ผักกาดขาวเพียงนิดหน่อยใช้แรงงานคนไม่เยอะเท่าไรนัก เมื่อพี่สะใภ้สามจ้าวมาถึง หล่อนจึงต้องทำงานอย่างอื่น “คุณแม่คะ คุณแม่จะทำผักดองสินะคะ ฉันจะช่วยคุณแม่ดองผักเองค่ะ”
เพียงพริบตาเดียวเหล่าลูกสะใภ้ต่างก็พากันมาแสดงความกตัญญู แม้ว่าคุณแม่จ้าวจะยิ้มเย้ยหยันในใจ แต่นางก็ไม่ได้กล่าวอะไร แค่ชี้ไปที่กองใบผักกาดขาว ต้นหอมและผักชี “นั่นเป็นส่วนที่จะทำผักดอง เธอใช้น้ำร้อนล้างนะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้า
หล่อนไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าเมื่อคืนแม่สามีโมโหแล้ว โดยเฉพาะผลงานของสามีของหล่อน ในฐานะลูกสะใภ้แล้ว หล่อนต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยสักหน่อยสินะ?
หล่อนบังเอิญเห็นเย่ฉูฉู่กำลังช่วยแม่สามีล้างโอ่งอยู่ จึงทราบว่านางกำลังจะทำผักดอง หล่อนถึงเดินเข้ามาช่วย พลางคิดว่าสะใภ้อีกสองคนก็คงคิดเหมือนกับตัวเอง ทุกคนต่างคิดอยากจะมาชดเชยในสิ่งที่ทำลงไป
แต่ในความจริงแล้วคุณแม่จ้าวพอใจกับลูกสะใภ้คนที่สามมาก ก่อนหน้านี้แม้จะดูทึ่ม ๆ ไปหน่อย แต่ตอนนี้รู้เรื่องรู้ราวภายในใจขึ้นมาบ้างแล้ว นับว่าใจกว้างกว่าลูกสะใภ้รองจ้าวมากนัก!
เย่ฉูฉู่เห็นพี่สะใภ้เป็นแบบนี้ จึงพึมพำในใจว่าเรื่องเมื่อคืนคงจะร้ายแรงมากจริง ๆ แต่ครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ร่วมกันย่อมหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันไม่ได้ จึงทำได้แค่ปิดตาข้างหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคงทำให้ตัวเองรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียเปล่า ๆ ไม่ใช่หรือ?
“พี่สะใภ้สาม เดี๋ยวฉันหั่นให้ค่ะ” เย่ฉูฉู่หยิบเขียงออกมา
“จะใช้เธอได้ยังไง?” พี่สะใภ้สามยิ้มพลางกล่าวว่า “ผักกองนี้พี่ทำคนเดียวก็พอแล้วจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว เธอชอบสนทนากับพี่สะใภ้สามมากกว่า เพราะพี่สะใภ้สามไม่เอาแต่จับตาดูเธอว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะกินอะไร
เย่ฉูฉู่นำเขียงออกมาวาง จากนั้นจึงนำผักที่พี่สะใภ้สามจ้าวล้างแล้วมาหั่น ก่อนจะนำไปใส่ไหที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นใส่น้ำเกลือและใส่ผงชูรสตามลงไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
“น้องสะใภ้หก เดี๋ยวตอนที่เธอทำผักดอง พี่จะไปช่วยนะ” พี่สะใภ้สามจ้าวเองก็รู้สึกว่าน้องสามีหกเป็นคนดีใช้ได้ หล่อนจึงกล่าวออกมา
“ฉันว่าจะทำวันมะรืนนี้น่ะค่ะพี่สะใภ้สาม ยังต้องตากผักสักสองวัน พี่สะใภ้สามล่ะคะ ถ้าพี่จะดองล่วงหน้าเมื่อไหร่ ฉันจะไปช่วยพี่ก่อน” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลย พี่จะทำผักดองพรุ่งนี้น่ะ” พี่สะใภ้สามจ้าวไม่ได้เกรงอกเกรงใจนางเท่าไรแล้ว
“ตกลงค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า
ทั้งสองคนทางฝั่งถักผักกาดขาวทางนั้นต่างกำลังพูดถึงเรื่องช่วยกันทำผักดอง
เหล่าลูกสะใภ้ทำทุกอย่างแล้ว คุณแม่จ้าวจึงไม่มีอะไรทำ เลยคิดจะกลับไปเอนหลังสักหน่อย
ลูกสะใภ้ทั้งสี่คนที่อยู่ด้านนอกนั้นพูดคุยกันอย่างสุภาพ แต่เมื่อนางได้ยินก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ พวกเขาเป็นพี่ชายน้องชายและลูกสะใภ้ เมื่อเติบโตก็เป็นแบบนี้ แต่ก่อนตัวเองก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
การเสแสร้งแกล้งปั้นหน้าไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ที่น่ากลัวคือแม้แต่จะเสแสร้งก็ไม่ทำต่างหากล่ะ
หลังจากเหล่าลูกสะใภ้ทำเสร็จแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับไป คุณพ่อจ้าวที่ไปปล่อยปศุสัตว์ให้ทีมผลิตก็กลับมาแล้ว
คุณแม่จ้าวอดที่จะบอกเรื่องราวของวันนี้ให้คุณพ่อจ้าวฟังไม่ได้ คุณพ่อจ้าวมองนางพลางกล่าวว่า “นี่ก็เหมือนกับคุณในตอนนั้นไม่ใช่เหรอ? จะต้องพูดอะไรอีก?”
คุณแม่จ้าวกลอกตาใส่เขา กล่าวว่า “จะเหมือนได้ยังไง? ตอนนี้ฉันเป็นแม่คนแล้วนะ!”
“พอได้แล้ว ถ้ามีเวลาว่างก็ไปช่วยเจ้าหกให้อาหารกระต่ายเถอะ” คุณพ่อจ้าวโบกมือกล่าว
คุณแม่จ้าวกล่าว “ยังต้องให้ฉันไปช่วยเลี้ยงกระต่ายอีกเหรอ ฉูฉู่ดูแลเรียบร้อยดีอยู่แล้ว”
วันนี้จ้าวเหวินเทากลับมาสาย เมื่อเขามาถึงบ้านฟ้าก็มืดแล้ว
“ทำไมถึงกลับมาดึกขนาดนี้คะ?” เย่ฉูฉู่มองดูร่างกายของเขาด้วยแววตาเป็นกังวล
จ้าวเหวินเทาใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของภรรยา จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาหนึ่งครั้ง ทำให้เย่ฉูฉู่ได้กลิ่นเหล้าลอยออกมา
“คุณดื่มเหล้าเหรอคะ ไปที่บ้านพี่สาวใหญ่หรือว่าบ้านพี่สาวห้าล่ะ?” เย่ฉูฉู่ถึงกับสำลัก เธอผลักเขาออกไปอย่างไม่ไยดี
จ้าวเหวินเทากลับโอบเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เปล่า ผมไปดื่มเหล้ากับจงย่งมา”
ขณะที่กล่าวเขาก็โอบเอวภรรยาเข้าไปในห้อง บอกเล่าเรื่องราววันนี้ให้ฟัง “วันนี้เขาเปิดแผงลอย ขายดิบขายดีเชียวล่ะ เขาดีใจ ผมเองก็ดีใจ ก็เลยไปดื่มเหล้าที่บ้านของเขามา ผมไปซื้อหนังสือมาสองสามเล่มด้วย ก็เลยกลับมาสายหน่อย”
ซื้อหนังสือ?
เย่ฉูฉูประหลาดใจ สามีของเธอไม่ใช่คนเรียนเก่ง ซื้อหนังสืออะไรกัน
จ้าวเหวินเทาหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าสองสามเล่ม เย่ฉูฉู่จึงหยิบมันขึ้นมาดู “สูตรอาหารกระต่าย” “คู่มือป้องกันโรคกระต่าย” และ “การจัดการการขยายพันธุ์กระต่าย” ทุกเล่มล้วนดูเก่ามาก บางจุดก็ขึ้นขุยที่ขอบแล้ว
“ผมเจอที่ร้านขายหนังสือเก่า ราคาถูก สามเล่มแค่ 4.60 เหมาเอง ถ้าต้องการเล่มใหม่ต้องจ่ายราคา 1 หยวนกว่า ๆ แน่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างมีชัย
แต่เดิมเขาวางแผนว่าจะให้ภรรยาผู้เป็นปัญญาชนของพี่ชายสามเย่ช่วยเหลือ เพราะถึงอย่างไรแล้วหล่อนก็เป็นคนมีการศึกษา แต่ตอนนี้เขาเจอแหล่งความรู้ด้วยตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ
“อ่านออกก็พอค่ะ เก่าหน่อยก็ไม่เป็นไร” เย่ฉูฉู่วางหนังสือบนตู้อย่างระมัดระวัง เธอเป็นหนอนหนังสือคนหนึ่ง นิสัยนี้เธอเรียนรู้มาจากองค์ชายในชาติก่อน องค์ชายก็เป็นคนใฝ่รู้อย่างมาก สะสมหนังสือไว้มากมายเชียวล่ะ
“ภรรยา คิดถึงผมไหมครับ?” จ้าวเหวินเทามองดูภรรยาของตัวเองพลางกล่าวออกมา วันนี้เขาออกไปข้างนอกหนึ่งวันเต็ม ๆ ภายในใจของเขามีแต่ภรรยาเท่านั้น
“ฉันจะคิดถึงคุณทำไมคะ ฉันยุ่งมาก วันนี้ไปช่วยคุณแม่ทำผักดองมา” เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยสายตาเอาแต่ใจปราดหนึ่ง
จ้าวเหวินเทาแสร้งทำเป็นงอน “ผมอยู่ข้างนอกคิดถึงคุณจนใจเจ็บไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะไม่คิดถึงผม มาดูสิว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง!”
เย่ฉูฉู่ยิ้มพลางหลบออกไป “คุณพักก่อนเถอะค่ะ ฉันจะไปทำอาหาร”
“แต่ผมอยากกินคุณ” จ้าวเหวินเทาดึงรั้งแขนของเธอไว้ ก่อนจะพาไปที่เตียง จากนั้นก็บรรจงจูบลงบนปากเล็ก ๆ อันแสนหวานของภรรยา
เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เธอปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ฉันจะไปทำอาหารให้คุณนะคะ”
จ้าวเหวินเทาปล่อยภรรยาผู้อ่อนโยนของเขาอย่างไม่เต็มใจ เขามองไปที่เธอพลางกล่าวว่า “ภรรยา อีกเดี๋ยวพวกเราสองคนต้มน้ำแล้วไปอาบกันนะครับ”
“หน้าไม่อาย” เย่ฉูฉู่เมื่อเห็นสายตาคู่นั้นของเขา เธอจึงหน้าแดงระเรื่อ ผลักเขาไปที่เตียงและไปทำอาหาร
ขณะที่เย่ฉูฉู่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว คุณแม่จ้าวก็มาถามว่าจ้าวเหวินเทากลับมาหรือยัง เมื่อได้ยินว่าลูกชายกลับมาแล้วจึงโล่งใจ
เย่ฉูฉู่ต้มบะหมี่ ลวกไข่ไว้สองฟอง ก่อนจะโรยด้วยต้นหอมและผักชี ราดน้ำแกงเต็มถ้วยเล็ก จ้าวเหวินเทาเองก็หิวแล้ว ตอนเที่ยงเขารับประทานอาหารว่างและดื่มเหล้ามา ไม่ได้รับประทานอะไรเป็นจริงเป็นจัง บะหมี่ถ้วยเล็ก ๆ นี้จึงถูกรับประทานจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่น้ำแกง
“อาหารที่ภรรยาทำอร่อยจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาเรอออกมาหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
“คุณอิ่มไหมคะ? ถ้าไม่อิ่มฉันจะไปทำให้อีก” เย่ฉูฉู่กล่าวขณะมองมาที่เขา
“อิ่มแล้ว” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า
“อืม คุณอย่าเพิ่งนอนนะคะ รอให้อาหารย่อยก่อนค่อยนอน” เย่ฉูฉู่กล่าวแล้วไปล้างถ้วย
จ้าวเหวินเทาตามภรรยาของเขาไปด้านนอกบ้าน
บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นสามห้องเล็ก ห้องที่อยู่สุดทางทิศตะวันออกเป็นห้องนอน ตรงกลางเป็นห้องครัว และมีห้องทางทิศตะวันตก เป็นที่เก็บอาหารและของอื่น ๆ
ถึงจะบอกว่าเป็นบ้าน แต่สู้บอกว่าเป็นเพิงอาศัยยังจะดีเสียกว่า มันคือที่พักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น เมื่อจ้าวเหวินเทาคิดถึงบ้านที่พี่สาวทั้งสองของเขาอาศัยอยู่ และบ้านของจงย่งที่เขาเพิ่งไปในวันนี้ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เย่ฉูฉู่ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ จึงถามว่า “ถอนหายใจทำไมคะ?”
“ผมคิดว่าคนในเมืองมีชีวิตที่ดีมาโดยตลอด คงเป็นเหมือนกับพี่สาวใหญ่และพี่สาวห้าของผมแน่ ๆ ผมไม่คิดว่าจะมีส่วนที่แย่หรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ในเมืองมันจะแย่แค่ไหนกันเชียวคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่างน้อยพี่สะใภ้สามก็พอคุยกันได้ล่ะค่ะ ส่วนอีกสองคนคือไปพัก
เขินสามีกะล่อนจังค่ะ พูดมาได้เต็มคำเลยว่าอยากกินภรรยามากกว่า >////<
วางแผนย้ายเข้าเมืองไหมคะ
ไหหม่า(海馬)