ตอนที่ 95 ประกาศข่าวดี
แพทย์หญิงเห็นว่าคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ดี จึงกล่าวว่าขึ้น “ระวังอย่าให้เหนื่อย อย่าเคลื่อนไหวมาก หลีกเลี่ยงการทำอะไรหนัก ๆ โดยเฉพาะสภาพอากาศแบบนี้ อย่าโดนความเย็นในสภาพอากาศหนาว ๆ พูดสั้น ๆ คือต้องดูแลดี ๆ รอให้ผ่านสามเดือนแรกไปก่อน ให้เด็กคงที่ถึงจะปลอดภัยมากขึ้น ส่วนเรื่องอาหารการกิน เอาตามฐานะทางบ้านได้เลย อยากกินอะไรก็กิน ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนก็เป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ ไม่ต้องกังวล ทำตัวตามสบาย แค่อารมณ์ดีเข้าไว้ก็พอแล้ว”
เย่ฉูฉู่และจ้าวเหวินเทาต่างตั้งใจฟัง
แพทย์หญิงเตือนอีกนิดหน่อย จากนั้นจึงให้พวกเขากลับไป และสุดท้ายยังไม่ลืมที่จะเตือนว่า “ห้ามมีเพศสัมพันธ์นะคะ”
เย่ฉูฉู่หน้าแดงรีบกล่าวขอบคุณคุณหมอ ก่อนจะดึงจ้าวเหวินเทาออกไปอย่างรวดเร็ว
“ภรรยา คุณเดินช้าหน่อย คุณหมอบอกแล้วว่าจะเคลื่อนไหวมาก ๆ ไม่ได้ ทำไมคุณถึงเดินเร็วแบบนี้?” จ้าวเหวินเทารีบกล่าว
ตอนนี้เย่ฉูฉู่จึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย คนที่เป็นแพทย์หญิงเปิดกว้างขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้พูดตรง ๆ ออกมาแบบนี้ น่าอายจริง ๆ
จ้าวเหวินเทาหัวเราะออกมา “คนเขาเป็นหมอ เห็นเรื่องแบบนี้มาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว อีกอย่างก็เป็นเพราะถูกชะตากับพวกเราถึงได้เตือนเยอะขนาดนั้น ไม่ต้องอายหรอก จริงสิภรรยา คุณหิวไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันยังไม่หิว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้ามาในตัวอำเภอ พวกเราไปบ้านพี่สาวใหญ่หรือบ้านพี่สาวห้าดีไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
พวกเขามาถึงตัวอำเภอย่อมต้องไปเยี่ยมพี่สาวทั้งสองอยู่แล้ว จ้าวเหวินเทานำผักใบเขียวและเนื้อมาด้วย ของเหล่านี้เตรียมไว้ให้พี่สาวทั้งสอง
“คุณอยากไปบ้านไหนล่ะ?” จ้าวเหวินเทาถาม
เย่ฉูฉู่มองฟ้า “เวลานี้พี่สาวห้ายังไม่เลิกงานสินะคะ? งั้นพวกเราไปบ้านพี่สาวใหญ่ก่อน ขากลับค่อยไปบ้านพี่สาวห้าก็แล้วกัน”
“ได้สิ” จ้าวเหวินเทายิ้มขณะประคองภรรยาขึ้นรถ จากนั้นขับรถสามล้อเครื่องยนต์ไปบ้านพี่สาวใหญ่จ้าว
มีเพียงพี่สาวใหญ่จ้าวคนเดียวที่อยู่บ้าน พี่เขยไปทำธุระในเมือง แม่ยายตามไปเยี่ยมญาติ เด็ก ๆ ก็ถูกพาไปด้วย ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องยากที่จะแวะเวียนไปสักครั้ง จึงต้องพาไปรู้จักผู้คน
วันนี้สามีของพี่สาวใหญ่ไปประจำการที่กรมทรัพยากรน้ำ ตอนค่ำถึงจะกลับมา
“พวกเธอสองคนไปไงมาไงล่ะเนี่ย? เข้ามาในบ้านเร็ว!” พี่สาวใหญ่จ้าวได้ยินเสียงด้านนอก เปิดประตูออกมาก็เห็นน้องชายและน้องสะใภ้ จึงเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาในบ้านอย่างมีความสุข จากนั้นหยิบน้ำตาลทรายแดงมาต้มเป็นน้ำหวานจากน้ำตาลทรายแดง
“พี่สาวใหญ่ ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราไม่ใช่คนนอกสักหน่อย” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
พี่สาวใหญ่จ้าวต้มน้ำหวานจากน้ำตาลทรายแดงสองถ้วย หนึ่งถ้วยให้น้องสะใภ้อีกหนึ่งถ้วยให้น้องชาย จากนั้นจึงถามน้องชาย “อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมถึงได้พาฉูฉู่มาล่ะ?”
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวใหญ่ ผมพาฉูฉู่มาหาหมอน่ะ”
พี่สาวใหญ่จ้าวมองไปยังน้องสะใภ้อย่างมีความสุข “ฉูฉู่ มีแล้วเหรอ?”
“ค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้าด้วยความเขินอาย
จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างเคร่งขรึม “หนึ่งเดือนกว่าแล้วด้วย”
“ฉูฉู่ หมอว่ายังไงบ้าง?” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยความยินดียิ่ง
เย่ฉูฉู่เขินจึงให้จ้าวเหวินเทาพูด จ้าวเหวินเทาจึงทวนคำพูดของแพทย์ไปหนึ่งรอบ
พี่สาวใหญ่จ้าวได้ยินว่าหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ทั้งสองเพิ่งจะทราบว่าท้อง ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
หล่อนจึงย้ำว่า “ก่อนหน้านี้ก็ช่างมันเถอะ ทีหลังก็ใส่ใจหน่อย หมอเตือนได้ครอบคลุมมาก ฟังไว้นะ”
“พี่สาวใหญ่ ฉันอยู่บ้านก็ทำแต่อาหาร” เย่ฉูฉู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กล่าวเคล้ารอยยิ้มอีกว่า “ใช่แล้ว พี่สาวใหญ่ พี่สะใภ้สี่ก็มีแล้วนะคะ ฉันได้ยินพี่สะใภ้สี่บอกว่าสองเดือนกว่าแล้ว”
“จริงเหรอ? นี่ก็มีความสุขเป็นสองเท่าเลยน่ะสิ ครอบครัวของพวกเราจะมีเด็ก ๆ เพิ่มมาอีกสองคนแล้ว!” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดือนของพวกเธอไล่เลี่ยกัน ถึงตอนนั้นก็เกิดตาม ๆ หลังกันมาเลย ฉันจะเก็บไข่ไก่ให้พวกเธอมากขึ้นนะ”
“พี่สาวใหญ่ ไข่ไก่ในหมู่บ้านก็หาซื้อได้ ที่บ้านหลี่เฉียจื่ออยากได้ไข่ไก่กี่ฟองก็ได้ จะมาให้พี่สาวใหญ่เก็บไข่ให้พวกเราทำไมกัน พี่สาวใหญ่เก็บไว้กินเองเถอะ” จ้าวเหวินเทาส่ายหน้าพลางกล่าว
พี่สาวใหญ่มีลูกสี่คน แค่ของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว จะให้มาช่วยเขาได้อย่างไร?
“พี่สาวใหญ่เก็บไข่ไว้ให้น้องชายตัวเอง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มาถึงแล้วก็ย่อมต้องอยากรับประทานอาหาร
ตอนเที่ยงพี่สาวใหญ่จ้าวจึงห่อเกี๊ยวสองแบบคือไส้เนื้อแกะกับขึ้นฉ่ายและไส้ไข่กับผักใบเขียว
ผักใบเขียวเป็นของที่จ้าวเหวินเทานำมา จากนั้นคลุกกับยำไชเท้าฝอยเปรี้ยวหวาน คู่กับกระเทียม หอมสุด ๆ ไปเลย
เย่ฉูฉู่ไม่ชินกับกลิ่นเนื้อหมู แต่เธอชอบรับประทานเนื้อแกะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีลูกหรือไม่ จึงรับประทานไปสองถ้วยใหญ่
เธอกินเกี๊ยวไส้เนื้อแกะกับขึ้นฉ่ายหนึ่งถ้วย ไส้ไข่กับผักใบเขียวหนึ่งถ้วย ทั้งยังดื่มน้ำซุปอีกครึ่งถ้วย
การรับประทานแบบนี้ทำให้จ้าวเหวินเทาเงยหน้าขึ้นมามองบ่อย ๆ เพราะเขากังวลว่าภรรยาของเขาจะอิ่มเกินไป
เย่ฉูฉู่กลอกตามองเขา ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวแล้ว เธอแค่กินเยอะนิดหน่อยจะมองแบบนี้ทำไมกัน ถ้าไม่รู้คงคิดว่าไม่อยากให้เธอกิน
“กินไปเถอะ” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉูฉู่ เรื่องที่ท้องแล้วเธอเองก็ต้องสนใจไว้นะ แต่ก็อย่าเป็นกังวลให้มันมากเกินไป ถึงยังไงก็อย่าไปคิดมาก อยากกินก็กินอยากนอนก็นอน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่น แม้จะบอกว่าตั้งครรภ์สิบเดือน แต่มันก็จะผ่านไปอย่างราบรื่น”
พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวถึงประสบการณ์ เย่ฉูฉู่จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องท้องก็แล้วแต่คน บางคนไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ราวกับไม่ได้ท้อง บางคนก็แพ้ท้องจนไม่ไหว กินอะไรเข้าไปก็อ้วกหมด มีปฏิกิริยารุนแรง ดังนั้นเธอก็อย่าไปฟังคนอื่น ยึดตามร่างกายของตัวเองเป็นหลัก” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” เย่ฉูฉู่พยักหน้ายิ้ม
พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวอีกว่า “นี่เป็นลูกคนแรกของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ทั้งนั้น เธอไม่ต้องแบกรับภาระทางใจ นี่ไม่ใช่แค่การคลอดเพียงครั้งเดียวเสียหน่อย ตระกูลจ้าวของพวกเราไม่เหมือนกับตระกูลอื่น ตระกูลของเราจะลูกชายหรือลูกสาวก็มีค่าเท่ากันหมด”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม คำพูดนี้ถูกต้อง คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวปฏิบัติต่อหลานชายและหลานสาวอย่างเท่าเทียม ไม่เคยปฏิบัติต่อหลานสาวในทางที่ไม่ดี
โดยเฉพาะซานหยาและซื่อหยาของครอบครัวพี่สี่จ้าว คุณแม่จ้าวแอบเอ็นดูมากกว่านิดหน่อยด้วย ประเด็นสำคัญก็เป็นเพราะพี่สะใภ้สี่จ้าวดูถูกลูกสาวมากเกินไป
หัวข้อแบบนี้จ้าวเหวินเทาพูดแทรกไม่ได้ จนกระทั่งตอนนี้จึงได้กล่าวว่า “ที่พี่สาวใหญ่พูดมาถูกต้องหมดเลยล่ะ ภรรยาคุณอย่ากดดันนะ อย่าไปสนใจพี่สะใภ้สี่ ตระกูลจ้าวของพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย คุณดูพ่อกับแม่สิ พวกเขารักพี่สาวใหญ่กับพี่สาวห้ามากขนาดนั้น สมัยก่อนมีคนจำนวนไม่น้อยในหมู่บ้านอยากมาเกี่ยวดองด้วย แต่พ่อแม่มีสายตาเฉียบแหลม ไม่ตอบรับสักคนเลย”
พี่สาวใหญ่จ้าวดุด้วยรอยยิ้ม “ยังจะแซวฉันกับพี่สาวห้าของนายอีกเหรอ?”
แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย คำพูดนี้ไม่ผิดสักนิดเดียว พ่อแม่ของหล่อนปฏิบัติกับหล่อนและน้องสาวห้าอย่าไร้ที่ติ สมัยนั้นถ้าพวกน้องชายรับประทานอะไร พวกหล่อนที่เป็นพี่สาวน้องสาวก็จะได้รับประทานด้วย เช่นการเรียนหนังสือ พวกหล่อนที่เป็นพี่สาวน้องสาวก็ได้เรียนเช่นเดียวกัน
ไม่เหมือนลูกสาวบ้านอื่นที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็กจนโต ได้รับประทานน้อยที่สุดแต่ทำงานมากที่สุด แต่งงานออกไปครอบครัวฝ่ายหญิงยังต้องให้สินเดิมเจ้าสาวด้วย หลังจากแต่งงานแล้วยังต้องถูกสูบเลือดสูบเนื้อต่ออีก
เย่ฉูฉู่แย้มยิ้มขณะฟัง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จึงคุยกันต่ออีกสักพัก พี่สาวใหญ่จ้าวเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดลงจึงบอกให้พวกเขาไปเยี่ยมพี่สาวห้าจ้าวบ้าง
“เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดินทางระวังกันด้วยนะ” พี่สาวใหญ่จ้าวเดินมาส่งพวกเขา พร้อมกล่าวเตือน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านจ้าวมีทัศนคติต่อลูกสาวหลานสาวดีมากเลยค่ะ น้อยมากที่บ้านคนจีนยุคนั้นจะเป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่คือเห็นลูกสาวเป็นคนใช้ในบ้านน่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)