ซูหวานหว่านยักไหล่และพูดกับชาวบ้านทุกคน “ข้าจะแจกจ่ายต้นกล้าพริกให้เพียงแค่ 1,000 ต้นให้กับคนในหมู่บ้านของเราเท่านั้น จ่ายเพียงแค่ 10 เหรียญจะได้ต้นพริกไป 30 ต้น ผู้ที่เซ็นสัญญากับข้าก่อนจะได้สิทธิ์นั้นก่อนใคร”
ชาวบ้านทุกคนกังวลใจ มีเพียงพันต้นเท่านั้น! หากมัวรีรออาจจะไม่ทันการ! แต่หากพวกเขาไม่ตอบตกลงซูหวานหว่านไปและนำเงินไปซื้อต้นกล้าด้วยตัวเองตามที่ฮวงต้าถงพูดมามันก็…
ฮวงต้าถงยิ้มจาง ๆ แล้วหยิบเอกสารคล้ายใบสัญญาออกมาพร้อมกับพูดออกมาว่า “ข้าจะบอกอะไรเกี่ยวกับข้าให้ฟัง! ข้าเป็นคนรับซื้อพริกจากร้านอาหารไท่อัน! และข้าก็ยังปลูกพริกเองอีกด้วย! พวกเจ้าสามารถจ่ายเงินแค่ 10 เหรียญแต่ได้ต้นกล้าพริกไปถึง 50 ต้น! หลังจากนั้นข้าจะรับซื้อพริกที่พวกเจ้าเอามาขายกันในราคา 1 ชั่ง 20 เหรียญ!”
“ที่แท้เจ้าก็ปกปิดเรื่องนี้อยู่!” ชาวบ้านต่างตกใจเมื่อพวกเขาเจอคำพูดที่น่าดึงดูดของฮวงต้าถง ชาวบ้านพากันไปลงชื่อทำการค้ากับฮวงต้าถงทันทีและไม่ได้สนใจอะไรซูหวานหว่านอีกต่อไป
ภายในบ้าน ใบหน้าของแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงเรียบเฉย ซูหวานหว่านยืนอยู่คนเดียวด้วยความสงบเพื่อคลายความโกรธ หลังจากปลอบโยนพ่อแม่ของตนเองเสร็จแล้ว นางก็เดินเข้าไปในห้องโถงและนั่งลงพร้อมกับพูดว่า “อย่าไปโทษว่าเป็นความผิดของฮวงต้าถงเลย หากไม่ใช่เพราะครอบครัวเราไม่มีทุ่งนา ข้าก็อยากที่จะไปซื้อต้นกล้าพริกกับเขามาปลูกด้วยเช่นกัน! มันคงจะรวยน่าดู!”
ซูหวานหว่านพูดต่อ “ท่านแม่! ข้าปลูกต้นพริกมาก่อน อีกทั้งข้ายังไม่เคยพูดถึงต้นกล้าพริกมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาไปเจอต้นพริกได้ที่ใด? อย่าว่าแต่แปลงปลูกพริกเลย!”
ซูหวานหว่านคาดเดาว่าพริกที่ฮวงต้าถงนำมาจะต้องเป็นของปลอมแน่นอน
พลันใดนั้นเด็กสาวก็เหลือบเห็นฮวงต้าถงเดินไปที่หน้าประตูบ้านของนางพร้อมถือต้นพริกจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในลานบ้านของนาง
ลำต้นมันดูสั้นมาก อีกทั้งใบของมันยังใหญ่และมีหนามอีก ซูหวานหว่านชำเลืองตามองออกไปนอกหน้าต่างและสังเกตดู นางอดที่จะเป็นห่วงพวกชาวบ้านไม่ได้
หากชวนบ้านแห่กันไปซื้อจำนวนมาก โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังปลูกต้นอะไรอยู่เพียงเพราะเห็นแก่เงิน พวกชาวบ้านอาจจะไม่มีพื้นที่เอาไว้ปลูกพืชกินก็ได้ แล้วแบบนี้ภายภาคหน้าพวกเขาจะเอาอะไรกิน?
นางควรจะบอกชาวบ้านดีหรือไม่? ซูหวานหว่านลูบคางของตัวเองด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ฮวงต้าถงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูหวานหว่าน เขาหัวเราะพร้อมพูดออกมาเสียงดัง “แม่นางซู! ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยนะ! ที่ตอนนี้ข้าบังเอิญมาขโมยกิจการของเจ้าไป! ข้าจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อพูดจบฮวงต้าถงก็เตรียมพาชาวบ้านเดินออกไป ซูหวานหว่านจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร ลานบ้านของข้ากว้างใหญ่อยู่แล้ว ให้ท่านยืมใช้พื้นที่เดี๋ยวเดียวจะเป็นไรไป”
จากนั้นก็พูดต่อมาอีกว่า “แต่ข้าอยากขอเตือนทุกคน ให้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาการตัดสินใจซื้อของจากฮวงต้าถงให้ดี”
ฮวงต้าถงเป็นคนนิสัยอย่างไรชาวบ้านไม่ได้ให้ความสนใจ ในหัวของพวกเขาตอนนี้มีเพียงเรื่องการปลูกพริกและเงินที่จะได้มาจากการขายพริกเท่านั้น ทำให้พวกเขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
นี่มันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยต่างหาก!
หนึ่งในชาวบ้านก็พูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! อย่ามาพูดอะไรเลย! เจ้าให้ราคาพวกข้าแค่ 1 ชั่ง 8 เหรียญมันน้อยไปด้วยซ้ำ ทั้งยังให้พวกเราซื้อต้นกล้าในราคา 10 เหรียญแต่ได้ต้นกล้ามาเพียง 30 ต้น ข้าไม่สนใจคำพูดที่มาขัดขวางของเจ้าหรอกนะ เจ้าดูฮวงต้าถงสิ เขาเป็นคนที่ใจกว้างมาก!”
“ใช่แล้ว! พูดตรง ๆ ก็คือเจ้ากำลังอิจฉาเขา!”
“…”
เฮอะ! นางอุตส่าห์เตือนพวกเขา ทว่าพวกเขาก็ยังตาบอด! ซูหวานหว่านไม่ได้สนใจที่จะเอ่ยสิ่งใดต่อ นางเดินกลับไปที่ห้องโถงและนั่งลงตามเดิม
ฮวงต้าถงเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และอนุญาตให้ข้าเจราจาทำการค้าที่ดีได้ คงจะไม่เป็นอะไรหากข้าอยากจะขอเข้าไปนั่งข้างในที่ห้องโถง”
ขณะที่พูดจบฮวงต้าถงก็เดินเข้ามาขยับโต๊ะภายในบ้าน หยิบกระดาษและพู่กันที่ซูหวานหว่านเตรียมเอาไว้ มาจดบันทึกว่าพวกชาวบ้านแต่ละบ้านต้องการต้นกล้าพริกเท่าไร
เขาเป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเสียเหลือเกิน! ซูหวานหว่านไม่ได้เอ่ยปากเปิดคำใด นางจะลองดูว่าต้นพริกนั้นจะโตออกมาแล้วเป็นพริกหรือเปล่า!
ซูหวานหว่านคิดทั้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ นางยอมหลีกทางให้เขาและนั่งลงข้าง ๆ ทว่าแม่เจิ้นกลับวิ่งเข้ามาในห้องอย่างโกรธจัด
ทันใดนั้นป๋ายเยว่ซินประคองท่านหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา ตามด้วยกลุ่มเครือญาติของตระกูลป๋ายและแม้แต่คนที่แต่งงานไปแล้วกับหมู่บ้านอื่น ๆ ก็ตามมาด้วย
“ซูหวานหว่าน! ข้าได้ยินเรื่องที่พ่อของเจ้าเอามาพูดแล้ว และข้าวางแผนที่จะนำทุ่งนาทั้งหมดในบ้านของข้ามาปลูกพริก เจ้าจะว่าอย่างไร?” หัวหน้าหมู่บ้านถามออกมา
“พวกข้าก็ด้วย !” บรรดาญาติของหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบพูดออกมาเช่นกัน
ซูหวานหว่านยิ้มพร้อมทั้งตอบออกมาว่า “แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน! อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง ฮวงต้าถงมีต้นพริกเหมือนกันซึ่งราคาถูกกว่าของนางมาก! อีกทั้งเขายังรับซื้อในราคา 1 ชั่ง 20 เหรียญ!”
“หือ?” หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว ชายชราลูบหนวดเคราของตัวเองอย่างครุ่นคิดพลางมองดูต้นพริก ก่อนจะส่ายหัว “แม่นางซูก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเราแม้แต่น้อยตอนมาขายเห็ดหูหนูให้ เช่นนั้นข้าจะร่วมมือปลูกพริกกับนาง นางให้ 8 เหรียญก็คือไม่ผิดแน่ ๆ”
ฮวงต้าถงเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ร้านอาหารไท่อันรับซื้อเห็ดหนูในราคา 1 ชั่ง 30 เหรียญ! แต่ซูหวานหว่านให้แค่ไม่กี่เหรียญ! นางใจดำมาก! ท่านอย่าหลงเชื่อนางเป็นอันขาด!”
หัวหน้าหมู่บ้านได้เข้าไปเยี่ยมญาติในเมืองมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แน่นอนว่าเขารับรู้เรื่องของร้านอาหารไท่อันดีทำไมจะไม่รู้?
เรียกว่าร้านอาหารไท่อันคงจะไม่เหมาะแล้วกระมังตอนนี้! จะมารับซื้อพวกผลผลิตในราคาที่สูงแบบนี้ได้อย่างไรกัน? กิจการร้านกำลังจะพังอีกไม่ช้าด้วยซ้ำ!
“ข้าตัดสินใจดีแล้ว ข้ายินดีที่จะร่วมทำการค้ากับแม่นางซู” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยด้วยท่าทางเฉยเมย กวักมือเรียกให้ซูหว่านหว่านนำสัญญามาลงนามกับเขา
เหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านยังเต็มใจร่วมมือกับซูหวานหว่าน? พวกชาวบ้านต่างเริ่มพูดคุยกัน “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนฉลาดและเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านของเรา แน่นอนว่าเขาต้องคิดว่าตัวเองไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างแน่นอน! พวกเราไปทำธุรกิจร่วมกับซูหวานหว่านดีหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าก้อนเงินของตัวเองกำลังจะหายไปต่อหน้า ฮวงต้าถงก็รีบพูดออกมาทันที “ทุกคนต้องเชื่อใจข้า! ซูหวานหว่านเป็นพวกเอาเปรียบ! ทำงานเหนื่อยแทบตายได้กลับมาแค่ไม่กี่เหรียญ แต่ข้าสามารถทำให้พวกเจ้าได้กินก๋วยเตี๋ยวรสเลิศได้!”
“เฮอะ” ซูหวานหว่านหัวเราะ นางไม่ได้มองฮวงต้าถงเช่นกัน ทว่าฮวงต้าถงกลับมองมาอย่าโกรธจัดจากการถูกซูหวานหว่านเยาะเย้ย “ซูหวานหว่าน! เจ้าหมายความว่าอย่างไร! เจ้าอิจฉาข้างั้นสิ!”
สงสัยเขาจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทำความเข้าใจ! ซูหวานหว่านกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูเหมือนว่าท่านจะพูดจาเกินจริงไป! หากว่าเป็นเรื่องจริงข้าจะไปซื้อทุ่งนาและปลูกพริกกับเจ้าเลย!”
พอพูดจบซูหวานหว่านก็ส่ายหัว พร้อมกับหยิบกระดาษออกมาแล้วจดชื่อหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ “หากเป็นไปได้ ในวันพรุ่งนี้ข้าอยากจะให้พวกท่านอยู่ที่บ้านรอข้าไปหา เพื่อที่จะให้พาข้าไปดูแปลงนาของพวกท่านว่าแปลงไหนที่จะสามารถปลูกพริกได้ หากไม่เหมาะสมที่จะปลูกพริก พวกท่านก็ปลูกพืชผลอื่น ๆ ของท่านเหมือนเดิม”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ก็เห็นได้ชัดว่าซูหวานหว่านมีความเป็นมืออาชีพมาก!
ทำให้เหล่าชาวบ้านที่ปฏิเสธเด็กสาวไปก่อนหน้านี้รู้สึกเสียดายขึ้นมา
ฮวงต้าถงโกรธมากพร้อมกับพูดออกมาว่า “พรุ่งนี้ข้าก็จะไปดูทุ่งนาของพวกท่านด้วย! พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะแนะนำวิธีการปลูกพริกให้กับพวกท่านเช่นกัน! หากพวกท่านไม่สามารถปลูกพริกขึ้นมาได้ ข้ายินดีที่จะจ่ายเงินให้ท่านสิบเท่า!”
ค่าชดเชยถึงสิบเท่า! เมื่ออย่างนั้นทุกคนต่างรู้สึกสบายใจ พร้อมกับจ่ายเงินและรอดูฮวงต้าถงต่อไป
ทันใดนั้นแม่เจิ้นก็ถือหม้อออกมาพร้อมยิ้มที่มีความสุขแล้วพูดว่า “หวานหว่าน! ต้นพริกที่ข้าปลูกเองมันโตแล้ว! เจ้าลองดูสิ!”
ทุกคนหันไปมอง สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปทันที
ต้นพริกนี้แตกต่างจากต้นกล้าพริกของฮวงต้าถงอย่างสิ้นเชิง!
ซูหวานหว่านหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังและวางมันลงบนโต๊ะ เพื่อเปรียบเทียบกับต้นกล้าพริกที่ฮวงต้าถงเป็นคนนำมา สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนสีทันที
สรุปแล้วต้นพริกพันธุ์ไหนคือของแท้กันแน่! ชาวบ้านตกตะลึง