พี่สาวใหญ่จ้าวรู้สึกว่าตนเองเป็นกังวลมากเกินไป สมองของน้องชายหล่อนเป็นแบบไหน เขากล้าทำแบบนี้แล้วยังต้องให้หล่อนมาเป็นกังวลอีกเหรอ?
หล่อนจึงรู้สึกคลายใจในทันที จิตใจเกิดความกระตือรือร้นมากขึ้น แทนที่จะไปขอร้องบ้านแม่สามี สู้หล่อนออกไปถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงว่าอยากได้ผักใบเขียวไหมไม่ดีกว่าเหรอ?
ขายออกไปได้มากเท่าไรก็เท่านั้น
ไม่ต้องพูดเลยว่ามันมีคนอยากซื้อจริง ๆ ตอนที่จ้าวเหวินเทากลับมา พี่สาวใหญ่จ้าวก็ช่วยเขาขายออกไปได้หนึ่งกระสอบแล้ว ตอนนี้ยังเหลืออีกสามกระสอบ จ้าวเหวินเทารู้สึกดีใจมาก เขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ตอนที่จ้าวเหวินเทากำลังจะออกไปขายอีกรอบ ก็เหลืออีกแค่ครึ่งกระสอบแล้ว
“พี่สาวใหญ่ ใช้ได้เลยนะเนี่ย ทำไมถึงขายเร็วกว่าผมอีก!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
พี่สาวใหญ่จ้าวยิ้มจนแก้มปริ “อะไรกัน นี่เป็นเพราะเธอโชคดีต่างหากล่ะ มีญาติของเพื่อนบ้านเขาเปิดร้านอาหาร เขาแค่คนเดียวก็ซื้อไปหนึ่งกระสอบครึ่งแล้ว บอกว่ามีแขกคนสำคัญ กำลังคิดอยากจะเข้าไปซื้อผักที่หมู่บ้านไท่ผิงพอดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผักมาส่งถึงหน้าบ้าน เขาก็เลยซื้อไปเลย ส่วนที่เหลือก็ไว้ให้ครอบครัวกิน นายกำนึงฉันกำนึง ก็หมดแล้ว แต่ นายอย่าคิดว่าขายดีแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนมาขายสิ่งนี้แทนนะ คนที่ยอมจ่ายเงินแบบนี้มีน้อยมาก”
“พี่สาวใหญ่ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมมีแผนในใจแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว
ประเด็นหลักครั้งนี้ก็คือการออกไปดูงาน จึงถือโอกาสลองดูสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำผักเข้ามามากขนาดนี้
“พี่สาวใหญ่ นี่เหลืออีกครึ่งกระสอบแล้ว จงย่งบอกให้ผมเก็บกุยช่ายกับขึ้นฉ่ายไว้ให้เขานิดหน่อย ส่วนที่เหลือพี่ก็เก็บไว้สักหน่อยสิ เดี๋ยวผมจะเอาไปให้พี่สาวห้า แล้วก็แบ่งกลับไปบ้านอีกสักหน่อย จะได้เอาไปให้ภรรยา แล้วก็พ่อกับแม่ได้ชิมด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว
พี่สาวห้าจ้าวรู้สึกชื่นชมเขามาก น้องชายคนนี้ถึงเป็นห่วงภรรยาแต่ก็ไม่ลืมพ่อแม่ ไม่เสียแรงเลยที่รักเขา
“ฉันเก็บมะเขือเทศไว้นิดหน่อยก็พอแล้ว นายเองก็ไม่ต้องเอาไปให้พี่สาวห้ามากหรอก เก็บไว้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เอาไปขายให้หมดเถอะ นายยังติดเงินคนอื่นอยู่เลยนะ” ระหว่างที่พูด พี่สาวห้าจ้าวก็นำเงินที่ขายได้ให้เขา “เก็บไว้ให้ดี อย่าทำหายล่ะ นี่ก็ออกมาสองวันแล้ว ถ้าไม่ได้เงินกลับไป ภรรยาของนายได้จัดการนายแน่”
จ้าวเหวินเทาหัวเราะคิกคัก “ต่อให้ผมไม่ได้เงินกลับไป ภรรยาผมก็ไม่จัดการผมหรอก”
มะเขือเทศแค่ไม่กี่ลูกมันน้อยเกินไปแล้ว หลาน ๆ สี่คนของเขาจะไปพอกินอะไร จ้าวเหวินเทาเป็นคนใจกว้าง เขานำมะเขือเทศที่อยู่ในกระสอบออกมาทั้งหมด ทั้งยังให้หุยเซียง(1)อีกหนึ่งมัดด้วย
“พวกพี่เอาไปห่อเกี๊ยวกินนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
พี่สาวใหญ่จ้าวจนปัญญา “คนอื่นค้าขายต่างก็วางแผนกันอย่างรอบคอบ ดูนายสิ ใช้เงินฟุ่มเฟือย จะเก็บเงินอยู่ได้ยังไง”
“ให้คนในครอบครัวมันจะไปมากมายอะไรกัน ผมไปแล้วนะพี่สาวใหญ่ วันนี้คงไม่ได้กลับมาแล้ว” จ้าวเหวินเทาโบกมือ
“ขี่รถระวังหน่อย!” พี่สาวห้าจ้าวเห็นเขาขี่จักรยานเอียงไปเอียงมาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป
“รู้แล้ว!” เสียงของจ้าวเหวินเทาจอมเอ้อระเหยลอยชายดังมาจากไกล ๆ
จ้าวเหวินเทาขี่จักรยานไปหาจงย่ง เพื่อนำผักที่อีกฝ่ายต้องการไปให้
การค้าขายของจงย่งไม่เลวเลยจริง ๆ อาหารก็อร่อยด้วย ตอนนี้ไม่มีคู่แข่งทางการค้า ราคาก็ไม่แพง อีกอย่างเขายังเพิ่มเกี๊ยวและผักดองเค็มด้วย หนึ่งวันมีคนเข้ามาทีละคนสองคนไม่ขาดสาย
“พี่จ้าว” จงย่งทำงานยุ่งไปพลางก็พูดไปพลาง “พี่อยากกินอะไรตักเองได้เลย!”
เห็นจงย่งค้าขายดี จ้าวเหวินเทาก็ดีใจ เขาวางผักใบเขียวพลางกล่าว “ไม่กินแล้วล่ะ นายทำงานต่อเถอะ ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว”
“พี่จ้าวขี่รถดี ๆ นะ” จงย่งยุ่งจนตัวเป็นเกลียว
จ้าวเหวินเทารีบมาที่โรงงานยาสีฟันของพี่สาวห้าจ้าว หลังจากให้ผักใบเขียวแล้ว เขาก็พูดคุยกับพี่สาวห้าจ้าวอีกสองสามประโยค เมื่อพี่สาวห้าจ้าวรู้ว่าน้องชายไม่ได้ขาดทุน หล่อนจึงรับผักไว้
จ้าวเหวินเทานำผักใบเขียวที่เหลือไว้สำหรับที่บ้านและเงินที่ได้จากการขายผักมุ่งหน้ากลับบ้าน
เขาอยากกลับบ้านในทันทีจนอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว จะได้เงินหรือไม่ได้ก็ต้องกลับบ้าน สิ่งสำคัญก็คือเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกับภรรยาจนเคยชินแล้ว ช่วงกลางดึกในทุกทุกคืนเขาจะนอนกอดร่างเล็ก ๆ นุ่ม ๆ ของภรรยาเหมือนกับได้นอนอยู่กับหยกอุ่น เมื่อคืนเขาจึงเกือบนอนไม่หลับทั้งคืน!
เขาปั่นจักรยานอย่างรวดเร็วราวกับบิน เพิ่งมาถึงประตูบ้านเขาก็ตะโกนว่า “ภรรยาจ๋า ผมกลับมาแล้ว!”
เสียงที่ดังออกมากลับไม่ใช่เสียงของเย่ฉูฉู่ แต่เป็นเสียงของพี่สะใภ้สี่
พี่สะใภ้สี่ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นบนใบหน้าได้ “อ้าว น้องสามีกลับมาแล้ว! น้องสะใภ้หกไม่อยู่บ้าน ออกไปแบกฟืนแล้วล่ะ นายนี่จริง ๆ เลย ออกไปข้างนอกทั้งวัน ไม่ยอมดูแลครอบครัวเลย แถมยังให้ภรรยาไปแบกฟืนอีก ช่างทนได้นะ!”
เดิมทีจ้าวเหวินเทาดูถูกที่หล่อนกำลังแสดงสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหล่อนเข้าก็…อะไรนะ? ภรรยาของเขาออกไปแบกฟืน เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว เขาจึงหมุนจักรยานออกไปตามหา!
พี่สะใภ้สี่ไม่ลืมที่จะตะโกนไล่หลังมาว่า “เย่ฉูฉู่ไปทางสะพานตงเหลียงนะ ขับไปรับหล่อนที่ตะวันออกเลย ต้องเจอตัวแน่นอน!”
จ้าวเหวินเทาหายไปไม่เห็นเงาแล้ว
พี่สะใภ้สี่กลั้นยิ้มไว้ หล่อนเดินมาที่หน้าประตูบ้านของเหล่าหวังสาม ก่อนจะเรียกภรรยาของเหล่าหวังสามเพื่อแบ่งปันเรื่องที่จ้าวเหวินเทากลับมา
“ดูสิ รอบนี้ได้ทะเลาะกันแน่ เมื่อคืนก็ไม่ยอมกลับบ้าน ดูจากอารมณ์ของสะใภ้หกแล้วไม่ใช่คนที่จะไปยั่วโมโหได้นะ คงได้จัดการเอาถึงตายแน่!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้ตอนที่เย่ฉูฉู่ยังไม่ทะลุมิติมา ภาพลักษณ์อารมณ์ร้ายปากจัดของเธอยังอยู่ในความทรงจำของพี่สะใภ้สี่ หล่อนจึงคิดว่าครั้งนี้ต้องทะเลาะกันแน่นอน
ดวงตาเล็ก ๆ คู่นั้นของภรรยาเหล่าหวังสามฉายแววขี้นินทา “เธอลองคิดดูสิ ก็แค่ขายถั่วงอกจะไม่กลับบ้านกลับช่องได้ยังไงกัน ต้องขายถั่วงอกมากขนาดไหนกันเชียว? ถั่วงอกนั่นมีเหรอที่พวกเราจะไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไปค้าขายอย่างอื่นหรอกนะ?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่เธอพูดก็ถูกนะ ทำไมถึงได้ไปค้างคืนด้านนอกล่ะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างทนไม่ไหว
ภรรยาเหล่าหวังสามแสร้งทำเป็นเสียดายพลางทอดถอนใจ “น้องสามีคนเล็กของเธอเป็นคนหัวใสมาก คงค้าขายอย่างอื่นที่พวกเธอไม่รู้แน่ๆ เลย ผู้ชายคนนี้นี่นะ พอมีเงินก็เปลี่ยนเป็นคนไม่ดีซะงั้น แถมน้องสามีของเธอก็หน้าตาน่าดึงดูดเพศตรงข้ามเสียขนาดนั้นด้วย อย่าไปสะดุดรักใครก็แล้วกัน เธอเองก็ต้องไปเตือน ๆ น้องสะใภ้คนนั้นหน่อยนะ พวกเราเป็นผู้หญิงก็ต้องเข้าข้างผู้หญิงด้วยกัน เฮ้อ น้องสะใภ้เธอคนนั้น หน้าตาก็ดี ฐานะทางบ้านก็ดี เพียงแต่อารมณ์ร้ายไปหน่อย แต่ตอนนี้นิสัยก็เปลี่ยนไปแล้ว ขึ้นไปแบกฟืนบนเขาทุกวัน นั่นเป็นงานของผู้ชายนะ จะให้คนอื่นพูดยังไงล่ะ จริงไหม? ส่วนน้องสามีคนเล็กคนนั้นของเธอ อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลย นับวันก็ยิ่งไม่เอาการเอางานมากขึ้นทุกที นี่ได้เงินมาไม่เท่าไรก็ออกไปอยู่ข้างนอกซะแล้ว? หน้าตาหล่อเหลาแบบนั้น แถมยังรู้จักเอาใจอีก วันนี้มีเงินแล้ว ผู้หญิงไม่จริงจังที่อยู่ด้านนอกนั้นมีเหรอจะไม่เข้าใกล้?”
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับอึ้งไป ไม่น่าใช่ น้องสามีเล็กออกไปมีคนอื่นเหรอ?
แต่ถึงจะมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนจะไปยุ่ง ถ้ามีคนที่กังวลจริง ๆ ก็ต้องเป็นบ้านเจ้าหก แต่ถ้าน้องสามีหกไปค้าขายอย่างอื่นข้างนอก สิ่งนี้คาดว่าคงทำให้หล่อนรู้สึกเลวร้ายเป็นอย่างมาก
เดิมทีหล่อนอยากจะแบ่งปันเรื่องที่สองสามีภรรยาจะทะเลาะกันกับภรรยาเหล่าหวังสามอย่างมีความสุข ทว่าการคาดเดาเรื่องนี้โดยบังเอิญ ทำให้ความรู้สึกดีใจนั้นลดฮวบในทันที
“แล้วเธอจะเอาฟืนมัดนี้ไปทำอะไรเนี่ย?” ภรรยาเหล่าหวังสามเห็นว่าพี่สะใภ้สี่ไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหนีบฟืนหนึ่งมัดไว้ใต้รักแร้จึงเอ่ยถาม
“หา?” พี่สะใภ้สี่มองฟืนที่ตัวเองหนีบอยู่ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะไปทำอะไร “ฉันจะไปทำกับข้าวแล้ว สามีของฉันใกล้จะกลับมาจากตัดฟืนแล้วล่ะ เมื่อกี้น้องสามีกลับมา ฉันก็เลยคุยกับเขาไปสองสามประโยค ลืมไปเสียสนิทเลย ฉันต้องรีบกลับก่อนนะ”
ต่างก็เป็นคนที่มีความคิดเดียวกัน ภรรยาของเหล่าหวังสามได้ยินก็ตระหนักได้ว่าสะใภ้จ้าวสี่คิดอะไรอยู่ “รีบไปเถอะ ฉันว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นก็คงจะกลับมาแล้วเหมือนกัน”
…………………………………………………………………………
ต้นเฟนเนล หรือ 茴香 (Foeniculum vulgare Mill.) ใบและลำต้นใช้เป็นอาหาร ส่วนเมล็ดใช้เป็นเครื่องเทศ เครื่องยา เรียกว่าเทียนข้าวเปลือก
สารจากผู้แปล
ชาติก่อนทำบุญมาดีแน่เลย ค้าขายอะไรก็มีแต่คนอุปถัมภ์
นินทากันสนุกปากเลยนะแม่สองคนนี้ รอเหวินเทารวยขึ้นมาแล้วจะพูดไม่ออก
ไหหม่า(海馬)