เมื่อได้ยินสิ่งที่ชาวบ้านพูด หัวใจของซูหวานหว่านพลันเย็นเฉียบ เด็กสาวถอดผ้าคลุมหน้าสีแดงเผยให้เห็นกวานประดับผมสีทอง เมื่อชาวบ้านมองมาก็เห็นกวานประดับผมรายล้อมไปด้วยหงส์สีทอง ซึ่งขนบนตัวหงส์ที่เป็นกวานดูสมจริงมาก ทำให้ทุกคนต่างตกใจ
ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย “กวานประดับผมอันนี้เป็นสีทอง มันเป็นของปลอมด้วยหรือเปล่า?”
เมื่อหญิงชราเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “แน่นอนว่าต้องเป็นของปลอม กวานประดับผมอันนี้ดูสวยงามและดูเหมือนจริงเมื่อมองคราแรกเท่านั้น! ขายไปก็ได้เงินอย่างมากเพียงร้อยตำลึง! เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อกวานประดับผมและชุดแต่งงานราคาแพงเช่นนี้ได้!”
“เฮอะ” ฉีเฉิงเฟิงพ่นลมหายใจออกมา มือขาวดั่งผิวหยกยกชายเสื้อตนเองขึ้นอย่างเชื่องช้า “เสื้อผ้าของข้าชุดนี้ทำมาจากผ้าไหม ถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่าย แล้วอย่างไร ท่านจะบอกว่ามันเป็นของปลอมด้วยงั้นรึ?”
“หึ! พวกเจ้ามันคนประเภทเดียวกัน แน่นอนว่าต้องใส่ของปลอมอยู่แล้ว! ผ้าไหมชั้นดีเช่นนี้พวกเจ้าไม่มีปัญญาซื้อใส่อย่างแน่นอน!” หญิงชราผู้นั้นเอ่ย พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักด้วยมือออกมาพร้อมกับพูดว่า “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ของข้าทอขึ้นจากผ้าไหมแท้ และข้าซื้อมันมาในราคาสิบตำลึง!”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก เมื่อมองไปยังฉีเฉิงเฟิงที่แสดงท่าทางดูถูก นางก็ตะโกนให้ทั้งสองถอดชุดแต่งงานออกมา “พวกเจ้าขโมยชุดแต่งงานที่มีค่าชุดนั้นมา! อย่าทำให้หมู่บ้านของเราต้องมาเจอเสนียดจัญไรเลย!”
“ใช่แล้ว! ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อหนุ่มฉีผู้มีการศึกษา จะทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้!”
“…”
เหล่าชาวบ้านเกือบจะถ่มน้ำลายใส่ซูหวานหว่าน พลันใดนั้นเด็กสาวพลันเหลือบไปเห็นแสงในดวงตาของหญิงชรา นางอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มประชดประชัน แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
หญิงชราหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “พวกเจ้าดูซะ! ซูหวานหว่านวิ่งหนีเข้าไปเพราะความอับอาย! ชุดแต่งงานนี้ถูกขโมยมาจริง ๆ!”
“ปากของท่านพูดแต่สิ่งพล่อย ๆ ออกมา จะเชื่อหรือไม่เชื่อข้าจะเป็นคนเย็บปากของท่านเอง!” ซูหวานหว่านอุ้มกล่องใบสวยขนาดใหญ่ บนกล่องมีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายลอยออกมา ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
เมื่อหญิงชราคนนั้นเห็นก็พลันปิดปากเงียบ ดวงตาของนางจ้องมองไปที่กล่องพร้อมเอ่ยว่า “เจ้า… เจ้าก็ขโมยกล่องนี้มาด้วยงั้นรึ! กล่องใบนี้มีราคาถึงหนึ่งร้อยตำลึงเลยนะ!”
“เฮอะ ปากก็เอาแต่บอกว่าข้าขโมยของ ท่านมีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือไม่ ท่านอย่ามาปั้นน้ำเป็นตัวอยู่เลย! ข้าจะแนะนำอะไรบางอย่างให้นะ อย่าได้สร้างปัญหาอีกเลยจะดีกว่า” ซูหวานหว่านกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“เจ้า!” หญิงชราคนนั้นจ้องมองซูหวานหว่าน นางตกใจกับท่าทางนิ่งเฉยของเด็กสาว รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จนอยากจะวิ่งหนีออกไป แต่ในใจนั้นมั่นใจมากว่าซูหวานหว่านต้องขโมยมันมาอย่างแน่นอน จึงเอ่ยออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้าคิดว่าจะหลีกเลี่ยงข้อหาว่าเจ้าเป็นขโมยไปได้อย่างงั้นรึ อีกทั้งยังยกกล่องใบนั้นออกมา เจ้าอยากแสดงความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ข้าดูงั้นสินะ!”
“หึ เช่นนั้นแล้วท่านก็จับตาดูให้ดีล่ะ หากดูแล้วก็ช่วยหุบปากเน่า ๆ ของท่านเสียด้วย” พูดจบก็วางกล่องลงบนพื้น และฉีเฉิงเฟิงก็ได้เดินมาช่วยเปิดกล่องใบนั้นออก
ทุกคนต่างชะโงกคอมองดู ก็พบเพียงกองหยกกองทับถมกันอยู่ข้างใน เหล่าชาวบ้านเบิกตากว้าง หญิงชราผู้นั้นเอ่ยปากเตรียมพ่นคำชั่วช้าออกมาอีกครั้ง แต่สายตาดันประสานกับสายตาอันเชือดเฉือนของฉีเฉิงเฟิง ทำให้หญิงชราตัวสั่นสะท้าน และเงียบปากลงโดยไม่รู้ตัว
“ของเหล่านี้เป็นของที่ข้าซื้อให้กับภรรยาของข้า พวกท่านมีปัญหาอะไรหรือไม่?” สิ้นเสียง ฉีเฉิงเฟิงก็หยิบผ้าไหมสีแดงชิ้นหนึ่งและกางมันออกมา เผยให้เห็นลายปักชื่อของทั้งสองและคำอวยพร “นี่คือชุดแต่งงานและผ้าคลุมหน้าที่ข้าสั่งทำจากเมืองโจวเมื่อนานมาแล้ว หากพวกท่านสงสัยสิ่งใดสามารถตรวจสอบมันด้วยตนเองได้! ชุดพวกนี้ข้าเป็นคนซื้อมัน และผ้าไหมผืนนี้สามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันได้!”
ความโกลาหลเกิดขึ้นอีกครั้ง หากแต่ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามาทางประตูบ้าน เมื่อเห็นสถานการณ์ก็รู้สึกว่ามันแปลกประหลาด จึงถามซูหวานหว่านออกไป แล้วนางก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อครู่เป็นเพราะท่านยายผู้นี้บอกว่าชุดแต่งงานและผ้าคลุมหน้าที่ข้าสวมใส่เป็นของที่ข้าขโมยมา ข้ากับฉีเฉิงเฟิงจึงเอาหลักฐานมาให้ดู เมื่อครู่นางยังยุยงให้เหล่าชาวบ้านขับไล่พวกเราออกไป แต่ตอนนี้นางกลับนิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด”
“หื้อ?” หัวหน้าหมู่บ้านมองหญิงชราผู้นั้น คิ้วพลันขมวดแน่น “เจ้าตาบอดหรืออย่างไรกัน พวกเขาสองคนใช้เงินของตนเองซื้อเครื่องประดับและเสื้อผ้าราคาแพงแล้วมันจะเป็นอะไรไป เพราะอย่างไรเงินนั้นก็ไม่ใช่ของเจ้า!”
“นี่…” หญิงชราหน้าแดงก่ำ บิดผ้าเช็ดหน้าในมือของตนเองด้วยความโกรธ ในหัวใจรู้สึกร้อนรนกระวนกระวาย หากแต่ยังแสร้งทำเป็นยิ้มแย้ม “เลิกไร้สาระได้แล้ว! ข้าแก่แล้วตาอาจจะฝ้าฟางไปบ้าง พวกเจ้าสองคนดำเนินงานต่อไปเถอะ อย่าได้สนใจคนแก่เฒ่าอย่างข้าเลย!”
“ข้าไม่คิดว่าตาของท่านจะฝ้าฝางนะ!” ฉีเฉิงเฟิงเดินเข้ามาใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมใบหน้าของซูหวานหว่านด้วยตนเอง ชายหนุ่มรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก “สายตาของท่านยอดเยี่ยมมาก! ท่านรู้กระทั่งว่าชุดและผ้าคลุมเหล่านี้เป็นของมีราคา แต่ท่านบอกราคาของมันผิดแล้ว ชุดที่ภรรยาของข้าใส่อยู่ราคาอย่างต่ำก็หมื่นตำลึง!”
หมื่นตำลึง! ชาวบ้านต่างตะลึงและเริ่มพูด “นึกไม่ถึงเลยว่าฉีเฉิงเฟิงจะร่ำรวย! มีเงินถึงหมื่นตำลึง!”
“สวรรค์!”
“…”
ชาวบ้านไม่เคยเห็นจำนวนเงินที่เยอะเกินหนึ่งร้อยตำลึงมาก่อน ตอนนี้เมื่อเห็นสิ่งที่ทั้งสองสวมใส่ มีค่าราวกับบ่อทอง พวกเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะโผเข้าหามัน
ใบหน้าของหญิงชราแดงก่ำ ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธเกลียด นางไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากหรี่ตาลงและพูดว่า “ใช่! ข้าเข้าใจผิดไปเอง! วันนี้เป็นวันแห่งความสุข อย่าทำให้เสียฤกษ์งามยามดีเลย”
เห็นได้ชัดว่านางพลาดฤกษ์งามยามดีแล้ว แสดงท่าทางราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา “แน่นอนว่าเราต้องดำเนินงานแต่งต่ออยู่แล้ว แต่หญิงชราคนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่ออวยพรแก่เราทั้งสอง เชิญท่านออกไปจากบ้านของเราซะ! บ้านข้าไม่ต้อนรับท่าน!”
“เจ้าเด็กคนนี้!” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวออกมา “แม่นางซู เจ้าอย่างได้กังวลไปเลย วันนี้เป็นวันมงคล ยายเฒ่าผู้นี้รู้ตัวว่าผิดแล้ว เจ้ายกโทษให้นางเถิด! อย่าได้ไล่นางไปเลย!”
“หื้อ” ซูหวานหว่านยกผ้าคลุมหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตาจับจ้องไปยังคนพูด “ท่านป้าสะใภ้ท่านนี้ ข้ารู้ว่ามาคนส่วนใหญ่ที่มางานเฉลิมฉลองแต่งงานมักจะเป็นญาติ หรือแขกที่ได้รับเชิญ แต่หญิงชราคนนี้ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง นางต้องการมาเพื่อสร้างปัญหาเท่านั้น ยังจำเป็นต้องรั้งนางเอาไว้อีกหรือ?”
“ไม่ใช่คนในหมู่บ้านของเราหรอกหรือ?” ทุกคนต่างตกใจ ส่วนหญิงชรานั้นอับอายจนทนไม่ไหวก้มหน้าลงต่ำ
ทุกคนมองสำรวจใบหน้าของหญิงชรา และก็พบว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านจริง ๆ!
เป็นแค่คนที่อยากมากินดื่มในงานเลี้ยงเท่านั้น
มากินยังไม่พอ ทั้งยังสร้างปัญหาอีก!
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหญิงชราคนนั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้นซูหวานหว่านก็ยกยิ้ม พลันได้ยินเสียงนกบอกว่าหญิงชราคนนี้ไม่ใช่คนอื่นที่ไหน แต่เป็นย่าของจ้าวซิ่วเอ๋อร์! มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาโดยเฉพาะ!
เมื่อถูกจับจ้องด้วยทุกสายตาพลันใจของนางก็วิตกกังวลขึ้นมา เลยวิ่งไปทางประตูบ้านแต่ได้ชนเข้ากับสตรีชุดแดง!
“อ๊ะ” แรงกระแทกทำให้ทั้งสองล้มลงบนพื้น
ซูหวานหว่านเหลือบมองหญิงชุดแดงแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว นางคือจ้าวซิ่วเอ๋อร์
นางสวมชุดสีแดงมาทำไม? จะมาเอาตัวเจ้าบ่าวอย่างงั้นรึ!!