“เจ้าไม่อยากดื่มก็ต้องดื่ม!”
เถ้าแก่หวังยิ้มออกมา เขาจับตัวซูหวานหว่านเอาไว้ ส่วนผู้ดูแลเจียงเป็นคนหยิบจอกเหล้ากรอกใส่ปากของเด็กสาว
เถ้าแก่หวังคิดว่าซูหวานหว่านนั้นดื่มเหล้าจนหมดแล้ว จึงปล่อยตัวนางและมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างเย็นชา “อร่อยหรือไม่?”
“เจ้า… นี่มัน!” ยังไม่ทันกล่าวจบ ร่างกายของนางพลันอ่อนแอและล้มลงบนพื้น
ปัง! ปัง !ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ส่งผลเถ้าแก่หวังตื่นตระหนกและถามออกมาอย่างฉุนเฉียว “นั่นใคร?”
“ท่านเถ้าแก่หวัง เป็นฉีเฉิงเฟิงที่มาเคาะประตู พวกเราจะทำยังไงดี?” คนเฝ้าหน้าประตูถามออกมาอย่างร้อนรน
“ไล่เขาไปซะ!” เถ้าแก่หวังกล่าว
ผู้คนต่างยกย่องในความเฉลียวฉลาดของเถ้าแก่หวัง
แน่นอนว่าขนตาของซูหวานหว่านนั้นสั่นไหวเล็กน้อย และดวงตาของนางก็เปิดขึ้น
“ทุกคนหยุดพูดประจบประแจงได้แล้ว! เถ้าแก่อย่างข้าไม่ชอบฟัง” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉีเฉิงเฟิงก็ไม่สามารถมาขัดขวางข้าได้! ถึงเวลาที่พวกเราจะร่วมมือกันแล้ว! ร้านอาหารเจวียเซ่อน่าเกลียดเกินไป ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาร้านของนางกอบโกยกำไรได้มากมาย อีกทั้งลูกค้าตามท้องถนนเกือบทั้งหมดก็ถูกร้านของนางดึงดูดไป ทำให้ร้านของพวกเราไม่มีรายได้เข้ามา! ตอนนี้เราควรกำจัดร้านเจวียเซ่อซะ!”
“ใช่เลย! ร้านอาหารเจวียเซ่อใช้ข้าวสารของข้าประมาณ 1,500 ชั่งได้!” ผู้ดูแลเจียงนำสัญญาออกมาและพูดเยาะเย้ย “ร้านของข้าจะส่งข้าวสารขึ้นราให้กับร้านของนางเพื่อจัดการนาง!”
“ข้าจะนำเหล้าแย่ ๆ จากร้านของข้าไปขายให้กับนาง!”
“…”
ที่แท้พวกเขาก็ต้องการเอาเปรียบนาง ไม่เพียงแต่เอาของที่ไร้คุณภาพมาขายให้ แต่ยังจะให้นางจ่ายเงินให้กับพวกเขาอีกด้วย
ฝันกันมากไปหรือเปล่า! ซูหวานหว่านกำลังคิดวิธีที่จะเอาคืนทุกคน ทว่าพลันใดนั้นเถ้าแก่หวังก็ได้นำสัญญาออกมา เขาหยิบกล่องหมึกมาประทับตราปั๊มรอยนิ้วมือของซูหวานหว่านแล้วกดลงบนกระดาษ!
หากประทับลายนิ้วลงไปแล้ว แน่นอนสัญญามีผลทันที!
ทุกคนต่างมองกันอย่างคาดหวัง แต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่พบรอยนิ้วมือบนกระดาษสัญญาเลย!
ลายนิ้วมือที่ประทับลงไปกลายเป็นเพียงแค่จุดกลม ๆ!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ทุกคนตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าซูหวานหว่านนั้นกลัวลายนิ้วมือของนางจะถูกขโมยหรืออย่างไร แม้ว่าร่างกายของนางจะโดนวางยา แต่นิ้วมือของนางก็ถูกเคลือบด้วยสารบางชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเอารอยนิ้วมือของนางไปใช้ได้
“ช่างชั่วร้ายเสียจริง!” ผู้ดูแลเจียงจ้องไปที่ซูหวานหว่านที่นอนหมดสติ เขาอยากจะฉีกเด็กสาวออกเป็นชิ้น ๆ
แต่เมื่อเขากำลังจะลองใช้นิ้วอื่นประทับลายนิ้วมือดู ซูหวานหว่านก็ลืมตาขึ้น
เถ้าแก่หวังตกใจผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวและเกือบสะดุดเก้าอี้ เขาจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความงุนงง “นี่เจ้า…เจ้าไม่ได้สลบอยู่อย่างงั้นเหรอ!”
“ถุย!” ซูหวานหว่านถมน้ำใส่หน้าของเถ้าแก่หวังและพูดออกมาอย่างเย็นชา “ใครบอกว่าข้าดื่มมันเข้าไป? กลอุบายแค่นี้เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นหรือ!”
พูดจบซูหวานหว่านก็กระโดดลงมาจากโต๊ะและหยิบสัญญาใบนั้นขึ้นมา เมื่อมองไปที่สัญญาและอ่านคำข้างต้น นางก็กล่าวออกมาอยากโกรธเคืองว่า “สิ่งที่พวกเจ้ากำลังจะทำ ข้าจะจำทุกอย่างเอาไว้และข้าจะบอกพวกเจ้าให้ชัดเจน ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแน่!”
พูดจบซูหวานหว่านก็หันหลังกลับและเตรียมเดินออกไป แม้แต่ยามเฝ้าหน้าประตูยังหวาดกลัวสายตาของนาง แต่เขาก็ยังคงยื่นมือขึ้นไปขวางนางไว้ แต่เพียงซูหวานหว่านใช้สายตาเหลือบมองเขา เขาก็รีบปล่อยแขนลงทันที
ซูหวานหว่านเปิดประตู ก่อนจะก้าวออกไปนางก็หันกลับมาพร้อมกับพูดว่า “ทุกคนที่อยู่ที่นี่จงฟังให้ดี สัญญาระหว่างพวกเจ้ากับร้านเจวียเซ่อได้สิ้นสุดลงแล้ว! ต่อไปร้านของข้าจะไม่ซื้ออะไรจากร้านของพวกเจ้าอีก!”
ทุกคนตื่นตกใจทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดออกมาเช่นนี้ก็ยิ่งกระตุ้นความโกรธของพวกเขา “ซูหวานหว่าน! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง! หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือกับเราและไม่เข้าร่วมหอการค้านี้ ร้านอาหารของเจ้าจะต้องปิดตัวลงแน่นอน!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อจัดการกับนาง แต่… พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับลูกค้าของนางได้ไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!
ตราบใดที่อาหารของนางมีรสชาติอร่อย นางจะยังกลัวว่าจะไม่มีลูกค้ามากินอย่างงั้นหรือ? คิดว่านางจะกลัวคนพวกนี้อย่างงั้นรึ?
ซูหวานหว่านแสยะยิ้มและเดินออกไปหาฉีเฉิงเฟิง เมื่อฉีเฉิงเฟิงเห็นนางไม่เป็นอะไรก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ก่อนมืดทั้งสองมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อ และซูหวานหว่านก็บอกหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกับสั่งการบางอย่าง และผู้ดูแลหลิวก็รับปาก ซูหวานหว่านจึงกลับบ้านไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นช่วงรุ่งสาง ซูหวานหว่านกลัวว่าผู้ดูแลหลิวจะยุ่งเกินไป นางจึงตื่นแต่เช้าไปช่วยที่ร้าน ส่วนฉีเฉิงเฟิงก็ไปที่ร้านยา
ซูหวานหว่านยืนอยู่ที่หน้าประตูเพื่อสั่งคนงานให้ทำสิ่งต่าง ๆ และทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคย ชายคนหนึ่งลากเกวียนวัวที่บรรทุกเมล็ดข้าวสารมาแล้วพูดยั่วยุว่า “ซูหวานหว่าน! เท่าที่ข้ารู้มาร้านอาหารของเจ้าจะไม่มีข้าวสาร อีกทั้งร้านข้าวสารและธัญพืชทั้งหมดในเมืองก็ไม่ขายให้กับเจ้าด้วยใช่หรือไม่? หากเจ้าขอร้องข้า ข้านั้นจะขายข้าวบนเกวียนวัวนี้ให้เจ้าในราคาถูก ๆ เลย!”
“เฮอะ!” ซูหวานหว่านพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและไม่ได้สนใจอะไร แต่ยังคงสั่งงานต่อไป
เมื่อผู้ดูแลเจียงเห็นว่าพวกนางกำลังขนผัก เขาก็พูดเยาะเย้ยออกมาอีกครั้ง “พวกเจ้านี่ช่างไร้สาระ! เจ้าจะให้แขกกินแต่ผักอย่างงั้นหรือ? เจ้าสามารถทำอาหารจากเนื้อสัตว์ได้ ถ้าเจ้าขอร้องข้า ข้าจะช่วยพูดกับผู้ดูแลร้านเนื้อให้เจ้า ให้เขาตอบตกลงขายเนื้อให้เจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เจตนาของนางมันยังชัดเจนไม่พออีกอย่างงั้นหรือ?
ผู้ดูแลเจียงกำลังจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ซูหวานหว่านไม่อยากที่จะฟัง นางจึงกล่าวออกมาว่า “ไสหัวไปซะ!”
ซูหวานหว่านบอกให้เขาไสหัวออกไป!? นางควรอ้อนวอนขอร้องเขาสิ? ผู้ดูแลเจียงรู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเด็กสาวเป็นอย่างมาก ไขมันบนหน้าท้องของเขาสั่นสะท้าน ซูหวานหว่านเพียงเหลือบมองแล้วหันกลับไป ส่วนผู้ดูแลเจียงนั้นมองนางอย่างเย็นชา
ผู้ดูแลเจียงเชื่อว่าซูหวานหว่านนั้นจะต้องออกมาขอร้องเขาอย่างแน่นอน เขายืนรออยู่ที่นอกประตูร้านเป็นเวลานาน แต่ซูหวานหว่านไม่ได้แม้แต่จะมองเขาเลย
ทันใดนั้นก็มีแขกสองสามคนเดินเข้ามา ผู้ดูแลเจียงจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีและคว้าแขกคนหนึ่งไว้พูดว่า “วันนี้ร้านอาหารเจวียเซ่อไม่มีเนื้อสัตว์หรอก! ไม่มีแม้แต่ข้าวด้วย! พวกเจ้าอย่าไปกินเลย!”
เมื่อได้ยินเสียงพูดของผู้ดูแลเจียง ซูหวานหว่านก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 มองดูเหตุการณ์ เห็นผู้ดูแลเจียงพูดหลายสิ่งหลายอย่างภายในร้านอาหารกับลูกค้าของตน ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับร้านเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าแขกไม่เชื่อและต้องการจะเข้าไปข้างใน ผู้ดูแลเจียงก็เข้ามาขวางเอาไว้พร้อมกับแนะนำร้านอาหารของเหล่าสมาชิกหอการค้าของตัวเองแทน
ซูหวานหว่านเหลือบมองไปที่เมล็ดข้าวบนเกวียนวัวพร้อมกับครุ่นคิดที่จะเอาคืนผู้ดูแลเจียง นางก็เลยพูดว่า “ผู้ดูแลเจียง เจ้าบอกว่าร้านอาหารของเรานั้นไม่มีอะไรเลย แล้วเจ้ายังจะมาขโมยลูกค้าของข้าไปอีก ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟังเรื่องข่าวลือนี้! หากมันไม่เป็นความจริงเจ้าจะต้องเอาข้าวสารมาให้ข้า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้ดูแลเจียงก็หัวเราะออกมาราวกับกำลังฟังเรื่องตลกของซูหวานหว่าน เขาเหยียดนิ้วชี้ไปที่เด็กสาวพร้อมกับหัวเราะออกมา “หึ! มันไม่ใช่ข่าวลือ ร้านอาหารของเจ้ามันจะไปมีอะไร หอการค้าเขาก็รู้กันหมด! เข้าไปดูกันเลย หากข้าพูดผิดข้าจะให้ข้าวสารนี้แก่เจ้าทั้งหมดเลย! แต่ถ้าข้าพูดถูกล่ะก็… ฮึ่ม เจ้าจะต้องเข้าร่วมหอการค้า!”
“แน่นอน!” ซูหวานหว่านตอบตกลงเห็นด้วย
ผู้ดูแลเจียงยังไม่ได้ก้าวเข้ามาในร้าน ทว่าใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีทันทีเมื่อเขาได้กลิ่นอาหารที่ลอยมา!