“ข้ารู้เรื่องชั่วช้าที่ผู้ดูแลหวังทำทั้งหมด! โปรดให้ข้าเป็นคนพูด!”
“ให้ข้าพูดเถอะ!”
“…”
พวกเขาทั้งสองแย่งกันพูดอย่างงั้นรึ? ชาวบ้านหลายคนต่างรู้สึกตกใจ แสดงว่าผู้ดูแลหวังคนนี้จะต้องทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เยอะแน่นอน!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วก่อนจะชี้นิ้วไปยังหนึ่งในอันธพาลสองคนนั้น พลันใดนั้นชายคนนั้นก็เริ่มพูดว่า “ผู้ดูแลหวังทำเรื่องชั่วช้าเอาไว้มาก! ข้าและน้องชายของข้าได้เข้าร่วมที่หอการค้าของเขา เขาจ้างพวกเราให้คอยไปรังควานชาวบ้านที่ทำการประมงที่ริมน้ำ ไม่ยอมให้พวกเขาได้ขายปลา และให้เราไปยึดปลามาและนำไปขายต่อกับคนอื่น!”
“ยังมีอีก!” ผู้ที่เป็นน้องชายเอ่ยต่อ “ข้าเองก็เป็นคนของเขาเช่นกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาให้ข้าไปตีสนิทกับคนเฝ้าหน้าประตู จากนั้นก็วางแผนทำให้ชายคนนั้นปวดท้องและไหว้วานให้ข้าเฝ้าประตูแทนเขา จากนั้นก็ให้จัดการฆ่าปลาทั้งหมดให้ตาย! แต่ใครจะไปรู้…”
หากประโยคถัดไปถูกพูดออกมามันจะเปิดเผยตัวตนของนาง ซูหวานหว่านมองผู้ดูแลหวังและหัวเราะเยาะออกมา “เพียงแค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้ว ผู้ดูแลหวังกล่าวว่าให้ทำอะไรตามกฎ งั้นท่านน่าจะได้สิทธิ์กินข้าวในคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือนนะ”
ไอ้หนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหน! เหตุใดเขาถึงทำตัวเหมือนซูหวานหว่าน! ผู้ดูแลหวังรู้สึกกว่าโกรธเคืองเป็นอย่างมาก จึงพุ่งมาจับตัวเขา “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงทำเช่นนี้กับข้า!?”
ซูหวานหว่านยิ้มมุมปาก กางพัดในมือปิดใบหน้าของคนเอง “ข้าคือลูกศิษย์ของฮวงเหล่าอย่างไรล่ะ! เป็นคนที่รักศีลธรรม เมื่อพบเจอสิ่งที่ไม่ถูกต้องจึงต้องยื่นมือเข้ามาจัดการ ผู้ดูแลหวังอย่าเข้าใจเจตนาของข้าผิดไป”
ลูกศิษย์ของฮวงเหล่า? ผู้ดูแลหวังชะงักงัน เหมือนเขาจะเคยได้ยินเรื่องนี้เมื่อสองสามปีที่แล้ว! พลันนึกขึ้นมาได้ว่าชายคนนี้กับซูหวานหว่านมีอาจารย์คนเดียวกัน เขาไม่สนสิ่งใดอีกต่อไป หันไปด่าอันธพาลสองคนนั้น จนฉีเฉิงเฟิงทนไม่ไหวยกเท้าเตะไปหลังผู้ดูแลหวัง ทำให้อีกฝ่ายเงียบปากลง
หลังจากที่พลลาดตระเวนนำตัวผู้ดูแลหวังออกไป ฉีเฉิงเฟิงก็เริ่มมองหาซูหวานหว่านอีกครั้ง หากแต่ชายตรงนี้มีรูปโฉมหล่อเหลา และเขารู้สึกได้ว่าตนเองรู้สึกคุ้นเคยกับเขามาก่อน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
ฉีเฉิงเฟิงต้องการไปหาซูหวานหว่าน แต่อีกใจก็กลัวว่าตัวตนของนางจะถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาต้องจำใจร่วมมือกับซูหวานหว่านในร่างผู้ชายไปเสียก่อน
สองพี่น้องอันธพาลยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เพราะคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว แต่ซูหวานหว่านที่กำลังมองดูกลับยิ้มและหัวเราะออกมา “พวกเจ้าทั้งสองคนกำลังมีความสุขมากเลยสินะ ข้าว่าจะให้เจ้าพักอยู่ในร้านอาหารนี้ก่อน พวกเจ้าจะว่าอย่างไร?”
ให้พักอยู่ที่นี้งั้นหรือ? ทั้งสองคนเกิดความรู้สึกประหลาดใจก่อนจะพยักหน้าตกลง “นี่มันยอดเยี่ยมมาก! ขอบคุณขอรับคุณชาย!”
มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย! ซูหวานหว่านยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตนเองว่า “น้องชาย เจ้าช่วยพาพวกเขาสองคนไปพักที่ห้องเก็บฟืนที ให้พวกเขาอยู่ที่นี่หนึ่งอาทิตย์ เรื่องจานกับตะเกียบก็ให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา! หากล้างไม่สะอาด เจ้าสามารถลงโทษทุบตีพวกเขาให้ตายได้เลย!”
ทั้งสองนิ่งงันไป ชายหนุ่นผู้นี้เป็นใคร? เหตุใดต้องสั่งบทลงโทษราวกับว่าร้านนี้เป็นของตนเอง! เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะตอบตกลงดีหรือไม่ ผู้ดูแลหลิวจึงเอ่ยออกมาว่า “ยังไม่รีบไปเก็บของกันอีก? ชายหนุ่มผู้นี้เป็นพี่ใหญ่ของซูหวานหว่าน! หากคราวหน้าเขามาที่ร้านอีก พวกเราไม่ต้องคิดเงินเขานะ”
ลักษณะท่าทางของชายผู้นี้ดูคุ้นเคยมาก ผู้ดูแลหลิวจึงทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม เมื่อกลับมาที่ห้องและพบกับจดหมายที่ซูหวานหว่านทิ้งเอาไว้ให้ เขาก็ต้องตกใจเมื่อเปิดมันออก เพราะในจดหมายเขียนเอาไว้ว่าให้ผู้ชายคนคนนั้นเป็นคนดูแลของทั้งหมดของนาง อีกทั้งยังบอกว่านางจะต้องไปอยู่ที่ห่างไกลสักพัก แต่ไม่ได้บอกว่านางจะไปที่ใด
ในตอนนี้ พวกชาวบ้านทุกคนยังไม่แยกย้ายกันออกไป ซูหวานหว่านรู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่นางเป็นทางเดียวกัน
พวกชาวบ้านรู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นกล้าหาญนักที่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ จนพาลให้อิจฉาขึ้นมา
ในตอนที่นางกำลังจะเดินออกไปท่ามกลางความคิดเห็นของชาวบ้าน ท้องถนนที่มีหญิงสาวมากมายเดินอยู่ต่างก็หยุดเดินและหันมาจ้องมองซูหวานหว่านทันที!
ซูหวานหว่านยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตนเล็กน้อย และเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย นางรีบเดินไปยังแผงลอยเพื่อหาซื้อเข็มขัด ผ้าคลุมสีดำ หากแต่เถ้าแก่ร้านไม่ต้องการเงิน!
“คุณชาย คราวหน้ามาบ่อย ๆ นะ! มีธุระหรือว่าไม่มีธุระก็สามารถมาคุยกับข้าได้” เถ้าแก่ร้านตะโกนเสียงดัง
“ขอรับ” ซูหวานหว่านพยักหน้าและยิ้มให้ เถ้าแก่ร้านคนนั้นแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้
ซูหวานหว่านตอนนี้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนเสียแล้ว
ซูหวานหว่านคลุมผ้าสีดำเอาไว้ไม่ให้ใบหน้าของนางนั้นเป็นที่สนใจจนเกินไป หากมองมาก็เป็นเหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่นางก็ยังถูกสตรีหลายคนที่เคยเห็นเดินตามมาไม่หยุด จนกระทั่งนางเดินทางมาถึงบ้านพักของฮวงเหล่า
‘ซูหวานหว่าน’ คนเก่าตายไปแล้ว ตอนนี้นางมีตัวตนใหม่แล้ว!
ซูหวานหว่านยืนอยู่หน้าประตูบ้านและเอ่ยออกมาว่า “ทุกคน ข้าคือเป่ยฉวนเฟิงหลิว ศิษย์ของฮวงเหล่า ผู้ใดที่มีอาการเจ็บปวดสามารถมาหาข้าได้ที่นี่”
พูดจบนางก็ปิดประตู แต่ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไล่ตามนางมา เอามือมาจับขอบประตูบ้านไว้ พร้อมกับขยิบตาส่งสายตาแพรวพราวมาให้นาง “คุณชาย…พอดีว่าข้ารู้สึกเหมือนจะไม่สบายเลย ท่านจะช่วยสาวน้อยคนนี้ได้หรือไม่…”
“ไม่ได้หรอก อาจารย์ของข้ารักษาโรคให้กับเฉพาะผู้ชายเท่านั้น” ซูหวานหว่านจับมือหญิงคนนั้นที่จับอยู่บนบริเวณขอบประตูออก แล้วปิดประตูลงทำให้หญิงสาวผู้นั้นหงุดหงิดและไม่พอใจ พลางกรีดร้องออกมา “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ! เจ้าจับมือของข้า! ไม่ใช่ว่าเจ้าตกหลุมรักข้าอยู่หรอกใช่ไหม!”
หญิงสาวส่ายหัวให้กับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังอยู่นอกประตูบ้าน ซึ่งนางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้และรู้สึกหมดหนทางกับเรื่องนี้
เมื่อซูหวานหว่านก้าวเท้าเดินเข้าไปในลานบ้าน ทันใดนั้นก็ถูกดาบสีเงินขวางหน้าเอาไว้ พร้อมพูดว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
เมื่อมองไปยังคนที่กำลังถือดาบก็พบว่าเขาคือเสี่ยวเฮ่ย โม่จิง และไป๋หยวนซูที่อยู่ในลานบ้านด้วย ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นและหยิบบางสิ่งขึ้นมาเพื่อให้เสี่ยวเฮ่ยดู เมื่อชายหนุ่มเห็นก็ดีใจมาก แต่เนื่องจากเขาพูดไม่ได้จึงได้แต่ดีใจด้วยท่าทางแปลก ๆ ไป๋หยวนซูและโม่จิงเห็นท่าทางของเขาก็เดินเข้าไปดูอย่างประหลาดใจ
ซูหวานหว่านเห็นแบบนั้นก็พูดออกมา “ไม่ทราบว่าพวกเจ้าสองคนเป็นใคร? เหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ในลานบ้านของท่านอาจารย์ของข้าได้”
ไป๋หยวนซูผงะไปเล็กน้อย และรับลากโม่จิงออกมา “พวกเราเป็นเพื่อนของศิษย์น้องเจ้า ในตอนนี้ศิษย์น้องของเจ้า…ไม่อยู่แล้ว ข้าอยากจะมาปลอบใจน้องสาวของนาง แต่ว่าตอนนี้…ข้าต้องมาปลอบใจตัวเอง”
“หืม? ใครเป็นคนลงมือกับศิษย์น้องของข้ากัน?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วถาม และไป๋หยวนซู่ก็เริ่มเล่าเรื่องให้นางฟัง จนถึงเรื่องที่กลุ่มนักบวชและตระกูลซูนั้นร่วมกันมือกันสร้างเรื่องงมงาย หลอกเอาเงินจากคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็งมงายโง่พากันหลงเชื่อเหมือนกับว่าตอนนี้ถูกล้างสมองไปแล้ว เขาพากลุ่มพลลาดตระเวนเข้าไปจับกุมพวกเขา แต่กลับถูกกลุ่มชาวบ้านพากันขับไล่ทุบตี!
หลังจากนั้นไป๋หยวนซูก็เปิดรอยแดงให้ดู หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา คิดว่าในสักวันหนึ่งจะกลับไปชำระแค้นให้ได้ แต่ก็มีเสียงความโกลาหลดังขึ้นมาอยู่นอกประตูบ้าน
ประตูลานบ้านนั้นกำลังจะถูกผลักเปิดออกมาพร้อมกับยันต์สีเหลืองตกลงมาจากอากาศ และคำสาปแช่งของนักบวชชุดเหลืองที่มาพร้อมดาบไม้!
เสียงนั้น…คือนักบวชกลุ่มที่ใส่ร้ายซูหวานหว่าน
ซูหวานหว่านเดินไปที่ประตูบ้าน พร้อมกับดันประตูเอาไว้ทำให้นักบวชเหล่านั้นเข้ามาในบ้านไม่ได้และส่งเสียงตะโกนขึ้น “ที่นี่มีสิ่งเลวร้ายอยู่จริง ๆ!”
“ท่านพี่! ขอให้ท่านไปสู่สุคติ! ข้ามาที่นี่เพื่อมาช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ท่านจะได้มาเกิดใหม่!”
นี่ไม่ใช่เสียงของซูเสี่ยวเหยียนหรอกหรือ?
เหตุใดซูเสี่ยวเหยียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ยังเสแสร้งทำเป็นคนดี! ช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว เมื่อมาหากันถึงที่แล้ว มันก็คงถึงเวลาที่จะแก้แค้นเอาคืนเสียแล้วสิ!