เย่ฉูฉู่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่บนเตียงเตา ครั้นเห็นจ้าวเหวินเทาเดินเข้ามา เธอจึงประหลาดใจ “ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง?”
“คิดถึงคุณก็เลยกลับมาเร็วไงครับ” จ้าวเหวินเทายิ้มตาหยี
เขาขึ้นมาหอมภรรยาของตัวเองฟอดหนึ่ง
ภรรยาของเขาผิวพรรณดูดีจริง ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ขาวอมชมพู คิ้วและดวงตาสุกสกาว ความชุ่มชื้นที่เธอมอบให้เป็นสิ่งที่หาได้ยากเป็นพิเศษ
จ้าวเหวินเทารู้สึกว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ
“ไม่มีความจริงจังเอาเสียเลย” เย่ฉูฉู่ยิ้มพลางตำหนิเขาปราดหนึ่ง เธอเห็นถุงกระสอบในมือของเขาจึงถามไปว่า “นี่คืออะไรเหรอคะ?”
“ผมเอากระดูกหมูกลับมาเคี่ยว แล้วก็มีกระดูกแกะด้วยนะ” จ้าวเหวินเทาเปิดถุงกระสอบให้ภรรยาดู
เย่ฉูฉู่ได้กลิ่นสาบลอยออกมา เธอชอบรับประทานเนื้อแกะก็จริง แต่กลับไม่ชอบกลิ่นสาบนี้เอาเสียเลย
“แหวะ!” เย่ฉูฉู่เกิดอาการคลื่นไส้
จ้าวเหวินเทารีบมัดปากถุงกระสอบให้ดี จากนั้นจึงใช้มือลูบหลังภรรยาพลางกล่าว “ภรรยา ไม่ใช่ว่าคุณตั้งครรภ์แล้วหรอกนะ?”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา “ตั้งครรภ์แล้วมีเหรอที่ฉันจะไม่รู้? แต่เป็นเพราะกลิ่นนี้ต่างหากล่ะคะที่ทำให้รู้สึกฉุนจมูก”
“งั้นผมเอาออกไปไว้ข้างนอก” จ้าวเหวินเทารีบกล่าว
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ เมื่อกี้ฉันไม่ทันได้ตั้งหลักน่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว ก่อนจะรับมาดูครู่หนึ่ง
เย่ฉูฉู่หยิบออกมาหนึ่งชิ้น “บนนี้ยังมีเนื้อแกะติดอยู่เลย”
จ้าวเหวินเทาเหลือบมองภรรยา “ภรรยา เราไม่สนใจเนื้อเท่ายุงนี้หรอก ผมบอกพี่ซื่อหู่ไว้แล้ว พรุ่งนี้เขาจะเหลือเนื้อแกะไว้นิดหน่อย ยังมีเนื้อแพะด้วยนะ ครั้งก่อนผมซื้อขึ้นฉ่ายมาจากหมู่บ้านไท่ผิงพอดี พวกเราห่อเกี๊ยวเนื้อขึ้นฉ่ายสักมื้อ คุณคิดว่าไง?”
เย่ฉูฉู่พยักหน้า เธอเองก็แอบน้ำลายสอแล้ว “วันนั้นแม่พูดกับฉันว่ารอให้ผักดองได้ที่แล้วก็ค่อยห่อเกี๊ยวกิน แบบนี้ก็ดีนะคะ พ่อกับแม่จะได้กินของอร่อยด้วย”
จ้าวเหวินเทามองภรรยาของตนเองด้วยรอยยิ้ม
ภรรยาของเขาเห็นพ่อกับแม่ของเขาเป็นเหมือนพ่อแม่ของตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจ รับประทานของดีก็ไม่เคยลืมพวกท่าน ใต้หล้านี้ยังจะมีคนแบบนี้อีกสักกี่คน?
ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้จ้าวเหวินเทาได้มาเจอ ความโชคดีนี้ไม่ใช่แค่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
“ภรรยา เมื่อกี้ผมคุยกับชุยต้าแล้ว เขาจะขนฟืนมาให้พวกเรา สามคันรถแลกกับธัญพืชหนึ่งชั่งครึ่ง ถึงเวลานั้นถ้าคุณเห็นเขาเอามาส่งก็ช่วยจดไว้ด้วยนะ ผมจะได้เอาค่าจ้างไปให้เขา” จ้าวเหวินเทากล่าว “เรื่องนี้คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้วนะว่าฤดูหนาวจะไม่มีฟืนให้เผา?”
เย่ฉูฉู่เองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เร็วขนาดนี้ เพียงแต่จ้างคนให้ไปขนฟืนมาให้จะได้เหรอ?
จ้าวเหวินเทากล่าวเสียงเรียบ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เขากินข้าวไม่อิ่ม ส่วนผมก็ไม่มีเวลาไปขนฟืน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่างก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ใครจะพูดอะไรได้? อีกอย่างตอนนี้ก็รองรับการทำงานส่วนตัวแล้วด้วย ผมจะจ้างคนให้มาทำงานให้แล้วจะทำไมล่ะ ใครจะทำอะไรผมได้”
“พูดจาดี ๆ ค่ะ อย่าอวดดีขนาดนั้น” เย่ฉูฉู่ยิ้มพลางตำหนิ
“ผมไม่ได้อวดดีสักหน่อย ผมก็ยังมีภรรยาของฉันที่ช่วยดับไฟผมไม่ใช่เหรอครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อผู้ชายไฟแรง ผู้หญิงก็ต้องคอยคุมไฟไว้ ไม่เช่นนั้นออกไปข้างนอกก็จะเกิดเรื่องขึ้นได้ง่าย ๆ และทำให้ขัดแย้งกับคนอื่นได้ง่ายมาก
“ภรรยาจ๋า คุณกำลังทำอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาเบี่ยงประเด็น ก่อนจะมองไปยังของที่อยู่บนเตียงเตา
เย่ฉูฉู่กล่าว “วันนี้ฉันเก็บห้อง พลิกเจอหนังแกะขาด ๆ อยู่สองสามแผ่น ก็เลยจะเอามาเย็บเป็นสนับเข่าให้คุณ คุณใส่ไว้ที่ขา เวลาขี่จักรยานเจอลมแรง ๆ ก็อย่าปล่อยให้หนาวจนขาแข็ง ฉันเย็บสายรัดไว้แล้ว ถึงเวลานั้นคุณใส่กางเกงผ้าฝ้ายแล้วก็ใส่มันไว้ด้านใน ผูกติดกับขาก็ ไม่หลุดแล้ว”
“ภรรยาจ๋า ทำไมคุณถึงได้มีคุณธรรมแบบนี้เนี่ย” จ้าวเหวินเทายื่นหน้าเข้ามาหอมเธอหนึ่งครั้งด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เย่ฉูฉู่ไม่ได้หน้าแดงพร่ำเพรื่อเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว เธอตีเขาด้วยความขุ่นเคือง “อย่าวุ่นวาย กลางวันแสก ๆ รีบขึ้นไปนอนบนเตียงเร็วเข้า ฉันจะไปทำอาหารแล้ว”
“ขอกอดสักแป๊บสิ” จ้าวเหวินเทาไม่ยอมปล่อยมือ
เย่ฉูฉู่ผลักเขาออกไปด้วยท่าทางนิ่งสงบเป็นอย่างมาก “ควรจะทำอะไรก็ทำไปค่ะ อย่ามาขัดขวางการทำงานของฉัน”
“ภรรยา คุณมันไร้ความรู้สึก” จ้าวเหวินเทาเรียกร้อง
เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม เธอกอดเขาไปเล็กน้อยอย่างผิวเผิน ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รางวัลของคุณค่ะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” จ้าวเหวินเทายิ้ม จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ผ้าเช็ดหน้าออกมาจากด้านในกระเป๋าเสื้อ “ภรรยาบ้านอื่นต่างก็จ้องเงินในบ้าน ทำไมคุณต้องให้ผมหยิบออกมาให้คุณอยู่เรื่อยเลย?”
เย่ฉูฉู่พูดอย่างมีเหตุและผล “เรื่องนี้ก็ต้องมีจิตสำนึกด้วยตัวเองอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าคุณอยากจะเก็บเงินเองก็เก็บเองได้เหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”
“ได้ ๆ ผมมีจิตสำนึกแล้ว ๆ หลังจากนี้ทันทีที่กลับมาผมจะเอาเงินให้ภรรยาของผมอย่างมีจิตสำนึก!” จ้าวเหวินเทากล่าวติดตลก เขารู้สึกว่าภรรยาของเขามีวิธีควบคุมสามีได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ ดูเขาสิ บุรุษผู้สง่างามแต่กลับให้เงินโดยไม่รู้สึกเสียใจเลย
เย่ฉูฉู่คลี่ยิ้ม จากนั้นจึงรับเงินไปนับ
จ้าวเหวินเทาพูดเรื่องธุรกิจของจงย่งว่าดีขนาดไหนไปหนึ่งรอบ “เจ้าเด็กนั่นไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยจริง ๆ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย”
“การค้าของเขาดีพวกเราเองก็ดีเหมือนกันนะคะ ค้าขายก็ต้องชนะร่วมกันสิ” เย่ฉูฉู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
จ้าวเหวินเทาพยักหน้าหงึก ๆ “ใช่ ชนะร่วมกันนี่แหละ ชนะร่วมกัน ผมชอบคำนี้!”
ในตอนเที่ยงเย่ฉูฉู่ได้นำกระดูกไปต้ม จนกระทั่งถึงช่วงค่ำ กลิ่นหอมเข้มข้นก็ลอยอวลทั่วทั้งบ้าน ทำเอาพวกหลานชายและหลานสาวที่เลิกเรียนอดไม่ได้ที่จะเดินตามกลิ่นมา
“อาสะใภ้หก ทำของอร่อยอะไรเหรอครับ?” เถี่ยต้านถาม
สองต้านและสี่หยาก็มองตาปริบ ๆ เข้ามาด้านในบ้านเช่นกัน
เย่ฉูฉู่เดินออกมาด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวกับพวกหลาน ๆ ว่า “อาเล็กของพวกเธอเอากระดูกกลับมาสองสามชิ้นน่ะ อาก็เลยเอามาต้ม”
“หอมจังเลย” หลูต้านออกแรงสูดหายใจฟุดฟิด ๆ
“อาสะใภ้หกหนูอยากกินกระดูกหมู” ซื่อหยาเป็นน้องเล็กสุด เธอจึงพูดในสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่พะว้าพะวัง
เด็กคนอื่น ๆ จึงรีบเบนสายตาไปขอบคุณเธอในทันที ขอบคุณซื่อหยาที่พูดความในใจที่พวกเขารู้สึกไม่ดีที่จะพูดออกมา
เย่ฉูฉู่พูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “อาต้มกระดูกไว้ทำน้ำแกง กระดูกที่ต้มจะไม่เหลือรสชาติแล้ว พวกเธอกลับไปหยิบหม้อมาสิ อาจะตักซุปให้ บอกให้แม่เอาไปทำอาหารหรือไม่ก็ทำบะหมี่กิน กินแล้วรสชาติจะหอมมากเลยล่ะ ”
ต่อให้เธอมีความบาดหมางกับพวกพี่สะใภ้ไปบ้าง แต่หลาน ๆ เหล่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องดึงไปเกี่ยวข้องด้วย
“จริงเหรออาสะใภ้หก?” หม่าต้านรีบถาม
“จริงสิ ไปเอามาเถอะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้ายืนยัน
เด็ก ๆ ดีใจกันมาก รีบหมุนตัววิ่งออกไป เพียงไม่นานก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับหม้อใบใหญ่และใบเล็ก เย่ฉูฉู่บอกให้พวกเขาต่อแถวให้เรียบร้อย อย่าเบียดกัน เด็ก ๆ แต่ละบ้านจึงได้รับน้ำแกงไปคนละหม้อ
ลูก ๆ ของพี่รองจ้าวโตกันแล้ว พวกเขาสามารถเดินถือกลับไปเองได้ ส่วนลูก ๆ ของพี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวยังเล็กอยู่ เย่ฉูฉู่กลัวว่าพวกเขาจะทำหก จึงช่วยยกให้
วันนี้เป็นวันจันทร์ เด็ก ๆ ไปโรงเรียน พ่อแม่ของพวกเขาต่างก็ขึ้นเขาไปเก็บฟืนยังไม่กลับมา
หลังจากส่งซุปเสร็จแล้ว จ้าวเหวินเทาก็เดินกลับมาจากด้านนอก ในมือมีไก่ป่าอีกหนึ่งตัว
ช่วงบ่ายเขาขึ้นไปเดินบนเขามา เขาคิดว่านี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ขึ้นภูเขา จึงอยากหาสัตว์ป่าสักหน่อย ตอนที่เข้าไปในป่าก็ไม่ได้เจออะไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าขากลับเขาจะเจอไก่ฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งพอดี เขาจึงหิ้วกลับมาให้ภรรยาของเขานำไก่ไปตุ๋นในน้ำแกงกระดูก
เย่ฉูฉู่เคยชินกับการที่สามีของเธอเข้าป่าและได้ของกลับมาแล้ว เธอรับไก่ไป “หนักมากเลยนะคะเนี่ย”
“อื้อ เป็นไก่อ้วนตัวหนึ่งเลย อีกเดี๋ยวผมจะล้างทำความสะอาดสักหน่อย ต้มในน้ำแกงกระดูกสักคืน ไว้กินพรุ่งนี้เช้า” จ้าวเหวินเทายิ้มตาหยี
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เขินพ่อกระต่ายจังเลยค่ะ เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเดี๋ยวทำการบ้าน
ชอบความคิดของฉูฉู่ตอนนี้นะคะ ที่ต่อให้ผู้ใหญ่จะไม่ชอบหน้ากันอย่างไรก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปใส่เด็ก ๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย
ไหหม่า(海馬)