ตอนที่ 107 การเดิมพัน
ผู้คนมากมายต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวชาวนาคนหนึ่งจะมีฝีปากกล้าถึงเพียงนี้!
มุมปากซูหวานหว่านพลันกระตุกขึ้นและกล่าวว่า “เป็นอะไรไป? พวกเจ้าไม่กล้าเดิมพันงั้นหรือ เดิมพันกันหนึ่งต่อสิบ พวกเจ้าเดิมพันว่าข้าไม่ชนะ ซึ่งหากพวกเจ้าชนะ ข้าจะจ่ายเงินให้กับพวกเจ้า 10 ตำลึง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้คนต่างคึกคักขึ้นมาและสงสัยว่าซูหวานหว่านมีเงินงั้นหรือ? เห็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งวางลงบนมืออีกข้าง
“เดิมพัน! เรื่องอะไรจะไม่เดิมพันเล่า!” มีคนพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
คนอื่น ๆ ต่างพากันตอบตกลง “นางเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่ง แน่นอนว่านางต้องไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน! พวกปลาเหล่านี้นางต้องไม่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของมันแน่นอน! พวกเราชนะการเดิมพันแน่!”
“ใช่!”
“…”
พวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน? เช่นนั้นข้าจะทำลายความมั่นใจเหล่านี้ของพวกเขาเอง! ซูหวานหว่านเก็บเงินเดิมพันมาจากคนพวกนั้น เมื่อหลายคนได้ยินเกี่ยวกับการเดิมพันครั้งนี้ก็ขอร่วมเดิมพันด้วย แม้แต่สาวใช้ของเป้ยเอ๋อร์นางก็ลงเดิมพันถึง 50 ตำลึง ดูท่าแล้วซูหวานหว่านน่าจะสิ้นเนื้อประดาตัวก็คราวนี้แหละ
ซูหวานหว่านหัวเราะและลงมือนับเงินเดิมพัน รวมทั้งหมดแล้วเป็นจำนวน 150 ตำลึง!
ไม่เลวเลยทีเดียว! ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะหาเงินได้ไม่นานก็ได้มามากมายเสียแล้ว
ซูหวานหว่านวางเงินเดิมพันเอาไว้ข้าง ๆ แล้วเดินไปยังบ่อปลาท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มคน
ในบ่อน้ำมีปลาหลากหลายชนิด ทั้งยังมีรูปร่างแปลกตาอย่างเช่นปลาตัวหนึ่งที่มีปากยื่นออกมาเหมือนท่อนไม้อันเล็ก ๆ
มันคือปลาอะไร? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วพยายามนึกว่ามันคือปลาชนิดใด และนางก็ได้คำตอบว่ามันคือปลากระโทงดาบ ทว่านางไม่รู้ว่ายุคนี้เรียกว่าปลาอะไร เด็กสาวยกมือขึ้นนวดขมับอย่างใช้ความคิด
“ดูสิ! เจ้าไม่สามารถทำได้หรอก! ไม่รู้จะเสแสร้งไปทำไม! รีบจ่ายเงินเดิมพันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป! คนโง่ก็คือคนโง่อยู่วันยังค่ำ” เหยียนเอ๋อร์ที่นั่งดูอยู่เอ่ยออกมา
ซูหวานหว่านยื่นมือลงไปในบ่อน้ำ นางเทน้ำแร่จากมิติฟาร์มลงข้างปากของพวกมัน ปากของพวกมันขยับเล็กน้อย เด็กสาวจึงตอบออกมาว่า “นี่คือปลาดาบ”
และใช้นิ้วชี้ไปที่ปลาที่อยู่ห่างออกไป “นั่นคือปลาจวด เป็นปลาที่มีราคาสูง”
ซูหวานหว่านสามารถบอกชื่อได้ทุกชนิด!
ทุกคนต่างตกตะลึงและเจ็บปวดกับเงินที่ตัวเองต้องเสียไปกับการเดิมพันในครั้งนี้ และอยากจะได้เงินของตัวเองคืน ทว่าซูหวานหว่านกลับหยิบเงินพวกนั้นขึ้นมาก่อน นางนำเหรียญเงินใส่ห่อผ้าแล้วม้วนเก็บก่อนจะคลี่ยิ้ม “ขอบคุณทุกท่านมาก ข้ามีนามว่าซูหวานหว่านและข้าขอลงสมัครในการแข่งขันครั้งนี้! แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ!”
พูดจบเด็กสาวก็เดินออกไป ทำให้ผู้คนรู้สึกโกรธจนกระทืบเท้า เหยียนเอ๋อร์จึงพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้เจ้าอาจจะชนะ ข้าจะรอดูพรุ่งนี้ว่าเจ้าจะผ่านการแข่งขันรอบแรกอย่างไร!”
ถึงจะพูดออกไปเช่นนั้น ทว่าเหยียนเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียใจกับเงิน 50 ตำลึงที่ตนเองลงเดิมพัน นางใช้เวลานับปีกว่าจะออมเงินได้จำนวนนั้น! ไม่ทันไรก็ถูกซูหวานหว่านเอาเงินนั้นไป! มันน่าหงุดหงิดนัก! นางไม่ต้องการให้ซูหวานหว่านลงสมัครครั้งนี้เลย แต่ก็เกรงว่าพรุ่งนี้จะพลาดเรื่องสนุก ๆ นางจึงปล่อยให้ซูหวานหว่านลงสมัคร
ณ ตอนนี้ซูหวานหว่านได้เก็บเงินและอยากโยนเข้าไปในมิติฟาร์ม แต่เนื่องจากฮวงเหล่าติดตามนางมาด้วยจึงไม่ทางเลือกอื่น นอกจากนำเงินไปฝากไว้ที่ร้านแลกตั๋วเงิน ซึ่งป๋านเหล่าทำการฝากเงินให้ซูหวานหวาน จากนั้นเด็กสาวก็ขอแลกเหรียญเงินออกมาจำนวนหนึ่ง ในตอนที่นางจะออกมาจากร้านแลกตั๋วเงิน ป๋ายเหล่าก็มองเห็นฮวงเหล่าจึงถามขึ้นว่า “อาหารเตรียมครบแล้วหรือยัง? โดยเฉพาะขนมดอกท้อแสนอร่อยนั่น! และเหล้าบ๊วยที่นางโปรดปราน”
เป็นครั้งแรกที่ซูหวานหว่านเห็นว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีปากมีเสียงกัน ทว่านางก็ประหลาดใจเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขา จึงยืนฟังอย่างเงียบ ๆ
“เตรียมพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว! ทุกปีข้าจะหมักเหล้าใหม่ให้กับนาง ปีนี้ข้าได้หมักเหล้าบ๊วยเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว! รสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก! เจอกันวันมะรืนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน!” ฮวงเหล่าบอกด้วยใบหน้าโศกเศร้าเล็กน้อย
“ได้” ป๋ายเหล่าตกลงพร้อมกับโยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมา “เอามันไปใส่! อย่าทำให้ข้าขายขี้หน้า! แม้ว่านางจะไม่อยู่แล้ว แต่การที่เจ้าแต่งตัวด้วยเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งเช่นนี้ นางอาจจะไม่ชอบใจได้!”
จริง ๆ แล้วทั้งสองคนต่างเป็นห่วงกันและกัน ซูหวานหว่านที่ลอบฟังบทสนทนาอยู่ทำให้นางได้รับรู้ว่าทั้งสองได้ให้คำมั่นกับใครคนหนึ่งเอาไว้ เด็กสาวจึงคิดว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องคู่กัด
เมื่อพูดถึงคำว่า ‘หลงใหล’ ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นมาภายในใจของเด็กสาว ทำให้นางรู้สึกเศร้าใจอีกครั้ง
ฮวงเหล่าเรียกชื่อนางและนางก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ทั้งสองเดินกลับไปยังบ้านของฮวงเหล่า ระหว่างทางได้ผ่านร้านอาหารเจวียเซ่อ การตกแต่งร้านเป็นไปอย่างราบรื่น ภายในร้านยังคงวุ่นวายอยู่มาก ซูหวานหว่านเดินเข้าไปในร้านเพื่อดูว่าการต่อเติมดำเนินไปถึงไหนแล้ว ซึ่งเด็กสาวได้พบโต๊ะขึ้นสำรับที่นางเป็นคนคิดค้น มันสามารถทำออกมาได้ดีจริง ๆ นางได้ทดลองใช้งานมันและก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ผู้ดูแลหลิวรีบเดินเข้ามาบอกด้วยความกังวล “ตระกูลสือกำลังจะเปิดร้านอาหารและกำลังจัดการแข่งขันทำอาหาร โดยให้เหล่าพ่อครัวมาประชันฝีมือกัน หากร้านอาหารใดที่ทำอาหารได้อันดับหนึ่งถึงอับดับสิบจะได้เงินเป็นของรางวัล ร้านอาหารของเราก็เหมือนจะรับคำเชิญจากร้านหงเหมินให้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ข้าบอกกับพ่อครัวไปแล้ว! แต่พวกเขาบอกว่าหากไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้จะไม่เป็นเหมือนการขุดหลุมฝังตัวหรือ? พวกเราควรทำอย่างไรดี!”
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป” ซูหวานหว่านพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ “ให้พ่อครัวของเรามีส่วมร่วมในการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย หากเราได้สิบอันดับแรก ข้าจะจ่ายเงินให้คนละ 100 ตำลึง! ถ้าเราติดอันดับสิบเอ็ดถึงยี่สิบข้าจะให้เงินกำนัลคนละ 50 ตำลึง!”
ซูหวานหว่านใจกว้างเกินไปแล้ว! เหตุใดต้องเสียเงินมากมายขนาดนั้น ผู้ดูแลหลิวอยากจะถามออกมา ทว่าซูหวานหว่านก็ดันพูดออกมาอีกครั้ง “พวกเราจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นสวัสดิการที่ดีของร้านอาหารที่ต้องทำ เพื่อให้เขารู้สึกมีใจอยากเข้าร่วมการแข่งขันที่ร้านหงเหมิน หากพวกเขาปฏิเสธคำเชิญ ฝ่ายนั้นจะเอาไปพูดได้ว่าร้านอาหารของเราไม่เข้าร่วมและจะทำให้เราขายขี้หน้ามากกว่า!”
กลยุทธ์ดี! ความคิดดี! ผู้ดูแลหลิวยิ้มออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รีบวิ่งไปบอกพ่อครัวทันที
ซูหวานหว่านออกมาจากร้านและมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของฮวงเหล่า พอกลับไปถึงก็ลงมือทำอาหาร หลังจากที่นางทำอาหารเสร็จแล้ว จึงเรียกเสี่ยวเฮ่ยมากินข้าวด้วยกันก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน
เมื่อซูหวานหว่านเข้าไปในห้องของตนเองพร้อมกับปิดประตูลง หลังจากนั้นนางก็ทำการถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มทันที!
ภายในมิติฟาร์ม ฝั่งที่มีฝนตกอยู่ตอนนี้ได้มีแดดส่องออกมาเล็กน้อย ซูหวานหว่านเก็บดวงอาทิตย์ดวงน้อยที่นางแลกออกมาเอาไว้ พลันใดหลิงเชอก็เดินเข้ามาและพูดว่าข้างหูนางว่า “เจ้าบ้าน ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นสตรีใจแข็งเช่นนี้! เหมือนว่าท่านจะไม่ได้รักฉีเฉิงเฟิงแล้ว!
“อย่าพูดถึงเขา!” ซูหวานว่านจ้องหลิงเชอด้วยหน้าถมึงทึง เขาจึงหยุดพูดทันที เด็กสาวนำเมล็ดพันธุ์พริกที่เก็บเอาไว้ไปปลูกที่แปลง และวันนี้นางก็ปลูกพริกไปได้ถึง 3 แปลงด้วยกัน เมื่อปลูกพริกเสร็จก็นั่งลงพักผ่อน ท้องฟ้าในตอนนี้ช่างสว่างไสวนัก
อาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยล้าเกินไป ทำให้เด็กสาวเกือบจะผิดเวลานัดหมายของการแข่งขัน ฮวงเหล่าเข้ามาปลุกนางถึงในห้อง จากนั้นทั้งสองก็รีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารหงเหมิน
ตอนนี้ถนนหน้าร้านอาหารถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก เมื่อเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามา ผู้คนต่างจับจ้องไปที่นาง “เหตุใดเพิ่งมาตอนนี้! พวกเราทั้งหมดรอเจ้าอยู่เพียงคนเดียว คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”
ซูหวานหว่านชำเลืองมองก้านธูปที่ปักอยู่ด้านข้าง นางรับรู้ว่านั่นเป็นเครื่องหอมที่เอาไว้ใช้จับเวลาจึงพูดออกมาว่า “ข้ามาสายงั้นหรือ? ข้ามาเวลานี้ก็ถูกต้องแล้ว พวกเจ้ามากันเร็วไปต่างหาก! หากไม่เชื่อเจ้าก็ดูที่ก้านธูปหอม ยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งเค่อถึงจะถึงเวลาการแข่งขัน”
“เจ้า!” ชาวบ้านผู้นั้นสบถออกมาด้วยความโกรธ
ซูหวานหว่านมองดูพลันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางเหลือบมองฮวงเหล่าและกวักมือเรียกเขาให้เข้ามา จากนั้นนางก็กระซิบบางอย่างสองสามประโยค และฮวงเหล่าก็ตะโกนออกมา “วันนี้ใครคิดว่าซูหวานหว่านจะผ่านบททดสอบขั้นแรกได้ มาวางเดิมพันกันเถอะ!”
“บททดสอบขั้นแรกงั้นหรือ?” ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างตะโกนขึ้น
หลังจากถามสิ่งที่สงสัยออกไปแล้ว ก็ได้รู้ว่าบททดสอบแรกเป็นเพียงการทำอาหารธรรมดา ๆ เท่านั้น ซูหวานหว่านต้องผ่านมันอย่างแน่นอน
จากการคาดเดา ซูหวานหว่านจะได้เงินจากการเดิมพันครั้งนี้ถึง 100 ตำลึง เมื่อคิดได้เช่นนี้เหยียนเอ๋อร์ก็นำเงินออกมาวางเดิมพัน ทว่าถูกเป้ยเอ๋อร์เรียกตัวและเอ่ยบางอย่าง
จากนั้นนางก็รับเงิน 100 ตำลึงมาและนำไปวางเดิมพัน พลันคิดในใจ ‘นางต้องการให้ซูหวานหว่านผ่านบททดสอบแรก เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เข้าไปแข่งในรอบถัดไปและซูหวานหว่าจะได้รับความอับอายอย่างถึงที่สุด! นางจำต้องติดสินบนเพื่อให้ซูหวานหว่านผ่านบททดสอบนี้!’
ทันทีที่นางวางเงินเดิมพัน หญิงสาวก็เห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้ทุกคนประหลาดใจเหล่าคนดูเริ่มพูดคุยกัน
อะไรกัน? ซูหวานหว่านจะวางเดิมพันว่าตนเองชนะงั้นหรือ? นางจะมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว? แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็เห็นว่าซูหวานหว่านได้วางเงินเดิมพัน 50 ตำลึงลงฝั่งว่า…… ตนเอง ‘ไม่ผ่าน’!!
สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนสี
“ซูหวานหว่าน! เจ้าหมายความว่าอย่างไร!” มีคนถามขึ้นมาท่ามกลางความงุนงง