ตอนที่ 97 งานเลี้ยงของแม่ม่ายหม่า
“ลูกชายเอาแต่กินข้าวอย่างเดียวมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ไม่กินข้าวแล้วจะโตได้ยังไงล่ะ? ลูกสาวมีชีวิตเพื่อทำงาน ย่อมต้องทำทุกอย่างอยู่แล้ว” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว
พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวต่างพูดไม่ออก พี่สะใภ้สี่จ้าวอยากได้ลูกชายจนเป็นบ้าไปแล้ว
พี่สะใภ้ทั้งสามคนมาเพียงครู่เดียวก็กลับไป พี่สะใภ้สี่ยังกล่าวกับพี่สะใภ้ทั้งสองว่า “พวกพี่อย่ามองว่าน้องสะใภ้หกบอกว่าลูกชายหรือลูกสาวก็ได้ แต่ในใจก็ต้องอยากได้ลูกชายอยู่แล้ว ตั้งตารอคอยแน่นอน!”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอ น้องสะใภ้หกไม่ใช่พวกที่ไม่ชอบลูกสาว ฉันเห็นว่าหล่อนปฏิบัติต่อซานหยากับซื่อหยาเป็นอย่างดีเลยนะ” พี่สะใภ้สามจ้าวเตือนขึ้นมา เพื่อให้น้องสะใภ้คนนี้หยุดพูดเรื่องนี้
พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับไม่ฟัง ยังกล่าวต่อไปว่า “นี่เพิ่งจะท้องก็ไม่อยากเห็นเนื้อสัตว์แล้ว ไม่ใช่พรที่ดีเลย ต้องเป็นลูกสาวแน่นอน”
พี่สะใภ้รองจ้าวหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวเดินออกไปก่อน พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่อยากเดินไปพร้อมกับพี่สะใภ้สี่จ้าวเช่นกัน
พี่สะใภ้สี่จ้าวเบ้ปาก กล่าวพึมพำ “เป็นเพราะพวกพี่ทั้งสองคนมีลูกชายแล้วถึงพูดจาไร้สาระได้ ถ้ายังไม่มีลูกชาย บางทีอาจจะอยู่ไม่สุขกว่าฉันก็ได้!”
พอพี่สะใภ้สี่กลับถึงห้อง ก็หยิบพริกดองมารับประทาน ลูกคนนี้ของหล่อนต้องเป็นลูกชายแน่ ๆ ส่วนครอบครัวเจ้าหกต้องได้ลูกสาวถึงจะดี!
เย่ฉูฉู่ย่อมไม่รู้ว่าพี่สะใภ้คนนี้จะ ‘ห่วงใย’ นางมากขนาดนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าไม่ใช่คนดี
วันรับประทานบะหมี่มงคล*ต้อนรับลูกของหลี่เฉียจื่อได้มาถึงในวันที่สาม
*เป็นธรรมเนียมการฉลองให้กับเด็กเกิดใหม่อย่างหนึ่ง ตามธรรมเนียมเดิมต้องกินบะหมี่ก่อนจะเข้ามาเยี่ยมทารกแรกเกิด แล้วคนที่เป็นเจ้าบ้านก็จะจัดงานเลี้ยงให้กับแขกที่มาเยือน
เย่ฉูฉู่หยิบวุ้นเส้นไปสองก้อนและไข่ไก่อีกหกฟอง ซึ่งเธอได้ถามพวกพี่สะใภ้แล้ว พวกพี่สะใภ้เอาไปเท่าไรเธอก็จะเอาไปเท่านั้น ของทั้งหมดถูกวางบนถาดชา ด้านนอกห่อด้วยผ้าสีแดง ห่อผูกปมแล้วใช้มือหิ้ว
พี่สะใภ้สี่จ้าวหยิบแป้งสาลีหนึ่งถ้วยและไข่ไก่หกฟองอย่างไม่เต็มใจ
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวก็หยิบมาแบบนี้เช่นกัน
ในช่วงเวลานี้ที่ทุกบ้านต่างยากจน ของดี ๆ มีน้อย มากน้อยแค่ไหนก็ถือว่าเป็นน้ำใจ ไม่มีใครเลือก
บ้านของหลี่เฉียจื่ออยู่ที่หน้าถนนใหญ่ทางทิศตะวันตก เป็นบ้านดินสามห้อง ลานหน้าบ้านสั้นด้านหลังยาว ลานหลังบ้านเลี้ยงไก่ มีเล้าไก่อยู่ บ้านดินที่อยู่ทางด้านหน้าลานบ้านทั้งซ้ายและขวามีไว้เก็บของไม่ต่างจากบ้านอื่น ๆ ในหมู่บ้านนัก
หลี่เฉียจื่อเป็นคนที่ใช้ชีวิตเป็น อย่ามองว่าภายนอกจะยากจนมาก อันที่จริงเขาไม่ได้มีฐานะยากจนเลย ไม่เช่นนั้นแม่ม่ายหม่าคงไม่ได้รับประทานไก่สองสามตัวตอนตั้งครรภ์จนทำให้คนในหมู่บ้านตกใจหรอก
เย่ฉูฉู่และเหล่าพี่สะใภ้เข้าไปพร้อมกัน ตระกูลหลี่มีแขกมาเยี่ยมแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงก็เป็นเด็ก ส่วนเหล่าผู้ชายต่างไม่สะดวกที่จะมางานรับประทานบะหมี่มงคลของเด็กเกิดใหม่นี้
“คุณป้า ยินดีด้วยนะคะ!” พี่สะใภ้รองจ้าวพี่สะใภ้สามจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เย่ฉูฉู่เดินตามด้านหลังก็พอแล้วไม่ต้องกล่าวอะไรมากความ
ป้าหลี่กำลังออกมาตากผ้า ซึ่งเป็นผ้าอ้อมเด็ก
ในช่วงเวลานี้ไม่มีผ้าอ้อมแบบใช้แล้วทิ้งหรือผ้าที่เป็นผ้าอ้อมโดยเฉพาะ สิ่งที่ใช้คือเสื้อผ้ากันหนาวในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ไม่ได้ใส่นำมาตัดเป็นชิ้น ๆ หรือไม่ก็ผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตั้งแต่เกิดมาเด็กก็รู้จักปัสสาวะแล้ว การซักล้างผ้าอ้อมจึงเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง การดูแลทารกในช่วงนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ดี ๆ ๆ!” ใบหน้าของป้าหลี่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังนางตากผ้าอ้อมเสร็จจึงเรียกให้ทุกคนเข้าไปในบ้านด้วยมือที่แดงก่ำ
ตรงกลางเป็นห้องโถง ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ใช้รับประทานอาหาร
เตียงเตาของบ้านตระกูลหลี่ตั้งอยู่ทิศใต้ ดังนั้นเมื่อเข้าประตูมาก็เป็นเตาเลย เพราะหลี่เฉียจื่อและแม่ม่ายหม่าอาศัยอยู่กันเอง จึงอาศัยอยู่ในห้องทางทิศตะวันออก
เย่ฉูฉู่และพี่สะใภ้รองจ้าววางของไว้บนโต๊ะห้องโถง จากนั้นเดินเข้าไปในห้องทางทิศตะวันออกเพื่อเยี่ยมเด็กทารกแรกเกิด
ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว เด็กแรกเกิดต้องห้ามโดนลม หน้าต่างในห้องจึงมีม่านผ้าฝ้ายติดไว้ บนหัวเตียงก็มีม่านผ้าฝ่ายติดไว้ด้วย
แม่ม่ายหม่านั่งอยู่บนหัวเตียง คลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่สองผืน บนศีรษะสวมหมวกผ้าฝ้าย บนหน้าผากมีผ้าขนหนูหนึ่งผืน บนร่างกายของหล่อนยังมีเสื้อนวมบุฝ้ายตัวใหญ่ เรียกได้ว่าปกคลุมอย่างแน่นหนา
แม่ม่ายหม่ามีสีหน้าดูดีใช้ได้ บางทีอาจเป็นเพราะตอนตั้งครรภ์ได้รับประทานไก่ หล่อนจึงมีร่างกายอวบอ้วนผิวขาว ส่งผลให้เห็นจุดด่างดำบนใบหน้าเห็นชัดขึ้น
“พวกเรากินบะหมี่น้ำกันก่อนมาแล้วนะคะ” พี่สะใภ้รองจ้าวเป็นตัวแทนของสะใภ้ตระกูลจ้าวได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
บะหมี่น้ำเป็นของแสดงความยินดีกับทารกแรกเกิด
แม่ม่ายหม่าย่อมมีความสุข การมาหาในช่วงเวลานี้นับเป็นการให้เกียรติแล้ว ครั้งนี้เธอให้กำเนิดลูกชาย หล่อนจึงยืดหยัดขึ้นมาได้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มานั่งก่อนเร็ว มาดูลูกชายของฉันสิ”
เด็กน้อยที่นอนอยู่ด้านข้างแม่ม่ายหม่ายังคงหลับตานอนหลับอยู่ เด็กทารกแรกเกิดอายุสามวันดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่ก็ยังมองออกว่าเป็นเด็กที่ตัวใหญ่มาก
“โอ้ เด็กจ้ำม่ำแบบนี้นี่หายากมากเลยนะคะ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวจ้องมองตาไม่กะพริบ จ้องตาเป็นมันเกือบจะเข้าไปกอดแล้ว
แม่ม่ายหม่าภูมิใจเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มแย้ม หล่อนรู้ว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวนั้นมีลูกสาวสองคน!
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้อวบอ้วน จึงถามแม่ม่ายหม่าว่า “ตอนคลอดออกมาหนักเท่าไรเนี่ยคะ?”
“เจ็ดชั่งกว่า ๆ ค่ะ” แม่ม่ายหม่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อ้วนมากเลยล่ะ”
“ใช่ ตอนฉันคลอดหม่าต้านยังแค่หกชั่งเอง” พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้าพลางกล่าว
พี่สะใภ้รองจ้าวถอนหายใจกล่าวว่า “ของเถี่ยต้านยังไม่ถึงห้าชั่งเลย ตัวเล็กอย่างกับหนู เดี๋ยวพวกเธอก็ตามทันแล้ว”
พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินพี่สะใภ้ทั้งสองคุยกันเรื่องลูกชาย ตัวเองไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวสองคน จึงอึดอัดเล็กน้อย
คอยก่อนเถอะ รอให้ลูกชายของหล่อนเกิดมาก่อน จะต้องหนักแปดชั่งแน่นอน!
จากนั้นหล่อนจะตั้งชื่อเล่นว่า ปาจิน(แปดชั่ง) ด้วย!
เย่ฉูฉู่ยังไม่มีลูก จึงไม่สามารถคุยเรื่องเด็กทารกได้ เธอทำได้แค่ยิ้มไม่พูดไม่จา
งานเลี้ยงแบบนี้แต่มาร่วมด้วยก็พอแล้ว อันที่จริงเธอไม่ได้สนิทกับคนอื่นๆ แต่ถ้าเธอไม่มา ก็จะถูกผู้คนบอกว่าไม่เข้าสังคม หัวสูง ดูถูกคน
ในขณะนั้นเองได้มีผู้หญิงผิวสีตัวผอมอายุห้าสิบกว่าปีเดินเข้ามา มองดูพวกเธอพูดคุยกันขณะที่ผ้าม่านยกขึ้น จึงกล่าวว่า “พอแล้ว พวกเธอรีบปิดผ้าม่านเร็ว อย่าให้เด็กกับผู้ใหญ่โดนลม!” น้ำเสียงไม่ได้สุภาพเท่าไรนัก
“แม่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แม่ม่ายหม่ารีบกล่าว พลางกล่าวกับพวกพี่สะใภ้รองจ้าวว่า “นี่แม่ของฉันเอง มาดูแลฉันช่วงอยู่เดือนน่ะ”
เย่ฉูฉู่มองผู้หญิงผิวสีร่างผอมหางตาชี้โหนกแก้มสูง แค่เห็นก็ไม่อยากสุงสิงด้วยแล้ว
มองแค่ปราดเดียว พี่สะใภ้รองจ้าวก็เข้าใจได้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็คุณแม่นี่เอง ถึงได้เป็นห่วงลูกสาวของตัวเอง เอาล่ะค่ะ พวกเรามาเยี่ยมเด็กแล้ว งั้นเราไปนั่งที่ห้องนั้นกันเถอะ”
แม่ของแม่ม่ายหม่ากล่าวว่า “คลอดออกมาเอง ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว ไปนั่งเล่นห้องนั้นเถอะ ของเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“ได้ค่ะ” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวกับแม่ม่ายหม่าว่า “เธอพักผ่อนเถอะ พวกเราไปแล้ว”
“ได้ พวกเธอก็กินเยอะ ๆ นะ” แม่ม่ายหม่ากล่าว
ทุกคนออกมาถึงห้องทิศตะวันตก บนเตียงของห้องทิศตะวันตกมีโต๊ะอยู่สองตัว คนที่นั่งอยู่ล้วนเป็นผู้หญิงและเด็กในหมู่บ้าน หลังจากกล่าวทักทายจึงนั่งลง
หลี่เฉียจื่อเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับไก่ที่ถูกฆ่าเสร็จแล้ว เขามองดูผู้หญิงทั่วทั้งห้องและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานนะ ผมจะต้มไก่ให้พวกคุณกิน ดูสิฆ่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”
“เฮ้ หลี่เฉียจื่อ นายเพิ่งจะฆ่าไก่เหรอ พวกเรานั่งกันเรียบร้อยแล้วนะ เมื่อไหร่จะได้กินล่ะ?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวติดตลก
พี่สะใภ้รองจ้าวเป็นที่นิยมมากในหมู่บ้านนี้ เวลานี้หล่อนจึงกล้ากล่าวออกมา
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้รองจ้าวนี่ไม่รู้อะไรเลย นี่ไม่ใช่ให้พวกเรากินนะ แต่ให้ภรรยาของเขากินต่างหากล่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สะใภ้สี่นี่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนะคะ ขนาดฉูฉู่เองยังไม่คิดมากเลย
เด็กตัวหนักแปดชั่งนี่ตัวใหญ่มากเลยนะคะ ถึงเวลาคลอดจะคลอดลำบากหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)