ในขณะที่ชายชุดดำทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้อง ซูหวานหว่านแอบขว้างก้อนหินออกมาจากมิติฟาร์ม เมื่อได้ยินเสียงชายสองคนนั้นก็ตื่นตระหนก “เบาเสียงหน่อยได้ไหม!”
ชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังเริ่มรู้สึกแปลก ๆ จึงพูดขึ้นว่า “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
“หากไม่ใช่เจ้าที่ขยับตัว เช่นนั้นเป็นข้ารึที่ขยับ?”
“…”
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเริ่มทะเลาะกันเอง ซูหวานหว่านยังคงซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวหยิบเข็มเงินมาเตรียมเอาไว้ นางกระโดดขึ้นไปบนคานไม้อย่างง่ายดายราวกับแมงมุมตัวหนึ่ง จากนั้นปีนขึ้นไปบนหลังคาบริเวณที่ทั้งสองคนยืนอยู่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าเองที่เป็นคนขยับตัว!”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทั้งสองตกใต พวกเขามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบใคร!
“ข้าอยู่นี่!” ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะ นางกระโดดลงไปด้านล่างฝังเข็มลงบนกลางศีรษะทั้งสองคน ชายชุดดำเบิกตากว้าง เขาคิดว่าตนเองกำลังจะตาย และไม่รู้ว่าตนเองจะตายอย่างไร!
ซูหวานหว่านดึงกระดาษแผ่นใหญ่ออกมาจากแขนเสื้อของพวกเขาทั้งสอง เมื่อเปิดออกดูก็พบว่ามันคือการค้าประเวณี (ฆ่า) ในตลาดมืด เขา ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ มีค่าหัวเป็นอันดับหนึ่ง!
ราคาสูงถึงหมื่นตำลึง!
ผู้ใดกันที่ทุ่มทุนเสนอราคามากถึงเพียงนี้! ซูหวานหว่านอยากเห็นรายชื่อคนประมูลเสียเหลือเกิน หากแต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ หญิงสาวนอนคิดอยู่สักพักก็แบกร่างแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสองโยนลงไปที่ทะเลสาปด้านหลังโรงเตี๊ยม นางอยากรู้เหลือเกินว่าหากพวกเขาสองคนโดนฆ่าแบบนี้แล้ว พวกที่เหลือยังคิดจะฆ่านางอยู่อีกหรือไม่!
ตู้ม ตู้ม
และทะเลสาบก็กลับมาเงียบสงบ
ซูหวานหว่านไม่อยากนอนภายในห้องของตนเองอีกต่อไป นางจึงเดินไปเคาะประตูของฉีเฉิงเฟิงที่อยู่ถัดไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา!
เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายชุดดำนั้นจะลงมือกับฉีเฉิงเฟิงด้วยเหมือนกัน ซูหวานหว่านเกิดอาการตื่นตระหนก เมื่อคิดได้ว่าฉีเฉิงเฟิงไม่มียาแก้แล้ว หากเขาหมดสติไปชายชุดดำจะต้องลงมือฆ่าเขาแน่ ๆ
ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นางก็ยิ่งร้อนใจ ซูหวานหว่านเปิดหน้าต่างและกระโดดเข้าไป แต่พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างในห้องเลย! ฉีเฉิงเฟิงเองก็ไม่ได้อยู่บนเตียง!
ซูหวานหว่านมองไปที่จับประตูด้านใน มันปิดอยู่แสดงว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นไม่เคยเปิดประตูเช่นนั้นแล้วเขาไปที่ไหน? ซูหวานหว่านตื่นตระหนก ได้แต่นั่งรออยู่ในห้อง
บริเวณรอบ ๆ โรงเตี๊ยมนั้นกำลังครึกครื้น ร่างของชายชุดดำสองคนที่แช่อยู่ในน้ำหนึ่งคืน ตอนนี้กำลังลอยอยู่ในทะเลสาบ มีพลลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งกำลังทำการตรวจสอบ รอบด้านมีผู้คนมุ่งดูเต็มไปหมด
ในระหว่างที่นั่งรอฉีเฉิงเฟิง จิตใจของซูหวานหว่านก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา ทั้งเป็นกังวลและเป็นห่วง ตำแหน่งที่อยู่ของนางถูกเปิดเผยแล้ว และกลัวว่าฆาตกรจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นนางทำได้เพียงต้องออกจากที่นี่ก่อน แต่ก่อนที่นางจะออกไปนางก็พบแมงมุม จึงใช้พลังวิเศษถามทันทีว่ารู้จักฉีเฉิงเฟิงหรือไม่ ทำให้นางได้รู้ว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นได้รับจดหมายจากนกพิราบ และทันใดนั้นก็ปีนออกไปนอกหน้าต่าง
เมื่อได้ยินว่าเป็นเวลาก่อนที่ชายชุดดำจะมาถึง ซูหวานหว่านก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นจะไม่ได้มาบอกก่อนทำให้นางรู้สึกโกรธเคือง แต่ก็รู้สึกสบายใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงนั้นปลอดภัยดี
ทันใดนั้นเด็กของโรงเตี๊ยมก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของซูหวานหว่านกับแมงมุมตัวนั้น “คุณชาย! เชิญออกไปได้แล้ว! แขกคนใหม่กำลังจะมาแล้ว”
“รู้แล้ว ๆ” ซูหวานหว่านตอบรับอย่างนิ่งเฉย และรีบออกไปทันที
หลังจากที่ออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้วซูหวานหว่านจ้างคนสองสามคนให้ไปส่งพริกในมิติฟาร์มไปยังร้านอาหารเจวียเซ่อ และอธิบายวิธีทำพริกสับให้แม่ครัวฟังทำอาหาร จากนั้นนางพาพ่อครัวไปยังภูเขาตรงข้ามแม่น้ำเพื่อไปตามหาเครื่องเทศ และวางแผนที่จะทำอาหารจานใหญ่
ทั้งสองเดินออกมาจากประตูร้านอาหารเจวียเซ่อได้ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินไปรอบ ๆ แผงลอยเล็ก ๆ พร้อมกับพูดออกมาว่า “มันคืออะไร! ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด! รสชาติแย่มาก!”
“ใช่แล้ว! แม้ว่ามันจะถูกส่งมาจากต่างแดน แต่มันก็แพงเกินไป! ข้าจะไม่ซื้อมันแล้ว!”
“…”
ทั้งเปรี้ยวและฝาด มันเป็นรสชาติที่นางกำลังมองหาอยู่ ซูหวานหว่านชำเลืองมองผลไม้บนแผงลอย ซึ่งมันมีรูปร่างเป็นวงรีเล็ก มีสีแดง และมีแถบสีน้ำตาลบนผลนั่นไม่ใช่มะเขือเทศหรือ?
คนขายเป็นลุงท่านหนึ่ง ชายชรายื่นผลไม้ออกมาพร้อมกับทำหน้าเศร้าแล้วพูดว่า “สาวน้อย! เจ้าลองกินมันดูสิ! มันอร่อยมากเลยนะ! หากเจ้าอยากได้ เมื่อเจ้าซื้อหนึ่งชั่งข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกหนึ่งชั่ง”
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกาย เมื่อลองชิมเข้าไปก็ต้องขมวดคิ้ว พ่อครัวที่อยู่ข้าง ๆ หยิบขึ้นมาชิมบ้าง เขาก็ทำสีหน้าแปลกประหลาดออกมา เมื่อเห็นซูหวานหว่านต้องการซื้อมันจึงเอ่ยเตือนว่า “คุณชาย! หากซื้อผลไม้นี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือไม่! เราไม่ซื้อจะดีกว่า พวกเราขึ้นไปหาวัตถุดิบดี ๆ บนภูเขากันเถอะ”
“ไม่ซื้อรึ?” มะเขือเทศนี้มีรสเปรี้ยวมากและหากซื้อมันไปมันจะสามารถแก้ไขปัญหาในการขาดรสเปรี้ยวในสูตรอาหารได้ แต่ราคาของมะเขือเทศนี้ก็ค่อนข้างแพง ซูหวานหว่านจึงรู้สึกกังวลใจ
ทันใดนั้นเสียงแข็งกร้าวของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณชายเป่ยฉวน เจ้าจะซื้อมันไปเพื่ออะไร? มันมีพิษ อย่านำมาทำอาหารที่เป็นอันตรายให้ผู้อื่นกิน!”
นางคือซูเสี่ยวเหยียน
ซูหวานหว่านกวาดสายตามองก็เห็นหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างซูเสี่ยวเหยียน จึงตัดสินใจได้ซื้อมันทันที “ซูเสี่ยวเหยียน หากเจ้าไม่ต้องการซื้อมัน ก็อย่ามาห้ามคนอื่นซื้อ!”
ซูเสี่ยวเหยียนจับถุงเงินของตัวเองเตรียมเดินออกไป หากก่อนจะเดินออกไป นางได้พูดบางอย่างขึ้นมา “คุณชายเป่ยฉวน เจ้าอย่าซื้อมันเลย! อีกสักพักข้าจะหาคนมาซื้อมันเอง!”
“…”
นางจะปล่อยให้ซูเสี่ยวเหยียนมีโอกาสนั้นได้อย่างไร ซูหวานหว่านหยิบเหรียญเงินออกมาวางบนแผงขายของแล้วพูดว่า “ข้าขอซื้อมันทั้งหมด ท่านช่วยไปส่งมันที่ร้านอาหารเจวียเซ่อที!”
“ตกลง! ขอบคุณมาก!” ลุงท่านนี้ดีใจมาก เขาเก็บเงินให้เรียบร้อย จากนั้นก็ห่อมันอย่างรวดเร็ว “คุณชาย ข้าห่อให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวข้าเอาไปส่งให้!”
“ตกลง” ซูหวานหว่านตอบรับพร้อมกับพูดกับพ่อครัวว่า “พวกเรากลับกันเถอะ วันนี้ไม่ต้องไปหาเครื่องเทศบนภูเขาแล้ว นี่แหละคือเครื่องเทศที่ข้ากำลังมองหาอยู่”
“เอ๋? มันมีรสชาติเปรี้ยวและฝาดมาก มีอะไรที่น่าอร่อยงั้นรึ?” พ่อครัวรู้สึกงุนงง
ทั้งสองคนเดินกลับไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่ออีกครั้ง ซูหวานหว่านก็นำมะเขือเทศเข้าไปในครัว จัดการล้างมันให้สะอาด จากนั้นก็ปอกเปลือก คั้นน้ำเปรี้ยวด้านในออกมา พร้อมกับหยิบพริกแดงและพริกเขียวสองสามเม็ดลงมือหั่นเป็นชิ้น ตีไข่สองฟองและและสุดท้ายก็ค่อย ๆ ใส่มะเขือเทศลงไปผัด นางคนไปสักพักก็เริ่มปรุงรส ไม่นานก็กลายเป็นมะเขือเทศผัดไข่ ที่มีทั้งรสชาติเผ็ดและเปรี้ยวผสมกันอย่างลงตัว!
กินคำเดียวก็ให้ความสดชื่นกลมกล่อม เรียกได้ว่าอร่อยจนไม่อาจบรรยายได้
พ่อครัวที่ได้ลองชิมอาหารก็ดีใจมาก และอดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชมออกมา
ลุงคนนั้นก็เดินเข้ามาหา หยิบห่อออกมายื่นให้ซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “คุณชายนี่คือเครื่องเทศที่ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ ข้าให้ท่าน”
ในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังจะเปิดห่อเพื่อดูมัน พลลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “เร็วเข้า! ร้านอาหารเจวียเซ่อมีสิ่งของต้องห้าม!”
สิ่งของต้องห้าม? ใบหน้าของซูหวานหว่านเต็มไปด้วยความงุนงง ซูเสี่ยวเหยียนที่เดินตามมาด้านหลังพลลาดตระเวนด้วยท่าทางอย่างสบาย ๆ ขยิบตาให้ลุงคนนั้น แล้วเขาก็คุกเข่าลงทันที “พวกท่านได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าผิดไปแล้ว! เพื่อเงินข้าเลยร่วมมือกับร้านอาหารเจวียเซ่อและลักลอบส่งฝิ่นให้!”
ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซูเสี่ยวเหยียน เมื่อตอนที่นางซื้อมะเขือเทศมา ดูเหมือนนางจะมีท่าทีที่เยาะเย้ยตนเองอยู่ มันเป็นการจัดฉาก!
ซูหวานหว่านก็มองลงมาที่สิ่งของที่อยู่ในมือของตัวเอง และพบว่ามันคือฝิ่น! หากถูกจับได้ แน่นอนว่ามีหลักฐานแน่นหนา นางจะไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากตาย!