ตอนที่ 58 เรื่องเลี้ยงดูยามแก่พวกนั้น
ทางฝั่งด้านหลังสวน จ้าวเหวินเทาได้ยินเสียงหลานชายหลานสาวเดินเข้ามาจึงส่งเสียงออกไปว่าอย่าเคาะประตู แต่เอ้อร์หยาก็ยังรีบบอกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก
จ้าวเหวินเทากดเย่ฉูฉู่ที่ตื่นขึ้นมาแล้ว “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณนอนเถอะไม่ต้องลุกขึ้นมา ผมจะออกไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ให้ฉันไปด้วยเถอะนะคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ไม่ต้องหรอก!” จ้าวเหวินเทายิ้ม เขาจูบเธอก่อนยัดเธอเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
จ้าวเหวินเทาสวมเสื้อผ้า จากนั้นจึงเดินออกไป เขาได้ยินหลานชายหลานสาวพูดว่าเป็นเพราะผักหนึ่งคันรถนั้น พี่สะใภ้รองและแม่ของเขาจึงทะเลาะกัน อันที่จริงไม่ต้องบอกเขาที่อยู่ในห้องก็ได้ยินแล้ว พี่สะใภ้รองของเขาคนนี้นี่มีความสามารถจริง ๆ เชียว!
“น้องสามีมาแล้ว!” พี่สะใภ้สี่ที่กำลังถูกแม่สามีพ่นไฟแลบจ้องไปที่ประตู เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทามา ก็รีบพูดหนึ่งประโยค
คำพูดนี้จึงขัดจังหวะเสียงด่าของแม่สามี หลังจากเข้ามาอยู่ในบ้านนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าเปิงขนาดนี้ ขืนน้องสามียังไม่มาหล่อนคงรับไม่ไหวแน่
“ทำอะไรกันเนี่ย? ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอนแต่มารวมตัวกันทำให้แม่โมโห มีอย่างที่ไหนกัน?” จ้าวเหวินเทากวาดตามองพี่ชายและพี่สะใภ้รอบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พี่สามจ้าวเห็นพี่สะใภ้รองไม่เอ่ยปากพูดอะไร เขาจึงพูดขึ้นว่า “คือเรื่องเป็นอย่างนี้ พี่สะใภ้รองคิดว่าผักในรถคันนั้นเป็นผักที่แม่แอบเอาเงินมาให้นายซื้อ ก็เลยเรียกนายมาถามดู”
พี่สะใภ้รองไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรก็สร้างปัญหาไปแล้ว หล่อนจึงไม่กลัวทำให้น้องสามีขุ่นเคือง หล่อนเองก็อยากฟังน้องสามีเหมือนกันว่าจะหน้าด้านหน้าทนพูดอย่างไร
คุณแม่จ้าวด่าไปครึ่งค่อนวันก็แอบเหนื่อยแล้วเหมือนกัน นางถูกลูกชายคนเล็กประคองไว้ขณะที่ใบหน้าแสดงความเหนื่อยล้า “เจ้าหก พูดไปเลย แม่แอบให้เงินแกหรือเปล่า? นั่นเป็นเงินที่แกหามาด้วยลำแข้งตัวเองทั้งนั้น แต่พี่สะใภ้รองของแกกลับคิดว่าแม่แอบเอาเงินให้แกไปซื้อผัก แกพูดไปสิ ว่าแม่เคยให้เงินแกหรือเปล่า?”
จ้าวเหวินเทากลับไม่ให้ความร่วมมือ เขาแค่นเสียงออกมาจากลำคอ “แม่ให้เงินฉันแล้วจะทำไม เกี่ยวอะไรกับพวกพี่ไม่ทราบ?”
คุณแม่จ้าวตีเขาไปหนึ่งที “แกอย่ามาพูดจาเหลวไหล นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ แม่ไม่เคยให้เงินแกเลย!”
พี่สะใภ้รองแค่นเสียงเย็น นี่ก็เป็นการยอมรับแล้วว่าให้เงินช่วยเหลือ จึงพูดโพล่งออกไปว่า “น้องสามีเล็ก นี่ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้คนนี้ท้าทายอะไรหรอกนะ พ่อกับแม่ลำเอียงไปที่นายมาโดยตลอด ตอนที่อยู่ด้วยกันยังพอทน แต่แยกบ้านกันแล้วทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? พวกนายอยู่กันแค่สองคน ได้กินผักมากขนาดนั้น พวกเรามีกันตั้งห้าคน แต่ได้ผักแค่นั้นมันจะไปพอกินอะไร? ลูกชายคนเล็กหลานชายคนโต ต่างก็เป็นสายเลือดของปู่ย่า ไม่ว่ายังไงนายก็ไม่สมควรที่จะยึดครองไปคนเดียวไม่ใช่เหรอ? ที่ฉันพูดมีเหตุผลหรือเปล่าล่ะ?”
จ้าวเหวินเทาแค่นเสียงเย็น “ที่แท้เหตุผลที่พี่สะใภ้รองพูดถึงก็คืออยากให้แม่เอาเงินให้พี่สินะครับ?”
“น้องสามี พวกเราไม่ได้กังวลเรื่องเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพ่อกับแม่ พวกเราแค่ต้องการความยุติธรรม!” พี่สะใภ้รองกล่าวไปตรง ๆ
“ยุติธรรมอะไร? ความยุติธรรมก็คือทุกคนไม่เห็นความดีของผม ความยุติธรรมก็คือกลางค่ำกลางคืนทุกคนไม่ยอมหลับนอน แถมยังร่วมมือกันรังแกแม่ผมที่เป็นคนแก่งั้นสิ? พวกพี่นี่มันใช้ได้เลยจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาเย้ยหยัน
พี่สามจ้าวพูดหนึ่งประโยค “เจ้าหก นายอย่าไปพูดถึงเรื่องไม่มีประโยชน์พวกนั้นเลย นายก็แค่บอกมาว่านายไปเอาเงินมาจากไหน? ขายถั่วงอกก็คงไม่มีปัญญาซื้อผักมาหนึ่งคันรถหรอกมั้ง? ไหนจะจักรยาน ปลากับเนื้อชิ้นก้อนใหญ่ ๆ แต่ละมื้ออีก ของที่พวกเรากินคืออะไรล่ะ แทบจะกินแกลบกันอยู่แล้ว นายยังกล้าพูดอีกเหรอว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพ่อแม่?”
พี่สะใภ้สี่เองก็หยิบฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า “น้องสามีหก แม่บอกว่าไม่ได้ให้เงินนาย ในเมื่อไม่ได้ให้เงินนายแล้วนายไปเอาเงินมาจากไหนซื้อของมากมายขนาดนั้น ขายถั่วงอกมันจะได้เงินสักเท่าไรกันเชียว นายก็บอกพวกเรามาสิ จะได้ไม่มีใครสงสัยนายไม่ใช่เหรอ?”
จ้าวเหวินเทาโมโหขึ้นมาแล้ว “ผมได้เงินมายังไงต้องบอกพวกพี่ด้วยเหรอ? พวกพี่เป็นรุ่นไหนเหรอ? ผมมีความสามารถได้กินอยู่สุขสบายแล้วจะทำไม พวกพี่ไม่มีปัญญาก็กินแกลบไปสิ จะไปโทษใครได้ล่ะ? กลับห้องไปนั่งพินิจพิเคราะห์ให้ดีเถอะ คิดดูว่ายังมีเส้นทางอื่นอีกไหม? ดึก ๆ ดื่น ๆ ยังสร้างปัญหายุ่งเหยิงนี้ไม่จบไม่สิ้น? แม่เองก็เหมือนกัน พวกเขาโง่แล้วแม่ยังปล่อยให้พวกเขาดึงเข้ามาอีก? ถ้าแม่โกรธจนอาการทรุดขึ้นมาผมกับฉูฉู่คงได้เจ็บปวดหัวใจตายแน่ ไปเถอะ กลับห้องไปนอนได้แล้ว”
ระหว่างที่พูดเขาก็ดึงคุณแม่จ้าวเตรียมตัวออกไป
พี่สะใภ้รองเห็นน้องสามีด่าพวกหล่อนไปสองสามประโยคแล้วคิดจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก หล่อนจึงพูดอย่างรีบร้อน “น้องสามีหก นายอย่าลืมนะ พวกเราต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่ตอนแก่!”
พี่สะใภ้สี่รีบพูดเสริมหนึ่งประโยค “นั่นสิ พ่อกับแม่ไม่ได้มีแค่นายเป็นลูกชายคนเดียวนะ วันที่พ่อกับแม่แก่จนเดินไม่ไหว พวกเราแต่ละคนก็ต้องแบ่งหน้าที่กัน จะให้สิ่งดี ๆ กับนายคนเดียวได้ยังไง ถึงเวลานั้นก็ต้องให้พวกเราอย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่เหรอ?”
พี่สามจ้าวกล่าว “น้องสะใภ้สี่พูดมีเหตุผล!”
“พูดความในใจออกมาแล้วสินะ” จ้าวเหวินเทากวาดตามองพี่สะใภ้รอง พี่สามและพี่สะใภ้สี่ “ไม่คิดจะเลี้ยงดูตอนแก่เฒ่าก็บอกมาตรง ๆ พวกพี่ไม่คิดจะเลี้ยงดู แต่ภรรยาผมคิดว่านี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด หล่อนบอกกับผมว่าในบ้านมีคนแก่สองคนก็เหมือนกับมีสมบัติสองชิ้น หลังจากนี้ผมจะออกไปสร้างบ้านเอง จะแบ่งห้องไว้หนึ่งห้อง ถึงเวลานั้นจะรับพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วย ตอนนี้ในเมื่อพวกพี่พูดออกมาแล้ว งั้นผมก็พูดให้ได้ยินกันถ้วนหน้าไปเลย หลังจากนี้ผมจะเลี้ยงพ่อกับแม่เอง พวกพี่ไม่ต้องมายุ่ง ดังนั้นพวกพี่สบายใจได้เลย!”
“พวกนายพูดอะไรกัน เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว!” พี่รองจ้าวโกรธจนทนไม่ไหว จึงถึงขั้นขึ้นเสียงใส่
พี่สะใภ้สามจ้าวรีบพูด “นั่นสิ ๆ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ คำพูดพวกนี้ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว!”
จ้าวเหวินเทากล่าวเสียงเรียบ “ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกพี่เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ และผมก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกพี่ไม่เจ็บปวดหัวใจ ถึงเวลานั้นพวกเราจะออกไปสร้างบ้านกันเอง พ่อกับแม่ก็จะไปอยู่กับพวกผม ส่วนคนอื่นที่เหลือก็จัดการกันเอาเอง”
จ้าวเหวินเทาพอจะดูท่าทางของพี่ชายและพี่สะใภ้ในคืนนี้ออกแล้ว ว่าพวกเขาต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร ขนาดพ่อกับแม่ยังเดินได้ ยังบ่นอิดออดกันขนาดนี้ ถ้าหากเดินไม่ไหวขึ้นมาจะขนาดไหน?
อยู่ข้างตัวเขานี่แหละถึงจะเบาใจ พวกเขาเต็มใจก็แสดงความกตัญญู แต่ถ้าไม่เต็มใจอยากเป็นลูกอกตัญญูก็ตามสบาย ถึงอย่างไรเขาก็เลี้ยงดูพ่อแม่ให้ดีได้
“เจ้าหก นายพูดอะไรเนี่ย?”
พี่สามจ้าวอยากจะพูดต่ออีกสักสองสามประโยค จ้าวเหวินเทากลับพูดอย่างหมดความอดทน “พวกพี่บอกว่าพ่อแม่ลำเอียงรักผมมากกว่าไม่ใช่เหรอ งั้นก็ควรให้พ่อกับแม่มาอยู่กับผมสิ นี่ก็เป็นสิ่งที่พวกพี่ต้องการอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
พี่สะใภ้รองแค่นเสียง “ทำตามนายให้คนนอกลอบกัดเราหรือไง พวกเรายังจะเป็นคนได้อีกเหรอ? ยังจะให้พวกเราเป็นลูกได้อีกเหรอ?”
พี่สะใภ้สี่ได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความหัวไวของพี่สะใภ้รอง คำพูดนี้มีเหตุผล ใช่แล้ว ทำตามน้องสามี คนนอกคงได้คิดว่าพวกเขาเป็นลูกเนรคุณแน่นอน คนพวกนั้นจะพูดถึงพวกหล่อนอย่างไร?
“นั่นสิ พี่สะใภ้รองพูดถูก”
พี่สามจ้าวจึงพูดตาม “นั่นสิ เจ้าหก จะให้พ่อกับแม่ใช้ชีวิตอยู่กับนายคนเดียวไม่ได้ ต่อให้อยู่กับนาย ก็ต้องไปบอกให้คนอื่นรับรู้ด้วย ว่าพวกเราไม่ได้เป็นลูกอกตัญญู”
จ้าวเหวินเทามองพี่ชายสาม “จะกตัญญูหรืออกตัญญูยังต้องบอกให้คนนอกรู้ พี่จะกตัญญูให้คนนอกดูหรือไงครับ?”
พี่สามจ้าวกล่าว “เจ้าหกนายอย่าเพิ่งโมโหสิ ต้นไม้ก็ต้องมีเปลือก คนเราก็ต้องมีหน้า พวกเราเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ นายยังหนุ่มยังแน่น ไม่เคยผ่านประสบการณ์ คงไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันรุนแรงแค่ไหน”
พี่สามจ้าวแสร้งทำเป็นคนที่เดินผ่านมา ทำเป็นพูดอย่างมีระเบียบแบบแผน ทำให้จ้าวเหวินเทาถึงกับโมโห พี่ชายสามคนนี้หน้าหนาเสียเหลือเกิน ไม่กตัญญูแล้วยังจะพูดจาคล่องปากแต่กลับใช้การจริง ๆ ไม่ได้
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เผยธาตุแท้กันหมดเพราะผักหนึ่งคันรถแท้ ๆ แยกบ้านกันแล้ว ใครจะทำอะไรก็เรื่องของเขาสิ
ไหหม่า(海馬)