ตอนที่ 47 ค้าขายถั่วงอก
คุณแม่จ้าวคุยกับคุณพ่อจ้าวได้ครู่หนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็หลับไป
เย่ฉูฉู่และจ้าวเหวินเทาที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็เตรียมตัวเข้านอนแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าหนุ่มสาวคู่นี้ก็ได้ออกกำลังกายกันไปยกหนึ่งก่อนจะผล็อยหลับไป
ก่อนเข้านอนจ้าวเหวินเทายังคิดว่าตั้งแต่ที่เขาแยกบ้านมา ชีวิตแต่ละวันก็ผ่านไปด้วยดีเป็นอย่างยิ่ง การแยกบ้านเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุดแล้วจริง ๆ
เพียงพริบตาเดียวถั่วงอกของเขาก็งอกออกมาแล้ว
เขาไปรับเนื้อหมูตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็นำถั่วงอกถุงใหญ่ของเขาเข้าเมืองมาด้วย
เนื้อหมูยังคงขายดีเช่นเคย ส่วนถั่วงอกก็ขายดีเกินคาด เพียงไม่นาน ถั่วงอกที่เขานำมาขายที่ตลาดตอนเช้าก็ถูกขายออกไปจนเกือบหมด
ส่วนที่เหลืออีก 3-4 ชั่งเขาไม่ขายแล้ว
เขานำมาให้พี่สาวใหญ่ของเขาทางฝั่งนี้
พี่สาวใหญ่จ้าวยังอยู่บ้าน ส่วนหวังคุนสามีของพี่สาวใหญ่ไม่อยู่บ้าน หนึ่งเดือนเขามีวันหยุด 3-4 วัน แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบเจอ
แม่เฒ่าหวังก็อยู่บ้าน ส่วนหลานชายและหลานสาวไปโรงเรียนกันหมดแล้ว
“เหวินเทา เข้ามานั่งกินน้ำกินท่าก่อนเร็ว ดูนายสิหนาวจนหน้าซีดหมดแล้วเนี่ย!” พี่สาวใหญ่จ้าวรีบกล่าว
“หึหึ ได้ พี่สาวใหญ่ขอน้ำหน่อยนะ” จ้าวเหวินเทายิ้ม
แม้ว่าวันนี้อากาศจะหนาว แต่ภายในใจของจ้าวเหวินเทากลับร้อนรุ่ม
เพราะถั่วงอกนี้ขายดีเกินคาดจริง ๆ สิ่งที่เขาขายคือถั่วงอก ถั่วเขียว 1 ชั่งสามารถปลูกถั่วงอกได้ 6 ชั่ง
ถ้ารับซื้อถั่วเขียว 1 ชั่ง จำนวน 1 ชั่งก็เท่ากับ 1 เหมา นี่คือราคาที่ขึ้นแล้วนะ ปีที่แล้วก็เพิ่งจะขึ้นราคาไป ก่อนหน้านี้ 1 ชั่งราคาอยู่ที่ 9 เฟิน
เขาขายถั่วงอกในราคาค่อนข้างถูก 1 ชั่งราคาประมาณ 5 เฟินเท่านั้น ซึ่งราคานี้สูงกว่าที่เขาคาดไว้ แต่เขาได้ไปสอบถามราคามาแล้ว พบว่าในเมืองก็ขายกันในราคานี้
ถั่วเขียว 1 ชั่งสามารถปลูกถั่วงอกได้ 6 ชั่ง ถั่วงอก 1 ชั่งขายได้ 5 เฟิน ซึ่งเท่ากับ 3 เหมา ถ้าหักค่าใช้จ่ายไป 1 เหมา ถั่วเขียว 1 ชั่งสามารถขายได้ 2 เหมา!
วันนี้เขานำถั่วงอกเข้าเมืองมา 20 กว่าชั่ง ส่วนที่เหลืออีก 3-4 ชั่งนี้เขาเก็บแยกไว้เป็นพิเศษ ส่วนที่เหลือได้ขายออกไปจนหมดแล้ว!
เขาคำนวณเงินระหว่างทางมาหาพี่สาวใหญ่ หลังจากหักค่าใช้จ่ายเขาได้กำไรมา 7 เหมา!
วันนี้เนื้อหมูที่เขานำมาก็ไม่ใช่น้อย ๆ มีตั้ง 5 ชั่ง ได้เงินมาทั้งหมด 1.60 หยวน ทั้งยังมีคูปองอาหารอีก 2-3 ใบด้วย
เมื่อคำนวณรวมกับถั่วงอก วันนี้เขาได้เงินมาทั้งหมด 2.30 หยวน!
เนื้อในแต่ละวันไม่ได้มีเยอะขนาดนี้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อวานได้มาแค่ 2 ชั่ง ถือว่าน้อยมาก บ้างก็มากบ้างก็น้อยสลับกันไป
แต่ถั่วงอกกลับมีเยอะขนาดนี้ทุกวัน เป็นเพราะแบ่งเป็นชุด พรุ่งนี้ยังมีอีกหนึ่งชุด วันมะรืนก็ยังมีอีกหนึ่งชุด วันถัด ๆ ไปก็ยังมีอีก ทั้งยังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เขาตัดสินใจแล้วว่าวันนี้กลับไปจะปลูกให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!
พี่สาวใหญ่จ้าวรินน้ำยกมาให้น้องชายของหล่อน พลางบ่นด้วยรอยยิ้ม “เป็นไง ทำเงินได้แล้วสินะ? ถึงได้มีความสุขขนาดนี้”
“ได้มานิดหน่อยเองครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้มขณะถือแก้ว
แม่เฒ่าหวังก็เดินออกมาแล้ว นางถามด้วยรอยยิ้มว่าเขานำอะไรมาขาย?
จ้าวเหวินเทาจึงบอกไปว่าเขานำถั่วงอกเข้ามาขายในเมือง ยังเหลืออีกนิดหน่อย จึงนำมาให้พี่สาวใหญ่ของเขาเพื่อทำอาหาร แน่นอนว่าเขาย่อมแบ่งครึ่งหนึ่งให้พี่สาวห้าด้วย
หลังจากดื่มน้ำแล้วจ้าวเหวินเทาจึงหยิบถุงออกมา ก่อนจะนำถั่วงอกออกมาครึ่งหนึ่ง
แม่เฒ่าหวังยิ้มอย่างมีความสุข กล่าวว่า “น้องชายลูกสะใภ้เกรงใจกันเกินไปแล้ว เอาไปขายก็ได้ จะเอามาให้ทำไมกัน?”
“ผมเอามาให้พวกหลานชายหลานสาวกินนี่แหละครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างเกรงใจ
พี่สาวใหญ่จ้าวจึงถามเขาว่ารับประทานอาหารเช้ามาหรือยัง จ้าวเหวินเทาจึงตอบว่ารับประทานมาแล้ว เขาซื้อหมั่นโถวมารับประทานไปสองลูก ไม่กี่วันมานี้ที่บ้านมักจะได้รับประทานอาหารดี ๆ ท้องจึงเต็มไปด้วยน้ำมัน เขาจึงไม่ต้องรับประทานซาลาเปา
อีกครู่หนึ่งจ้าวเหวินเทาก็จะไปบ้านของพี่สาวห้าแล้ว
“น้องชายลูกสะใภ้ตอนนี้ทำมาค้าขายได้ไม่เลวเลยนะ” แม่เฒ่าหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้หนาวมาก เข้าเมืองมาทุกเช้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ดูเขาสิหนาวจนหน้าซีดหมดแล้ว ออกจากบ้านตอนเช้าคงหนาวกว่านี้แน่” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว
โชคดีที่น้องสะใภ้เอาใจใส่ เมื่อครู่หล่อนก็เพิ่งเห็นว่าเสื้อบุฝ้ายที่น้องชายสวมใส่ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีกางเกงขายาวและรองเท้า ที่สำคัญคือยังมีถุงมืออีกหนึ่งคู่ด้วย
พี่สาวใหญ่จ้าวพอใจกับสิ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่ผู้ชายวิ่งเต้นเพื่อครอบครัว ผู้หญิงที่อยู่ในบ้านก็ต้องดูแลคนในครอบครัวให้ดีไม่ใช่เหรอ?
แม่เฒ่าหวังเคยกล่าวไปแล้วว่า เรื่องการค้าขายครอบครัวของนางไม่มีทางทำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจ ขายหน้าหรือดูถูกการทำการค้า เพียงแต่มันไม่จำเป็นต่างหากล่ะ
รายได้โดยรวมของครอบครัวในทุกทุกเดือนอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยหยวน แม้ว่าพวกหลาน ๆ จะใช้เงินจำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังพอใช้ ไม่ต้องออกไปทำการค้าขายใด ๆ
ไม่เช่นนั้นเพื่อนบ้านก็คงดูถูก พวกหลาน ๆ ก็จะถูกเพื่อนในโรงเรียนหัวเราะเยาะด้วย
พูดถึงจ้าวเหวินเทาอีกครั้ง ตอนนี้เขาได้มาหาพี่สาวห้าของเขาแล้ว เขาคิดไว้แล้วว่าถ้าหากพี่สาวห้าของเขาไม่อยู่บ้าน เขาจะนำถั่วงอกไปให้ที่โรงงาน แต่เขาก็เลือกที่จะมาตะโกนเรียกดูสักหน่อย
คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะอยู่บ้านจริง ๆ
ไม่เพียงแค่พี่สาวห้าจ้าวที่อยู่บ้าน ฉินหวยเหรินสามีของพี่สาวห้าก็อยู่บ้านด้วย
“หวยเหริน ตื่นได้แล้ว น้องฉันมาหา” พี่สาวห้าจ้าวตะโกน
“พี่เขยกลับมาเมื่อคืนเหรอ? ให้เขานอนต่อเถอะครับ ไม่ต้องไปปลุกหรอก ผมไม่ใช่แขกที่หาโอกาสเจอได้ยากสักหน่อย” จ้าวเหวินเทารีบกล่าว
“นี่จะเก้าโมงแล้ว เมื่อคืนก็นอนพอแล้ว” พี่สาวห้าจ้าวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ไม่นานฉินหวยเหรินก็เดินออกมา
สามีของพี่สาวห้าคนนี้ร่างกายสูงใหญ่มาก คนที่จะขับรถในปีนี้ต้องมีร่างกายแบบนี้แหละ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
“พี่เขย ลำบากพี่แล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมจู่ ๆ ถึงเข้าเมืองล่ะ?” ฉินหวยเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะนั่งลง ก่อนจะแบ่งบุหรี่ให้เขา
จ้าวเหวินเทารับมาสูบ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คงทำให้พี่เขยห้าหัวเราะเยาะแล้ว ผมเข้าเมืองมาค้าขายน่ะ”
“ค้าขาย? ค้าขายอะไร?” ฉินหวยเหรินถามด้วยความประหลาดใจ
จ้าวเหวินเทาหยิบถั่วงอกออกมาพลางกล่าวว่า “อันนี้ผมเก็บไว้ให้พี่สาวห้า มันเป็นของที่ผมขายเมื่อเช้านี้ ส่วนที่เอาเข้ามาก็ขายไปจนเกือบหมดแล้ว เหลืออีกนิดหน่อย ผมเอาไปให้พี่สาวใหญ่ส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือเลยเอามาให้พี่สาวห้า”
“แล้วค้าขายเป็นยังไงบ้าง?” พี่สาวห้าจ้าวรีบถาม
“ขายได้ไม่เลวเลย มีลุง ๆ ป้า ๆ ตะโกนโหวกเหวกเสียงดังคำสองคำ ก็ขายหมดไปตั้งแต่เช้าแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายนี่หน้าหนาดีจริง ๆ” พี่สาวห้าจ้าวกล่าวตำหนิ
ฉินหวยเหรินกล่าว “นี่เป็นการค้าขายขนาดเล็ก เกรงว่าคงได้เงินไม่เยอะสินะ?”
“ก็ได้อยู่นะ ผมเองก็ไม่ได้ต้องการเยอะแยะขนาดนั้นหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงนายก็ต้องเข้าเมืองมาขายถั่วงอก นายก็ลองดูว่ามีของอย่างอื่นอีกไหม แล้วก็เอามาขายในเมืองด้วยกันเลย ขายได้ทั้งหมดนั่นแหละ ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว นายไม่ต้องกังวล หลังจากนี้จะผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ!” ฉินหวยเหรินบอกเขา
“พี่เขย พี่บอกผมหน่อยสิว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นไงบ้าง? ตอนนี้พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ผมต้องหาวิธีทำเงินเพิ่มถึงจะดี” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แยกบ้านแล้ว?” ฉินหวยเหรินกล่าวด้วยความตกใจ
เพราะเขาเพิ่งจะกลับมาเมื่อคืนนี้ จึงยังไม่ทราบเรื่องนี้
“ฉันยังไม่ทันได้บอกคุณเลย” พี่สาวห้าจ้าวพยักหน้ากล่าว
“ก็ดีแล้วล่ะ แต่งงานแต่งการกันหมดแล้ว แยกบ้านก็เหมาะสมดีเหมือนกัน” ฉินหวยเหรินเองก็พยักหน้า จากนั้นจึงบอกเล่าสถานการณ์ภายนอกให้แก่น้องชายภรรยาฟัง
ตอนนี้ลมฤดูใบไม้ผลิได้พัดมาแล้ว แม้ว่าเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ยอดอ่อนก็ได้โผล่ขึ้นมาแล้ว นั่นเป็นสัญญาณที่ดีเลยล่ะ!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เฮงๆ รวย ๆ ไปเลยจ้า อีกหน่อยจะเอาอะไรมาขายดีนะ
ไหหม่า(海馬)