สำหรับพี่สาวและน้องสาวสามีทั้งสอง หล่อนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะไปมาหาสู่ ทั้งสองต่างก็แต่งงานเข้าเมือง ฐานะทางบ้านก็ดี…
เมื่อพี่รองจ้าวได้ยินในตอนแรกก็รู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย จะไปถามอะไร? แต่พอได้ยินจนจบก็รู้สึกว่าภรรยาเป็นคนที่มีความคิดรอบคอบมาก ใช่แล้ว เขาไม่ได้เข้าไปหาพี่สาวใหญ่กับน้องสาวห้ามานานแล้ว
“ได้ คุณไปเตรียมของเถอะ เตรียมเสร็จแล้วผมจะไป” พี่รองจ้าวกล่าว “จริงสิ ถึงเวลานั้นคุณก็หยิบมันฝรั่งกับมันเทศให้สักหน่อยด้วยนะ”
พี่สะใภ้รองจ้าวอยากปฏิเสธ อาหารที่บ้านก็มีไม่พอจะรับประทานอยู่แล้ว ยังจะเอาไปให้อีก แต่เมื่อนึกถึงอารมณ์ของสามี สุดท้ายแล้วหล่อนจึงกล่าวตกลงอย่างไม่เต็มใจ
แน่นอนว่าพี่รองจ้าวไม่ทราบว่าภรรยาของเขาไม่มีความสุข เขาจึงรู้สึกพึงพอใจมาก แม้จะสร้างปัญหา แต่ภรรยาของเขาก็ยังเป็นคนมีคุณธรรมอยู่มาก
พี่สะใภ้รองจ้าวยอมที่จะใช้เงินในครั้งนี้ หนึ่งคือหล่อนสงสัยเรื่องค่าใช้จ่ายของจ้าวเหวินเทามาโดยตลอด เรื่องธุรกิจใหม่ของจ้าวเหวินเทาก็ยังไม่แน่ใจ โดยเฉพาะคำพูดที่ไม่มีขอบเขตของน้องสะใภ้สี่ ถ้าจะถามจ้าวเหวินเทาตรง ๆ ย่อมถามไม่ออก จึงต้องถามกับพี่สาวน้องสาวของสามีเท่านั้น บางทีอาจจะได้ข้อมูลอะไรกลับมา
อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องไปมาหาสู่กับพี่สาวน้องสาวของสามีทั้งสองคนให้มาก ๆ หล่อนมีลูกสามคนนะ โดยเฉพาะลูกชายสองคน ในอนาคตหากคนที่เป็นป้าหรืออาเป็นห่วงเป็นใยพวกหลาน ๆ ขึ้นมา หล่อนก็จะได้มีที่อาศัยในบ้านหลังใหญ่ด้วยเช่นกัน
จุดธูปบูชาทุกวันดีกว่าอยู่ดี ๆ ยัดเยียดให้กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว!
ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ สามีของหล่อนเอาของไปหาพี่สาวน้องสาวของสามี ย่อมไม่ได้ให้แบบเปล่า ๆ ทั้งสองจะต้องให้ของตอบแทนกลับมาแน่นอน พี่สามีและน้องสามีทั้งสองคนนั้นมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขามาก ของตอบแทนก็คงไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้หล่อนหวังว่าพี่สาวและน้องสาวของสามีทั้งสองคนจะให้ของที่เหมาะสม นี่เป็นหนึ่งฤดูหนาวหนึ่งฤดูใบไม้ผลิจริง ๆ คนเยอะขนาดนี้ จะใช้ชีวิตอย่างไร? ตอนนี้หล่อนก็แยกบ้านมาใช้ชีวิตอยู่กันเองแล้ว หล่อนจึงกังวลมากจริง ๆ
ก่อนหน้านี้คุณแม่สามีเป็นคนดูแล จึงไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ ตอนนี้หล่อนจึงต้องมากังวลเรื่องทั้งหมดเอง
พี่สามจ้าวที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ
“คุณเป็นอะไร เหนื่อยสินะคะ ยังมียาแก้ปวดอยู่ จะกินสักเม็ดไหม?” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
“เปล่า เตียงนี้มันหนาวนิดหน่อยน่ะ” พี่สามจ้าวกล่าว “ผ้านวมห่มยังไงก็ไม่อุ่น”
ช่วงนี้อากาศหนาวมาก โดยเฉพาะช่วงกลางคืน อากาศเย็นยะเยือกจริง ๆ
“ฉันบอกให้เผาไฟมากกว่านี้สักหน่อยคุณก็ไม่ฟัง ตอนนี้รู้จักหนาวแล้วเหรอ? ทำไมไม่เรียกหม่าต้านมานอนห่มผ้ากับคุณล่ะ พ่อลูกนอนเบียดกันก็อุ่นแล้ว” แม้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวจะบ่นแต่ยังบอกกับพี่สามจ้าว
พี่สามจ้าวก็กล่าวอย่างไม่เกรงใจ “ลูก มานี่ มานอนห่มผ้ากับพ่อเร็ว!”
หม่าต้านนอนขดตัวเป็นลูกบอลกลม ๆ อยู่ใต้ผ้าห่ม เขาดึงผ้าห่มคลุมศีรษะไว้ ได้ยินพ่อเรียกก็ไม่ขยับเขยื้อน แกล้งหลับเป็นตายไม่ยอมขานรับ
เขาไม่อยากนอนกับพ่อ พ่อของเขากรนเสียงดังหนวกหูจะตายไป
พี่สามจ้าวก่นด่า “ไอ้เด็กเวรนี่ ฉันเลี้ยงแกมานะ เรียกให้มานอนห่มผ้าด้วยกันก็ไม่มา!”
หม่าต้านอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ใครใช้ให้พ่อห้ามไม่ให้แม่อุ่นเตียงล่ะ เตียงที่ห้องของอาเล็กถูกเผาจนร้อน ทั้ง ๆ ที่อาเล็กก็ยังไม่ได้ขึ้นเขาไปหาฟืนเลย พวกเราขึ้นเขาไปหาฟืนกันทั้งบ้าน แต่เตียงยังเย็นขนาดนี้!”
พี่สามจ้าวได้ยินจึงโมโห “วัน ๆ แกก็เอาแต่บอกว่าอาเล็กของแกดี งั้นแกก็ไปหาอาเล็กของแกเลยไป!”
“ถ้าอาเล็กอยากได้ตัวผมผมก็ไป” หม่าต้านกล่าวอย่างไม่ลังเล
“ไอ้เจ้าเด็กเวรนี่ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ!” พี่สามจ้าวทำท่าจะลุกขึ้นไปตีหม่าต้าน
พี่สะใภ้สามจ้าวหยุดเขาไว้พลางกล่าวว่า “พอได้แล้ว คุณเป็นผู้ใหญ่นะ จะมาใช้กำลังกับเด็กได้ยังไง ลูกของคุณพูดผิดตรงไหน? คุณเอาแต่ตระหนี่แบบนี้ ทั้งชีวิตก็แก้ไม่ได้หรอก แม้แต่ฟืนเล็ก ๆ นี้ก็เหมือนกัน ฉันจะไปเติมสักกำมือ นอนบนเตียงเย็น ๆ จะป่วยได้ง่าย ๆ ถ้าป่วยขึ้นมาฟืนก็ขึ้นไปเก็บไม่ได้แล้ว ดูยังไงก็ขาดทุน แถมยังเสียเปล่าแบบซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก!”
“อาเล็กไม่เพียงแค่นอนบนเตียงอุ่น ๆ แถมยังได้กินของดีทุกวันอีก” หม่าต้านกล่าวเสริมหนึ่งประโยค
เอ้อร์หยาที่นอนห่มผ้ากับพี่สะใภ้สามจ้าวโผล่หัวออกมากล่าวว่า “ตอนค่ำหนูได้กลิ่นอาหารของบ้านอาเล็กด้วย หอมมากเลย!”
พี่สามจ้าวที่โมโหอยู่แล้วก็ยิ่งโมโหมากขึ้น พี่สะใภ้สามจ้าวกลับมีความสุข หล่อนตีเด็ก ๆ ไปสองเพียะ “พวกลูกยังจะพูดอีก ให้พ่อตีพวกลูกดีไหมเนี่ย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวเติมน้ำในหม้อ ใส่ฟืนสองสามกำมือเข้าไปในเตา จุดไฟ ทำความสะอาดเตาและฟืนก่อนหน้านี้ เสร็จแล้วจึงขึ้นเตียงนอน
จะให้เตียงอุ่นขึ้นก็ต้องใช้เวลา พี่สามจ้าวนอนไม่หลับจึงคุยกับภรรยาของเขา
“พวกเจ้าหกไม่ประหยัดสักนิด เขาไม่กลัวจะขัดสนบ้างหรือไง?” พี่สามจ้าวกล่าวอย่างงุนงง เขาแค่อยากรอดูเจ้าหกรับประทานอาหารไม่อิ่มท้องสวมเสื้อผ้าที่ไม่ได้ให้ความอบอุ่น ใครจะไปรู้ว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่
“พวกเขามีกันแค่สองคน ฐานะทางบ้านของน้องสามีหกก็ดี ถึงยังไงก็เรียกว่าขัดสนไม่ได้หรอก อีกอย่างถ้าพวกเขาขัดสนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ ทำไมคุณต้องกังวลด้วย?” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าวอย่างใจเย็น
พี่สามจ้าวเสียใจเล็กน้อย ใช้ชีวิตกินอยู่แบบไม่มีขีดจำกัดอย่างเปิดเผย ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างดีเยี่ยม ทำให้เขาที่เป็นคนไม่กล้ารับประทานและไม่กล้าดื่มกลายเป็นไร้รสชาติไปเลย
“คุณว่าเจ้าหกขายถั่วงอกจริง ๆ ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยเหรอ?” พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะสงสัย ถั่วงอกสามารถทำเงินได้เท่าไรกันเชียว?
พี่สะใภ้สามจ้าวเหนื่อยมาทั้งวันและง่วงนอนแล้ว เมื่อเตียงเริ่มร้อนจึงผล็อยหลับไป หล่อนไม่อยากรับมือกับสามีของหล่อนที่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเลยจริง ๆ
ถ้าน้องสามีหกมีฐานะขึ้นมาจริง ๆ สิถึงจะดี
เตียงอุ่นแล้ว ในที่สุดพี่สามจ้าวก็ยืดขาออกมา เขายืดเหยียดร่างกาย รู้สึกได้ว่านี่ต่างหากล่ะที่เรียกว่าผ้านวมสำหรับนอนหลับ ทว่าภายในใจกลับอดไตร่ตรองไม่ได้
เจ้าหกได้กำไรจากการขายถั่วงอก มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เขาจะทำไม่ได้ บางทีเจ้าหกอาจจะทำอย่างอื่นก็ได้
ไม่ได้การล่ะ เขาต้องไปถามให้รู้เรื่อง
ทุกคนต่างยินดีที่จะนอนบนเตียงอุ่น ๆ กันทั้งนั้น และทุกคนก็ยินดีที่จะรับประทานบะหมี่หอมกรุ่น
วันรุ่งขึ้นจ้าวเหวินเทายังคงตื่นแต่เช้าและไปหาไช่ซื่อหู่เพื่อเอาเนื้อ ครั้งนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เนื้อแกะมาเยอะแยะ
“จะเอากระดูกหมูกับกระดูกแกะด้วยไหม? มีเยอะมากเลย ฉันเก็บไว้นิดหน่อยแล้ว ถ้านายต้องการส่วนที่เหลือก็จะให้นาย ยังมีแพะด้วยนะ เนื้อนี้หายากมาก” ช่ายซื่อหู่กล่าว
ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ทีมใหญ่ทั้งหมดเริ่มเชือดสัตว์ที่ถูกคัดออก แกะคือสัตว์ที่ถูกเชือดมากที่สุด
ที่นี่ส่วนใหญ่เลี้ยงแกะ แพะซนเกินไป ดูแลได้ลำบาก ส่วนแกะมีความเชื่อง แต่เนื้อไม่แน่นเท่ากับเนื้อของแพะ
“ยังมีเนื้อแพะด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาดวงตาเป็นประกาย “พี่ซื่อหู่ ผมขอเนื้อแพะมากที่สุดเท่าที่จะมากได้เลยนะ ผมอยากได้ของดี ๆ เอากลับไปให้ภรรยาของผมกิน”
ไช่ซื่อหู่ยิ้ม หมอนี่รู้จักรักภรรยามากจริง ๆ ผู้ชายที่รักภรรยาร่วมมือกันขึ้นมาถึงจะมั่นใจ เขากล่าวว่า “ได้สิ พรุ่งนี้ฉันจะเก็บไว้ให้นายนะ แล้วกระดูกล่ะ เอาด้วยไหม?”
“เอา!” จ้าวเหวินเทากล่าวโดยไม่ต้องคิด ถ้าขายไม่ออก กลับบ้านไปค่อยเอาไปทำน้ำแกงกระดูกดื่มเป็นยาบำรุงชั้นดี
“ฉันจะไปเอามาให้” ไช่ซื่อหู่กลับไปหยิบกระสอบถุงใหญ่มาสองถุง
ดู ๆ ไปแล้วเหมือนจะเยอะมาก แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เยอะขนาดนั้น เพียงแต่กระดูกกินพื้นที่มาก
จ้าวเหวินเทานำถุงกระสอบกระดูกสองถุงมาประกบกัน จากนั้นมัดเข้าที่ใต้เบาะรถเป็นแนวขวาง ก่อนจะเดินทางเข้าเมือง
ลมหนาวระหว่างทางช่างหนาวเหน็บจนกรีดผิวหน้า โชคดีที่ภรรยาของเขาเตรียมครีมไว้ให้ ไม่เช่นนั้นใบหน้าของเขาคงจะแข็งไปแล้ว
เมื่อเดินทางมาถึงเมือง เขาก็มาหาจงย่งที่แผงลอยเป็นที่แรก
จงย่งเปิดร้านตั้งแต่เช้าแล้ว พ่อแม่ของและน้องชายทั้งสองคนของเขาต่างกำลังยุ่งอยู่ คนที่มารับประทานบะหมี่และซาลาเปาต่างก็กำลังเข้าแถวรอ ธุรกิจรุ่งเรืองจริง ๆ
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แต่ละบ้านเริ่มฉุกคิดกันได้แล้วสินะว่าควรทำอะไรสักอย่าง กลืนน้ำลายตัวเองกันหมดเลย ว่าบ้านหกไว้เยอะเป็นไงล่ะ
ไหหม่า(海馬)