จ้าวเหวินเทาหยิบกระสอบทั้งสองใบที่อยู่หลังเบาะรถจักรยานลงมา ด้านในมีมะเขือยาวสองลูก ถั่วฝักยาวหนึ่งกำมือ นอกจากนี้ยังมีบวบเหลี่ยมสามลูกและแตงกวาอีกสามลูก สิ่งนี้ไม่สามารถวางทิ้งไว้ได้จนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าต้องเอากลับมารับประทานสด ๆ
“ฉูฉู่ เหวินเทากลับมาแล้วเหรอ?” เสียงคุณแม่จ้าวดังเข้ามาจากด้านนอก
จ้าวเหวินเทาจึงออกมาและกล่าวว่า “แม่ ผมกลับมาแล้ว”
คุณแม่จ้าวเห็นลูกชายกลับมาแล้วจึงโล่งใจ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาข้างในห้อง “ฉูฉู่ก็กลับมาแล้วเหรอ?”
“ค่ะคุณแม่” เย่ฉูฉู่เดินออกมา
“กลับมาก็ดีแล้ว กินอะไรหน่อยแล้วก็รีบนอนนะ” คุณแม่จ้าวพยักหน้ากล่าว
“รู้แล้วแม่ แม่ก็รีบนอนนะครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่จ้าวตอบอืมกลับมา
“เอาอาหารไปให้คุณแม่หน่อยไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถามเขา
“ทำเสร็จแล้วก็เอาไปให้สักหน่อย ส่วนของอื่น ๆ คุณก็เอาไปวางในห้องใต้ดิน ทิ้งไว้สักสองสามวันก็ไม่น่าจะเป็นไร” จ้าวเหวินเทาครุ่นคิดพลางกล่าว เขาจำได้ว่าป้าที่ซื้อผักกล่าวแบบนี้
“ค่ะ” เย่ฉูฉู่นำของที่จะรับประทานวางไว้ด้านนอก ส่วนของอื่น ๆ ที่เหลือนำไปวางเก็บไว้ในห้องใต้ดิน และเริ่มทำอาหาร
ทางด้านพี่รองจ้าว พี่สามจ้าว พี่สี่จ้าวต่างก็กลับมาแล้ว พวกเขานำฟืนมาวาง จากนั้นนำรถในทีมและสัตว์ไปคืน ส่วนพี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวอยู่บ้านทำอาหาร
มื้อค่ำทำโจ๊กข้าวโพดรับประทานกับผักดอง นอกจากนี้ยังทำข้าวฟ่างต้ม แค่นี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว มีบางคนที่ไม่รับประทานอาหารในตอนที่ว่างจากการทำนาช่วงกลางดึก เพราะต้องการประหยัดอาหาร
พี่สะใภ้สี่จ้าวทำอาหารเสร็จนานแล้ว เป็นโจ๊กข้าวโพดผสมผักกาดเขียวดองน้ำเกลือ แม้แต่ผักและข้าวก็เอาออกมาใช้แล้ว
พี่สี่จ้าวเอาสัตว์และรถไปคืน ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะกลับมาถึง พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงมาบ้านของพี่สะใภ้รองจ้าว หล่อนจึงพบว่าพี่สะใภ้รองจ้าวกำลังนั่งยอง ๆ จุดไฟอยู่หน้าเตา
“พี่สะใภ้รอง พี่จะทำอะไรกินเหรอคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว
ตั้งแต่ที่เสียหน้าไปครั้งก่อน พี่สะใภ้รองจ้าวก็ไม่ชอบน้องสะใภ้สี่คนนี้ที่เอาแต่ปูเสื่อรับชมเรื่องสนุกในคราวก่อน แต่ที่บ้านมีลานอยู่แค่แห่งเดียว จึงเลี่ยงการพบปะกันไม่ได้ จึงตอบกลับไปอย่างเฉยเมย “จะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็โจ๊กข้าวโพดนั่นแหละ แล้วก็ผสมกับปลายข้าวหักนิดหน่อย”
“ฉันต้มโจ๊กข้าวโพด เพิ่มด้วยผักดองเค็ม” น้องสะใภ้สี่จ้าวกล่าว “ก็ได้ออกมาเป็นกับข้าวแล้ว”
“แบบนั้นจะอร่อยเหรอ? นี่เรียกว่าเธอขี้เกียจทำกับข้าวนะ” พี่สะใภ้รองจ้าวจุดไฟ ก่อนจะนำข้าวโพดใส่เข้าไป ลุกขึ้นยืนและเริ่มขัดหม้อ
“ไม่มีกะจิตกะใจทำน่ะค่ะ น้องสามีหกกลับมาบ้านแล้ว พี่สะใภ้รอง พี่ว่าที่เมื่อคืนนี้เขาไม่กลับบ้านนี่เขาไปไหนมาคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าวกับพี่สะใภ้รองจ้าว
พี่สะใภ้รองจ้าวนิ่งเฉย “จะไปทำอะไรอีกล่ะ กลับมาดึกขนาดนั้นเขาก็ต้องไปพักที่บ้านพี่สาวเขานั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอคิดว่าเขาจะไปทำอะไรล่ะ?”
“ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ แต่ภรรยาของเหล่าหวังสามกลับบอกว่าบางทีเขาอาจจะทำค้าขายอย่างอื่นที่ได้เงินก็ได้นะคะ? ผู้ชายคนนี้พอมีเงินก็เปลี่ยนเป็นคนไม่ดี ยังบอกอีกว่าอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ด้านนอก พี่สะใภ้รองว่าเป็นเรื่องจริงไหมคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวกระซิบ “นอกจากถั่วงอกแล้ว น้องสามีหกน่าจะยังมีอาชีพอื่น ๆ อีกหรือเปล่า? ก็เลยได้เงินขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเอาของไปขายให้คนสนิทเหรอคะ?”
พี่สะใภ้รองจ้าวเงยหน้าขึ้นมองน้องสะใภ้คนนี้ แอบก่นด่าในใจว่าโง่เขลา!
ภรรยาของเหล่าหวังสามคนนั้นมีชื่อเสียงด้านปากเปราะ คำพูดของหล่อนนั้นจะเชื่อถือได้อย่างไร
“เขาจะมีกิจการอะไรล่ะ ถ้ามีคิดว่าครอบครัวจะไม่รู้เหรอ? ก็ต้องขายถั่วงอกนั่นแหละ อีกอย่าง เธอคิดว่าเพื่อนดี ๆ จะหาได้ง่าย ๆ เหรอ? เธออย่าได้ยินเสียงลมก็นึกว่าฝนตกสิ ภรรยาของเหล่าหวังสามคนนั้นก็พูดน้ำไหลไฟดับไปเรื่อย คำพูดของหล่อน เธอต้องไปฟังบนสะพานตะวันออกนู้นแหละถึงจะฟังจบ” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
พี่สะใภ้สี่จ้าวอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แอบผิดหวังนิดหน่อย ถ้าน้องสามีหกมีเพื่อนดี ๆ อยู่ข้างนอกจริง ๆ ก็คงจะดีมากสินะ?
“ฉันก็คิดแบบนั้น ขายถั่วงอกก็คงขายได้เงินไม่เยอะขนาดนี้หรอก แต่น้องสามีหกไม่เอาถ่านเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนเช้าก็ไม่อยู่บ้าน ตอนนี้กลางคืนก็ไม่อยู่บ้านอีก ครอบครัวของน้องสามีหกนี้ใช้ชีวิตไม่ง่ายเลยจริง ๆ นะคะ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว
พี่สะใภ้รองจ้าวกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร ส่วนอีกฝ่ายก็ยืนขวางมือขวางเท้าอยู่ที่หน้าประตู ที่สำคัญคือพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย หล่อนจึงกล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วเหรอ อีกอย่าง จะผูกสามีให้อยู่ติดตัวก็คงไม่ได้ ยังไงก็ควรให้ออกไปหาเงิน ในภายภาคหน้าวันที่ขาดเงินก็ยังมีอีกมาก”
พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินพี่สะใภ้รองจ้าวเริ่มทำการเทศนาอีกครั้งก็รู้สึกเอียน ถึงตอนนี้แล้วก็ยังมาพูดจาให้ดูดีขนาดนี้อีก ไม่ได้คิดถึงความวุ่นวายก่อนหน้านี้ของหล่อนเลย จะเสแสร้งเพื่อ!
พี่สี่จ้าวกลับมาพอดี พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงกล่าวว่า “พี่สะใภ้รองพูดถูก โดยเฉพาะบ้านของพี่ที่มีลูกเยอะ ก็ต้องเตรียมเงินไว้เยอะ ๆ สามีกลับมาแล้ว ฉันต้องกลับไปแล้วนะคะ พี่สะใภ้รองเชิญตามสบายเลย”
พี่สะใภ้รองจ้าวแค่นยิ้ม ฉันมีลูกเยอะแล้วจะทำไม ยิ่งมีลูกชายมากเท่าไรก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ต้องให้คนไม่มีลูกชายเหมือนเธอมากังวลด้วยเหรอ!
เย่ฉูฉู่ไม่ได้ทราบเรื่องราวระหว่างพี่สะใภ้ทั้งสอง เธอทำน้ำแกงก้อนแป้งขาวเสร็จแล้ว
แป้งก้อนเล็ก ๆ ในน้ำแกงข้น ๆ ผสมกับต้นหอมและผักชี เพิ่มด้วยยำแตงกวาหนึ่งจานคู่กับข้าวสวย จ้าวเหวินเทารับประทานไปสามถ้วยภายในเวลาอันสั้น!
“อยู่ข้างนอกคุณประหยัดเงินไม่ซื้อของอร่อย ๆ กินเลยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่มองเขาพลางกล่าว
“ไม่ใช่หรอก เป็นเพราะฝีมือของภรรยายอดเยี่ยม ผมคุ้นชินฝีมือการทำอาหารของคุณแล้ว ส่วนอาหารด้านนอกผมไม่ค่อยชินน่ะ แต่ภรรยาวางใจได้เลยนะ ต่อให้ทำงานข้างนอกยุ่งมากแต่ผมก็กินอิ่มท้องนะ” จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม
“ถ้างั้นหลังจากนี้ให้ฉันทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณเอาออกไปข้างนอกสักหน่อยไหมคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวพร้อมกับมองไปที่เขา เมื่อเห็นสีหน้าของเขายังปกติดีเธอจึงโล่งใจ
“ผมบอบบางขนาดนั้นที่ไหนกัน หลังจากทำธุระข้างนอกเสร็จกลับมาก็มีคุณทำอาหารให้ผมกินก็พอแล้ว เอาอาหารออกไปมันยุ่งยากเกินไป” จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า
เย่ฉูฉู่ก็ไม่พูดจา ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้มีเงื่อนไขที่จำกัด มีเรื่องราวมากมายที่อยู่ในใจแต่ไร้พลัง
แต่ทุกเรื่องต่างก็ยุ่งยากในช่วงเริ่มต้น เธอเชื่อว่าในอนาคตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
เย่ฉฉูฉู่ต้องการเก็บถ้วยชามไปทำความสะอาด แต่จ้าวเหวินเทากลับรับไว้พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ภรรยาพักผ่อนเถอะ พวกนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“สุภาพบุรุษอยู่ห่างครัว คุณต้องการทำให้ฉันเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เลิกคิ้วขึ้น
“ทำสิ!” จ้าวเหวินเทายิ้มตาหยีมองไปยังภรรยาของตัวเอง
“อิ่มท้องอุ่นกายแล้วก็ฝักใฝ่ตัณหาสินะคะ งั้นไปล้างถ้วยเลย” เย่ฉูฉู่หน้าแดง กล่าวเบา ๆ
“เดี๋ยวผมจะจัดการกับคุณทีหลัง” จ้าวเหวินเทากล่าวและออกไปล้างถ้วยชาม เขายังออกไปต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อด้วย ขณะต้มน้ำในหม้อ เขาก็กลับบ้านมาพูดคุยหวานหยาดเยิ้มกับภรรยาของเขา
“ภรรยา เมื่อคืนผมเกือบนอนไม่หลับเลยนะ เพราะว่าคิดถึงคุณน่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“จริงเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่มองเขา “ไม่มีฉันอยู่ด้วยไม่ใช่ว่าจะนอนหลับสนิทขึ้นเหรอ?”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง แค่คิดส่วนล่างของผมก็แข็งแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่หน้าแดงกล่าวว่า “คุณนี่หน้าไม่อายสักนิดเลยนะคะ”
“ผมต้องอายภรรยาตัวเองด้วยเหรอ ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะภรรยาผู้ล้ำค่าของผมไงล่ะ!” จ้าวเหวินเทายิ้ม ปากก็พูดจาลามกออกมาโดยไม่ได้รู้สึกกดดันใด ๆ
ตอนนี้ยังไม่นอน ร่างกายของเย่ฉูฉู่ก็อ่อนแรงลงเล็กน้อยแล้ว
ใบหน้าของเธอขึ้นริ้วสีกุหลาบ ดูเหมือนว่าจ้าวเหวินเทาคงเกิดความต้องการสุด ๆ แล้ว เขาบรรจงจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เย่ฉูฉู่ถูกจูบหลายครั้ง ร่างกายเริ่มอ่อนปวกเปียกของจริง เธอจึงผลักเขาและกล่าวเสียงเบา “ยังไม่ได้อาบน้ำเลย อย่ามายุ่งกับฉันนะคะ”
จ้าวเหวินเทาระงับความร้อนรุ่มในใจ จะออกไปดูว่าน้ำร้อนหรือยัง
เย่ฉูฉู่ดึงเขาไว้ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น คุณเล่าเรื่องหมู่บ้านไท่ผิงให้ฉันฟังก่อนสิคะ?”
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สะใภ้รองกับสะใภ้สี่ตีกันแล้ว ก็ดีค่ะจะได้ไม่มายุ่งกับบ้านหก
กลับมาถึงบ้านก็จะทำการบ้านแล้วเหรอคะเหวินเทา แรงดีไม่มีตกเลยน้า
ไหหม่า(海馬)