วนเป็นสิ่งที่จ้าวเหวินเทาได้รับในวันนี้
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เพิ่งจะเป็นเวลาสี่โมงกว่า ๆ ฟ้ายังคงสว่างอยู่
เดิมทีเย่ฉูฉู่เตรียมตัวรับประทานเกี๊ยวในเย็นนี้ แต่เมื่อเห็นไก่ป่าสองตัวเธอจึงเปลี่ยนใจ
“ฉันจะหมักเนื้อเก็บไว้ คืนนี้กินไก่เกาลัดกันนะคะ ฉันนึ่งหมั่นโถวถั่วอีกสักหม้อดีไหม?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ได้ ภรรยาคุณจัดการเลย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งั้นคุณต้มน้ำถอนขนไก่เถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวและออกไปตักแป้งเพื่อเตรียมนวดแป้ง
จ้าวเหวินเทาต้มน้ำ จากนั้นนำไก่ฟ้าสองตัวออกมาถอนขน พี่สะใภ้สี่จ้าวที่เพิ่งกลับมาจากการพูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเรื่องที่เขาเข้าป่าได้ไข่ไก่ฟ้ามายี่สิบกว่าฟองและไก่ฟ้าอีกสองตัวแล้ว
หล่อนอดอิจฉาไม่ได้และกล่าวขึ้นว่า “น้องสามีหกช่างโชคดีจริง ๆ”
จ้าวเหวินเทาจึงเจียดเวลาตอบกลับไปหนึ่งประโยค “ก็งั้น ๆ แหละครับ” แต่ในใจกลับกล่าวว่า ‘เย็นนี้พวกพี่ก็คอยดูพวกเราสองคนกินเนื้อเถอะ!’
ไก่ฟ้าทั้งสองตัวมีขนาดไม่ใหญ่ หนึ่งตัวหนักหนึ่งชั่งกว่า ๆ แต่การตุ๋นทั้งสองตัวก็เยอะเกินไปหน่อย ดังนั้นเย่ฉูฉู่จึงเก็บอีกตัวไว้รับประทานวันพรุ่งนี้
วันนี้อากาศหนาวมาก ต้องผัดเนื้อให้สุกถึงจะสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น
พวกเขารอให้พี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวทำอาหารให้เสร็จก่อน พวกหล่อนรับประทานอาหารง่าย ๆ ซึ่งก็คือโจ๊ก ดังนั้นจึงเสร็จเร็วเป็นพิเศษ
เมื่อพวกหล่อนใช้ครัวเสร็จแล้วก็ถึงคราวของเย่ฉูฉู่ เดิมทีคุณแม่จ้าวก็เตรียมตัวจะทำอาหาร และก็คิดจะรับประทานโจ๊กเช่นกัน แต่ถูกเย่ฉูฉู่ห้ามไว้
“คุณแม่ไม่ต้องทำค่ะ ฉันนวดแป้งไว้เยอะเลย อีกเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่มากินหมั่นโถวของพวกเราก็ได้นะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
หากเป็นคนอื่น ๆ เย่ฉูฉู่ย่อมไม่สนใจ แต่นี่เป็นคุณพ่อคุณแม่ของสามี ก็ต้องกตัญญูอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกท่านที่ยังรักและเอ็นดูพวกเขาทั้งสองคนมาก
“พ่อกับแม่กินของพวกเธอเปล่า ๆ ตลอดไม่ได้หรอกนะ แม่จะไปตักแป้งมาให้หนึ่งถ้วย” คุณแม่จ้าวกล่าวด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ค่ะ” เย่ฉูฉู่ยิ้ม เธอไม่ได้ห้ามคุณแม่จ้าวแต่อย่างใด
คุณแม่จ้าวตักแป้งถั่วมาให้หนึ่งถ้วยต่อหน้าลูกสะใภ้คนอื่น ๆ
“คุณแม่เอาไปวางไว้ในห้องก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้ลงกลอนตู้ไว้” เย่ฉูฉู่กล่าว
คุณแม่จ้าวจึงยิ้มและนำแป้งถั่วไปใส่ไว้ที่ตู้ในห้องของเย่ฉูฉู่ ภายในตู้ย่อมมีของดี ๆ มากมาย เนื้อหมูหนึ่งชิ้น ไหนจะไข่ไก่อีกหนึ่งตะกร้า ตอนนี้มีไข่ไก่ฟ้าเพิ่มมาอีก
ลูกชายของนางมีน้ำใจ เขาเองก็แบ่งไข่ไก่ฟ้า 8 ฟองมาให้คนแก่ ๆ อย่างพวกเขาทั้งสองคนแล้ว
แม้คุณแม่จ้าวจะรู้สึกว่าทั้งสองคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปไม่ใช่เหรอ?
เย่ฉูฉู่ทำหมั่นโถวแป้งถั่วให้เรียบร้อยก่อน หลัก ๆ คือแป้งถั่วเหลืองและแป้งข้าวโพด จากนั้นก็นำไปหมักไว้ในน้ำอุ่น แล้วใช้ใช้มีดสับไก่
เริ่มแรกเธอผัดเนื้อไก่ฟ้าหนึ่งตัว จากนั้นใส่ขิง กระเทียมและพริกลงไป ทั้งยังใส่ซีอิ๊วลงไปด้วย แค่นี้ก็อร่อยแล้ว
จ้าวเหวินเทาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามา เขากล่าวว่า “ภรรยา คุณจะทำอาหารเก่งเกินไปแล้วนะ ทำไมถึงได้หอมฉุยขนาดนี้?” อันที่จริงเนื้อไก่ฟ้านั้นแอบเหนียวไปหน่อย แต่ด้วยฝีมือของภรรยาก็ทำให้มันอร่อยจนห้ามใจไม่อยู่ ทำเอาเขาอยากรับประทานคำใหญ่ ๆ เสียตอนนี้
“ของพวกนี้เอาไว้กินวันพรุ่งนี้นะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ระหว่างที่ผัดเธอก็เร่งไฟไปพลาง
เพียงไม่นานก็ทำเสร็จเรียบร้อย เธอจัดเตรียมใส่ในจาน ครั้นเห็นจ้าวเหวินเทาดูตะกละตะกลามอย่างมาก เธอจึงคีบขาไก่ให้เขารับประทานหนึ่งชิ้นด้วยรอยยิ้ม
ขาไก่มีขนาดไม่ใหญ่ เนื้อส่วนอื่นถูกเธอสับไปแล้ว ที่เหลือคือกระดูกขาไก่ที่มีเนื้อห่ออยู่ แต่มันก็ส่งกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
จ้าวเหวินเทาออกมายืนแทะข้างนอก แค่นี้ก็ทำให้เหล่าหลานชายและหลานสาวอยากรับประทานจนไม่ไหวแล้ว
“แม่ หนูเองก็อยากกินเหมือนกัน” ซื่อหยาที่มีอายุแค่สี่ขวบทนไม่ไหวแล้ว เธอคร่ำครวญอยากรับประทานหนึ่งเสียงก่อนจะร้องไห้โฮออกมา
พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าวอย่างโกรธเคือง “กิน ๆๆ วัน ๆ รู้จักแต่กิน เมื่อกี้ก็เพิ่งกินไม่ใช่เหรอ?”
จากนั้นซื่อหยาก็ถูกตี เสียงร้องไห้ทำให้คนที่ได้ยินต่างอารมณ์เสียกันถ้วนหน้า
คุณแม่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด “พอได้แล้ว ลูกยังเล็กอยู่นะ!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวอดไม่ได้ที่จะหันไปมองน้องสามีคนเล็ก แต่น่าเสียดายที่น้องสามีของหล่อนไม่ใช่คนใจอ่อน แยกบ้านไปแล้วยังต้องทำอะไรอีก? เขาไม่อยากเปิดทางให้ ไม่เช่นนั้นถ้าเขาได้ดิบได้ดีขึ้นมา ก็ต้องให้พวกเขาคนละส่วนอีกน่ะสิ?
ให้พ่อแม่ของตัวเองไม่ใช่ปัญหา แต่กับหลานชายหลานสาวเหล่านี้ให้ไม่ได้หรอก
เพราะถ้าให้ไปแล้วในอนาคตก็จะต้องให้อีก หากจู่ ๆ ไม่ให้ขึ้นมา แบบนั้นจะไม่ทำให้คนอื่นเกลียดขี้หน้าแย่เหรอ? ดังนั้นก็ไม่ต้องให้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ
“เหวินเทา ของพวกนี้ต้องเก็บไว้กินพรุ่งนี้ คุณเก็บใส่ตะกร้าปิดฝาให้ดีนะคะ อย่าให้หนูมาแทะเอาล่ะ” เย่ฉูฉู่ย่อมได้ยินเสียงร้องอยู่แล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใช้ห้องครัวร่วมกันใต้ชายคาเดียวกัน ย่อมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่แล้ว
แต่เธอเองก็มีความคิดหนึ่ง เธอไม่ควรต้องรู้สึกผิดเพียงเพราะต้องมาพะว้าพะวงเกี่ยวกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ?
“ได้เลย” จ้าวเหวินเทาเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เขาวางจานไว้ด้านในตะกร้า ก่อนจะใช้จานปากกว้างอีกใบครอบไว้
“อย่าไปทำให้พวกเขาอยากกินอีกล่ะ” เย่ฉูฉู่กระซิบบ่น
จ้าวเหวินเทายิ้ม จากนั้นจึงหิ้วตะกร้ากลับไปเก็บไว้ในห้องให้เรียบร้อย
เย่ฉูฉู่เริ่มตุ๋นไก่เกาลัดอีกครั้ง มันส่งกลิ่นหอมมาก รอสักพักก็ใส่มันฝรั่งที่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าลงไป ก่อนจะนำหมั่นโถวที่เตรียมไว้วางด้านบนเพื่อนึ่ง
ในที่สุดไก่เกาลัดก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ส่วนหมั่นโถวก็ถูกยกออกจากหม้อแล้ว
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวก็ร่วมรับประทานด้วยกัน รับประทานกันอิ่มหนำสำราญ ส่วนคนอื่น ๆ แน่นอนว่าไม่ได้ส่วนแบ่งอยู่แล้ว
พี่สะใภ้สามจ้าวถึงกับเยาะเย้ยพี่สามจ้าว “ดูการใช้ชีวิตของบ้านเรา แล้วดูชีวิตของครอบครัวสองสามีภรรยาบ้านหกสิ ใช้ชีวิตแบบนี้ คุณยังมีหน้ามาบอกว่าหลังจากนี้เขาจะยื่นมือมาขอให้คุณช่วยอีกเหรอ? ทำไมคุณถึงได้หน้าใหญ่ขนาดนั้นกัน?”
พี่สามจ้าวเอาแต่หน้าแดงพลางกล่าวว่า “งั้นคุณก็หวังให้เขาเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตก็แล้วกัน!”
“อาหกเก่งสุด ๆ ไปเลย ตั้งแต่ผมเป็นเด็กจนโต อาก็เป็นแบบนี้ตลอด” หม่าต้านกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จะดีแค่ไหนถ้าไม่แยกบ้าน? ถ้าไม่แยกบ้านคืนนี้เขาก็คงได้กินด้วย เขาอยากกินจะแย่อยู่แล้ว
“ได้ยินไหม? โชคของน้องสามีหกดีแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ!” พี่สะใภ้สามจ้าวแค่นเสียงกล่าว
พี่สามจ้าวไม่สนใจหล่อน เขาสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปบ่นกับคนอื่นด้านนอกบ้านแล้ว
พี่สะใภ้รองจ้าวบ่นในใจ หรือว่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองจะไปอยู่กับน้องสามีหก? ดูที่ทำกันวันนี้สิ นี่เป็นการตบหน้าหล่อนและสามีที่เป็นบ้านใหญ่อีกครั้งแล้ว
ความคิดของพี่สะใภ้สี่จ้าวเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนกว่ามาก หล่อนสั่งให้พี่สี่จ้าวขึ้นเขาไปหาไก่ฟ้าในวันพรุ่งนี้!
เพราะหล่อนต้องการบำรุงร่างกายเพื่อที่จะมีลูกชายให้เขายังไงล่ะ!
พี่สี่จ้าวไม่ได้คัดค้าน ทั้งยังบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับไปให้วางใจได้
เมื่อเทียบกับเรื่องราวเหล่านี้ คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวจึงพอใจอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสทั้งสองท่านเมื่อรับประทานจนอิ่มแล้วก็ไม่ต้องเก็บล้าง ครอบครัวของเจ้าหกเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด ทั้งยังบอกอีกว่ามีน้ำอยู่ในหม้อ อีกเดี๋ยวช่วงค่ำก็สามารถตักไปแช่เท้าได้แล้ว
ดังนั้นคุณแม่จ้าวจึงไม่เกรงใจ เมื่อฟ้ามืดนางจึงตักน้ำมาแช่เท้ากับคุณพ่อจ้าว จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอน วันนี้อากาศหนาวเสียจนนอนไม่หลับแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ?
“คุณคะ เจ้าหกกับลูกสะใภ้หกกตัญญูไหม?” คุณแม่จ้าวถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม” คุณพ่อจ้าวพยักหน้า เจ้าหกไม่ต้องพูดถึงหรอก ส่วนลูกสะใภ้หกก็ไม่มีอะไรต้องพูดเช่นกัน รับประทานอาหารแบบธรรมดาน่ะไม่เป็นไร แต่เวลาได้รับประทานของดีขึ้นหน่อย เธอก็ยังอุตส่าห์เอามาแบ่งให้ส่วนหนึ่ง
“ฉันว่าหล่อนเองก็ไม่ได้รังเกียจพวกเราแม้แต่น้อยเลย” คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณหมายความว่ายังไง?” คุณพ่อจ้าวฉลาดมากแค่ได้ยินก็ทราบแล้ว เขาจึงมองมาที่คุณแม่จ้าว
“ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่า หลังจากคลอดลูกแล้วก็คงไม่มีใครช่วงดูแลไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้ว่าหล่อนจะต้องการให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่าน่ะสิ?” คุณแม่จ้าวกล่าว
“ถ้าคุณยินดีที่จะช่วยก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วล่ะ” คุณพ่อจ้าวกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นการตบหน้าที่ไม่ต้องใช้กำลังเลยค่ะ ไงล่ะพี่สามจ้าว ว่าบ้านหกไว้เยอะเป็นไงล่ะ
ไหหม่า(海馬)