“ทุกคนโปรดจับตามองให้ดี ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้เห็นเรื่องน่าประหลาดใจครั้งสำคัญ!” ผู้ดูแลหวังยื่นขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้หญิงสาวที่ใบหน้ามีปัญหาเต็มไปด้วยตุ่มแดง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่สตรีนางนั้น ซูหวานหว่านจึงหยิบน้ำศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมา “ช้าก่อน! ในเมื่อต้องการเปรียบเทียบก็ควรจะเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลย นี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ของข้า เราจะทามันลงบนใบหน้าของหญิงสาวครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งจะทาด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ของผู้ดูแลหวัง เมื่อถึงเวลานั้นเรามาคอยดูว่าสินค้าของใครจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน พวกท่านคิดอย่างไร?”
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ยอมได้” ผู้ดูแลหวังตอบตกลง หญิงสาวผู้นั้นจึงทาน้ำลงใบหน้าของตัวเอง
หลังจากทาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของซูหวานหว่าน ตุ่มแดงใบหน้าของนางก็เริ่มจางลง
ผู้ดูแลหวังเห็นแบบนั้นจึงให้หญิงสาวทาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของตนต่อ “ทุกท่านจับตาดูให้ดี ๆ อย่ากะพริบตา!”
น้ำขวดนี้ทำขึ้นตามสัดส่วนจากสูตรที่ได้มา อัดแน่นด้วยสารสำคัญอีกสองอย่าง ส่งผลให้มันมีกลิ่นหอมละมุน
ทันทีที่ทาลงไปดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ส่งกลิ่นฉุนแรงออกมา ใบหน้าของหญิงสาวครึ่งหนึ่งมันเงาแวววับ โดยไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
สตรีนางหนึ่งที่ต้องการจะซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของผู้ดูแล้วหวัง กล่าวตำหนิออกมา “ผู้ดูแลหวัง! เจ้าต้องอธิบายเรื่องนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าเอาหัวของเจ้าเป็นประกันว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นดีกว่าซูหวานหว่าน! นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน!”
“นี่มัน…จะเป็นไปได้อย่างไร!” ผู้ดูแลหวังเองก็ตกตะลึงพยายามคิดหาข้อแก้ตัว “ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน บางทีน้ำศักดิ์สิทธิ์ของข้าอาจใช้ไม่ได้ผลกับหญิงผู้นี้ ฉะนั้นแล้วเราต้องลองกับคนอื่น…”
สตรีหลายคนเสนอตัวออกมาอย่างกระตือรือร้น และซูหวานหว่านก็พูดบางอย่างขึ้นมาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก “ผลลัพธ์ที่แตกต่างของแต่ละคนงั้นหรือ ฉะนั้นแล้วทำไมน้ำศักดิ์สิทธิ์ของข้าถึงใช้กับใครก็ได้ผล หญิงสาวพวกนี้ใช้แล้วหน้าของนางก็ดีขึ้นกันหมด?”
“เจ้า! น้ำศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นแตกต่างจากของข้า! พวกเรา…” ผู้ดูแลหวังหน้าแดงจ้องมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง และขยิบตาให้หญิงสาวที่เขาได้เตรียมเอาไว้ขึ้นมา
“พวกเรามาลองกันเถอะ! น้ำศักดิ์สิทธิ์ของผู้ดูแลหวังมีราคาถูกมาก เราจะต้องขอบคุณเขาสิถึงจะถูก”
“ใช่แล้ว! ผู้ดูแลหวังเป็นคนที่มีจิตใจดี เขาต้องนำของที่ดีมากขายอย่างแน่นอน”
“…”
กล่าวจบหญิงสาวเหล่านั้นก็ทาน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงบนใบหน้าของตนเอง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
หากแต่ก็ยังเอ่ยชมออกมาว่า “นี่มันยอดเยี่ยมมาก! ใบหน้าของข้าตอนนี้ลื่นมากเลย!”
“หน้าของข้าก็เช่นกัน! ทั้งนุ่มและลื่นขอบคุณผู้ดูแลหวัง น้ำนี่วิเศษจริง ๆ!”
“…”
สตรีเหล่านี้ชมเชยออกมาแบบไม่ลืมหูลืมตา สายตาทุกคนจับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงสาว เห็นได้ว่าใบหน้าของนางแวววาวราวกับน้ำมันหมู ทำให้ชาวบ้านเกิดความรู้สึกรังเกียจ
ซูหวานหว่านเผยยิ้มหวานและเอ่ยออกมาว่า “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะล้างหน้านะ หากคนไม่รู้จักพบเจออาจคิดได้ว่าเจ้าเอาน้ำมันหมูที่ใช้ทำอาหารมาทาหน้า เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าบ้านของเจ้ามีเนื้อสัตว์กิน!”
“…”
ใบหน้าของหญิงสาวพลันเปลี่ยน เวลานี้ผู้ดูแลหวังไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูหวานหว่าน ชายวัยกลางคนก็รู้สึกอึดอัดราวกับกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งเสียงอุทานออกมา ผู้ดูแลหวังถูกเหล่าชาวบ้านหัวเราะเยาะเย้ย ซูหวานหว่านยืนฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงยิ้มออกมา “ทุกท่านเงียบก่อน ข้าจะประกาศอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความรักที่มีต่อสินค้าของข้า หากแต่เป็นเพราะว่าวัตถุดิบในการทำเครื่องประทินโฉมนั้นหายาก และของบางอย่างก็ใกล้จะหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปอาจจะขายได้เพียง 5 ขวดต่อวัน ราคาขวดละ 200 เหรียญ ใครมาก่อนได้ก่อน”
สิ่งที่ซูหวานหว่านกล่าวทำให้เกิดความโกลาหล ก่อนหน้านี้เด็กสาวขายมันไม่เกิน 30 เหรียญต่อขวดเท่านั้น! ทว่าในตอนนี้ราคาของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า!
ทุกคนไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่ว่าเพราะวัตถุดิบในการทำเครื่องประทินโฉมนั้นหายากและมีจำนวนที่น้อย เมื่อกล่าวจบนางก็เดินกลับร้านของตนเอง
หลังจากนางกลับมาถึงร้าน น้ำศักดิ์สิทธิ์ของนางก็ถูกขายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามและพวกเครื่องประทินโฉมอื่น ๆ ก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง
ซูหวานหว่านหมายจะปิดประตูกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นนางก็เห็นสตรีสวมผ้าคลุมหน้าเดินตรงเข้ามา รูปลักษณ์เช่นนั้นต่อให้เปลี่ยนการแต่งกายซูหวานหว่านก็สามารถมองออกได้ตั้งแต่แรก หากแต่นางไม่ได้สนใจอีกฝ่ายและปิดประตูลง
เมื่อซูหวานหว่านก้าวขาออกเดินก็ถูกสตรีนางนั้นขวางเอาไว้ “แม่นางซู! เจ้าทำร้ายข้าทำไม!”
“โม่เหยียน เจ้านี่ช่างน่าขัน ข้าทำอะไรกับเจ้าหรือ?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ไหว
“เจ้าดูนี่!” โม่เหยียนปลดผ้าคลุมใบหน้า เผยให้เห็นรอยฝ่ามือแดง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ซูหวานหว่าน! เจ้าทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้า! เจ้าไม่ได้เชื่อใจข้าตั้งแต่ต้น! แล้วมาบอกว่ารักข้าเหมือนกับพี่น้องแท้ ๆ แท้จริงแล้วเจ้านั้น…”
“หุบปากของเจ้าซะ!” ซูหวานหว่านตะโกนออกมา หญิงสาวไม่เคยเห็นซูหวานหว่านโกรธขนาดนี้มาก่อน โม่เหยียนรู้สึกตกตะลึง
“หากข้าไม่เชื่อใจเจ้า ทำไมข้าจะต้องให้เจ้ามาดูแลร้านแห่งนี้ด้วย? ให้เจ้าดูแล ขายของและให้เงินพิเศษแก่เจ้า หากว่าหางของเจ้าไม่โผล่ออกมาเสียก่อน ข้าก็จะยังคงเชื่อในตัวเจ้า”
พูดจบซูหวานหว่านก็ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปบีบคางของโม่เหยียน กวาดสายตามองรอยแดงที่แก้มอีกฝ่าย แล้วเหยียดมืออีกข้างของตัวเองออกมาจับไปที่หัวของนาง ออกแรงบีบค้างจนโม่เหยียนอ้าปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซูหวานหว่านส่งยิ้มออกมา “หากไม่เชื่อเจ้าแล้วจะทำไม เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามกับข้าด้วยซ้ำ! ข้ากำลังจะสอนเจ้าทำน้ำศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่ไปซื้อวัตถุดิบมา แต่เจ้ากลับเอาความไว้เนื้อเชื่อใจของข้ามาหลอกข้า และมอบสูตรนี้ให้กับผู้อื่นไป!”
ซูหวานหว่านบีบข้อมือโม่เหยียน ส่งผลให้นางบิดข้อมือหนีด้วยความเจ็บปวดพลางหลบสายตาลง “แต่…เจ้าไม่ได้เป็นคนบอกข้าเองหรอกหรือว่าเจ้าปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นพี่น้อง? หากเจ้าไม่ให้สูตรที่แท้จริงมาข้าคงอยู่ในตระกูลหลิวไม่ได้ เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร! ได้โปรดมอบสูตรนั้นให้แก่ข้า!”
“ไสหัวออกไป!” ซูหวานหว่านจ้องเขม็งก่อนเดินจากไปทันที โม่เหยียนก้าวขาเตรียมวิ่งตามแต่ถูกลมพัดพาฝุ่นกระเด็นเข้าตาจนต้องหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าซูหวานหว่านได้หายไปแล้ว
ซูหวานหว่านกลับมาที่บ้านของฮวงเหล่า ในขณะที่กำลังจะถึงบ้านนางก็เห็นหลิวเหรินกำลังเอ่ยเรียกใครบางคนอยู่หน้าประตู เหมือนกำลังเรียกโม่จิง
พี่น้องสองคนนี้คิดหักหลังทรยศนางอยู่ใช่ไหม?
ซูหวานหว่านหยุดเดิน ลอบมองดูโม่จิงที่ออกไปกับหลิวเหริน!
ซูหวานหว่านเดินเข้าไปในลานบ้านอย่างอารมณ์เสีย หลังจากกินอาหารเสร็จก็กลับห้องไปพักผ่อน ฉีเฉิงเฟิงพยายามเกลี้ยกล่อมให้นางอารมณ์ดี หากแต่นางไม่สนใจ
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องนอนซูหวานหว่านก็ดังขึ้น หญิงสาวเพิกเฉยไม่สนใจเพราะว่าเสียงนั่นคือฉีเฉิงเฟิง เขาพูดออกมาว่า “สาวน้อย ข้ากำลังจะไปที่ทะเลสาบจันทรา เพราะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น จากการเขียนรายงานแล้วดูเหมือนว่าสตรีที่ถูกฆ่าจะสวมใส่ชุดสีชมพู ดังนั้นเจ้าอยู่ที่บ้านอย่าออกไปไหนล่ะ”
เหตุร้าย? หญิงสาวในชุดสีชมพู? ซูหวานหว่านตกใจราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่และรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
โม่จิงสวมชุดสีชมพูออกไปกับหลิวเหริน! ในตอนนี้นางก็ควรมาเก็บของสิ! แต่ของทุกอย่างยังอยู่ และนี่มันก็จะมืดค่ำแล้ว แต่นางยังไม่กลับมา!
มันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่!
เมื่อนึกถึงการตายของน้องสาวตนเองทั้งยังในชุดสีชมพูก่อนหน้านี้ ซูหวานหว่านก็ไม่สามารถที่จะควบคุมขาของตัวเองได้ และเปิดประตูตามออกไปทันที “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”