“เรื่องมันยาวน่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งั้นคุณก็บอกมาสิคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทากอดภรรยาตัวหอม ๆ แสนนุ่มนิ่มเอาไว้ จากนั้นจึงเล่าเรื่องของหมู่บ้านไท่ผิงให้ฟังด้วยรอยยิ้ม หลังจากเล่าจบเขาก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งถูกห่อไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน
“ภรรยา นี่คือเงินที่ผมหามาได้ในครั้งนี้น่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่หยิบมาเปิดดู ก็พบกับธนบัตรปึกหนา ทว่าสีหน้าของเธอกลับไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เธอมองเงินด้วยท่าทางนิ่งสงบพลางถามว่า “นี่คือเท่าไรเหรอคะ?”
“ผมยังไม่ได้คำนวณอย่างละเอียด น่าจะประมาณ 20 หยวนล่ะ แต่ยังไม่ได้หักต้นทุนออกไป” จ้าวเหวินเทานับธนบัตรพลางกล่าว “หักต้นทุนออกไปแล้ว ที่เหลือคือเงินที่ได้จากการขายผักใบเขียวของหมู่บ้านไท่ผิงล่ะครับ”
“ทำไมถึงเยอะขนาดนี้คะเนี่ย? ฉันจำได้ว่าให้คุณไปแค่ 10 หยวนเองนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว เธอให้เงินเหวินเทาไป 10 หยวน ได้เงินกลับมาก็น่าจะ 14-15 หยวน ไม่มีทางถึง 20 หยวนหรอก
“ใจเย็น ฟังผมก่อนนะ” จากนั้นจ้าวเหวินเทาก็เล่าเรื่องราวการเดินทางไปหมู่บ้านไท่ผิงในครั้งนี้ไปหนึ่งรอบ
เขากล่าวอย่างดีใจจนหน้าบานเป็นกระด้ง เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็วางใจ
“แม่เคยบอกว่าคุณโชคดีตั้งแต่เด็ก ออกไปข้างนอกก็ไม่ต้องกังวล ไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบกับผู้ช่วยเหลือ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
การหาเงินเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักคือการได้พบปะผู้คน พบเจอคนดีและคนไม่ดี ผลลัพธ์ย่อมไม่เหมือนกัน
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็รู้สึกว่าโชคดีที่ได้สนิทกับพี่ใหญ่หลิว ไม่งั้นเขาคงไม่ให้ผมยืมเงินหรอก ยังมีเหล่าชวีโถวอีกคน ลุงคนนั้นมีความพิถีพิถันมากเลยนะ ต่อให้ครั้งนี้ไปแล้วไม่ได้กำไรกลับมา การได้รู้จักพวกเขาก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วล่ะ”
เมื่อออกไปข้างนอก มีเพื่อนหลายคนก็เท่ากับมีเส้นสายมากขึ้น เป็นสิ่งที่แม้แต่เงินไม่อาจแลกมาได้
เย่ฉูฉู่กล่าวว่า “งั้นครั้งหน้าคุณก็เอาเงินไปคืนด้วยนะคะ พวกเรามีเงินทุนอยู่ อีกอย่างคุณลุงคนนั้นก็ชอบดื่มเหล้า อย่าลืมซื้อเหล้าดี ๆ ไปให้เขาหน่อยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมมีแผนในใจแล้ว อีกสองวัน พออากาศหนาวเยือกแข็งจนไม่สามารถพลิกหน้าดินได้แล้ว ผมจะไปอีกรอบ จะได้กลับมาพร้อมกับรถของพี่ใหญ่หลิวพอดี ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสนำผักใบเขียวเข้ามาเพิ่มด้วยเลย” จ้าวเหวินเทาวางแผนไว้ก่อนแล้ว
เย่ฉูฉู่นำเงินไปวางไว้บนเตียง แยกเงินตามมูลค่ามากและน้อย จากนั้นจึงนับเงินกับสามีของเธอ
ภายใต้แสงสลัวรางจากตะเกียงน้ำมัน หญิงสาวกำลังนับเงิน ส่วนชายหนุ่มก็นั่งมองหญิงสาวนับเงิน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
การคาดคะเนของจ้าวเหวินเทาถูกต้อง มันเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 21.05 หยวน
หักเงินทุนที่หยิบมาจากในบ้านไป 10 หยวน เงินที่ยืมมาจากพี่ใหญ่หลิว 5 หยวน และหักเงินที่ได้จากการขายเนื้อและถั่วงอกในวันนี้ รวมทั้งเงินค่าจ้างเช่ารถ ได้กำไรมาทั้งสิ้น 5.05 หยวน!
กำไรนี้มากกว่าการขายเนื้อและขายถั่วงอกเยอะเลย
แต่จ้าวเหวินเทากลับถอนหายใจ “น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีรถ ถ้ามีรถ คงนำผักเข้าไปขายได้ทุกวัน ไม่ต้องพูดถึงได้เงินเยอะหรอก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องได้มาแล้ว 8 หยวน”
เย่ฉูฉู่รีดเงินให้เรียบพลางกล่าวว่า “ทีมผลิตยังมีรถอยู่นะคะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ไปยืมที่บ้านฉันไหม?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม กล่าวว่า “ภรรยาจอมทึ่มของผมนี่นะ รถที่ผมพูดถึงไม่ใช่รถม้าสักหน่อย ที่ผมพูดถึงคือรถแทรกเตอร์แบบที่พี่ใหญ่หลิวขับต่างหากล่ะ เป็นรถสำหรับการเกษตร สามล้อหรือสี่ล้อก็ได้”
เย่ฉูฉู่ลังเล “ตอนนี้เกรงว่าพวกเราคงไม่มีปัญญาซื้อรถแบบนั้นหรอกมั้งคะ?” เธอไม่รู้ราคาตลาดภายนอก แต่เมื่อเทียบกับราคารถจักรยานก็พอจะรู้แล้ว
ขนาดรถจักรยานยังใช้เงินเยอะขนาดนั้น รถแบบนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“ซื้อไม่ไหวหรอก” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า
“งั้นคุณก็หาเงินเยอะ ๆ สิคะ ฉันจะเก็บเงินไว้ให้คุณ ถ้าได้เงินมากพอแล้วคุณก็ค่อยไปซื้อมาสักคัน เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็สามารถขยับแขนขยับขาได้แล้ว ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเหวินเทาจึงอดไม่ได้ที่จะมองภรรยาของเขา กล่าวว่า “ภรรยาจ๋า คุณไม่เสียดายเหรอ ต้องใช้เงินจำนวนมากเลยนะ! ”
“ทำไมต้องเสียดายด้วยล่ะคะ มีรถแบบนั้นคุณก็ไม่ต้องใช้ขาทั้งสองข้างปั่นจักรยานแล้ว เหนื่อยจะตาย” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทาทนไม่ไหวแล้ว เขาเดินออกไปข้างนอกตักน้ำร้อนเข้ามาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งคู่ชำระร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นจ้าวเหวินเทาก็ขึ้นคร่อมภรรยาของเขาบนเตียง
เมื่อห่างกันก็ยิ่งทำให้รักกันมากขึ้น อยู่ห่างกันหนึ่งวันหนึ่งคืน ราวกับทั้งสองไม่ได้พบเจอกันมา 3 ปี พวกเขาทั้งสองจึงตกอยู่ท่ามกลางความกระตือรือร้นอันเร่าร้อน
ในเวลานี้พี่สะใภ้สี่จ้าวก็กำลังทำภารกิจซ้ำวนไปมาอยู่กับพี่สี่จ้าวเช่นกัน “…ครั้งนี้ต้องได้ลูกชายแน่นอน!”
พี่สี่จ้าวพยักหน้า “ใช่ ครั้งนี้ต้องได้ลูกชาย!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวราวกับได้พบความเร่าร้อนของคู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกัน ความคิดของหล่อนจึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ ปากก็กล่าวไปว่า “เมื่อคืนน้องสามีหกไม่ได้กลับบ้าน ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะมีการค้าขายใหม่ และคงมีเพื่อนดี ๆ ด้วย คุณคิดว่าไง?”
พี่สี่จ้าว “…”
ภรรยาคนนี้ ในเวลานี้ยังจะพูดแบบนี้อีก น่าผิดหวังจริง ๆ!
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ!” เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณเป็นอะไรเนี่ยคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวรู้สึกได้ความผิดปกติของสามี
พี่สี่จ้าวรีบจบภารกิจอย่างเร่งรีบ ก่อนจะกลับไปนอนบนเตียง เขาแอบรู้สึกหมดแรงขณะกล่าวว่า “เหนื่อยแล้ว”
“นี่แค่แป๊บเดียวก็เหนื่อยแล้วเหรอคะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “เพื่อลูกชายคุณจะเหนื่อยไม่ได้นะ”
พี่สี่จ้าวกล่าวอย่างเกียจคร้าน “นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องขึ้นเขาอีก”
ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรืออารมณ์ของพี่สะใภ้สี่จ้าวก็อยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หล่อนจึงผลักเขาอย่างโกรธเคือง “ฉันแค่อยากคุยกับคุณ ฉันว่าคุณไปดูในเมืองสักหน่อยเถอะ น้องสามีขายถั่วงอกได้พวกเราก็ทำได้ ถ้ามีเรื่องดี ๆ อย่างอื่น พวกเราก็จะได้ยึดก่อน!”
“พูดอย่างกับยึดเก้าอี้นั่งตอนดูหนังไปได้ ถึงต้องไปแย่งที่ก่อน พอได้แล้ว รีบนอนเถอะ” พี่สี่จ้าวหาวก่อนจะพลิกหันหลังไป
“ทำไมจะยึดก่อนไม่ได้ล่ะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพยายามพูดกับสามีด้วยเหตุผล “ครั้งแรกก็กินเนื้อ ครั้งสองก็ได้กินน้ำแกงแล้ว ที่ฉันคิดแบบนี้ก็เพื่อลูกชายของพวกเรา หลังจากมีลูกชาย ก็ต้องกินนมผง พอกินข้าวได้ก็ต้องกินขนมไข่และแป้งจี่ไข่ทุกวัน ยังมีอีกนะ ฉันเองก็อยากกินไก่เหมือนกัน แม่หม้ายหม่ากินไก่ได้ ฉันก็ต้องกินให้ได้ นี่ก็เพื่อสืบทอดตระกูลจ้าวของคุณนะ ถึงตอนนั้นลูกของพวกเราจะต้องโตมาตัวอ้วน ๆ ขาว ๆ แถมยังฉลาดอีกด้วย…”
พี่สะใภ้จ้าวลูบท้องของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าในท้องของหล่อนมีลูกชายอยู่จริง ๆ
“ฉันพูดกับคุณอยู่นะ คุณได้ยินไหมเนี่ย?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว แต่ยังไม่ได้ยินการตอบรับของพี่สี่จ้าว หล่อนจึงขึ้นเสียงสูง
พี่สี่จ้าวตอบสนองทันที แต่กลับเป็นเสียงกรนอย่างต่อเนื่อง
พี่สะใภ้สี่จ้าวโกรธมาก หล่อนรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ในใจ ทั้งยังกลับมามีนิสัยดุร้ายอีกครั้ง เป็นเพราะหล่อนไม่มีลูกชายอย่างไรล่ะ รอให้หล่อนมีลูกชายก่อนเถอะ ดูสิว่าจะกล้าเพิกเฉยกับคำพูดของหล่อนแบบนี้อีกไหม!
พี่สะใภ้รองจ้าวที่อยู่ปีกตะวันตกของบ้านก็กำลังคุยกับพี่รองจ้าวเรื่องที่จ้าวเหวินเทาไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืนนี้
“น้องสะใภ้สี่บอกว่าน้องสามีหกได้เงินมาเยอะจากการทำการธุรกิจใหม่ แถมยังมีเพื่อนดี ๆ อีก เมื่อวานก็เลยไม่ได้กลับบ้าน ฉันได้ยินก็อยากจะหัวเราะ” พี่สะใภ้รองจ้าวกระซิบอย่างช้า ๆ
พี่รองจ้าวกล่าว “หล่อนคงจะว่างมากสินะ”
“ไม่ใช่หล่อนที่พูดหรอกค่ะ เป็นภรรยาของเหล่าหวังสามต่างหากล่ะที่เป็นคนพูด คุณยังไม่รู้จักหล่อนอีกเหรอ ในหมู่บ้านเรื่องของครอบครัวคนอื่นไม่ว่าเรื่องไหนหล่อนก็รู้หมดนั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปรู้ได้ยังไง” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว
“นั่นก็เป็นเพราะว่างไง ให้หล่อนไปทำงานสักวันสิ ดูซิว่ายังจะมีกะจิตกะใจยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกไหม” พี่รองจ้าวกล่าว
“ใช่น่ะสิ ก็เป็นเพราะว่างนั่นแหละ” ระหว่างที่พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวก็วกกลับมาว่า “แต่ว่านะคะ ช่วงนี้น้องสามีก็วิ่งเข้าเมืองบ่อย ไปหนึ่งครั้งก็หนึ่งวัน ฉันได้ยินว่าในเมืองยุ่งวุ่นวายมาก ทำไมคุณไม่ไปถามพี่สาวใหญ่กับพี่สาวห้าหน่อยล่ะ? คุณเองก็ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นครอบครัวทางฝั่งสามีของพวกพี่สาวคงได้คิดว่าครอบครัวฝั่งภรรยาไม่มีใครแหง ๆ พี่สาวใหญ่กับพี่สาวห้าชอบกินผักดองของฉัน ฉันจะทำไปสักสองสามอย่าง คุณก็เอาไปด้วยนะ เอาแอปเปิลป่าตากแห้งไปให้เด็ก ๆ ด้วย ที่บ้านไม่ได้มีของดีอะไร จะมากหรือน้อยก็เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเรา”
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอบ้านหกเก็บเงินซื้อรถคันใหญ่นะคะ ถึงตอนนั้นคงมีหลายคนหุบปากเงียบเลย
ครั้งนี้พี่สะใภ้สี่จะได้ลูกชายสมใจอยากไหมนะ จะได้เลิกบ่นเลิกระแวงคนอื่นสักที
ไหหม่า(海馬)