ตอนที่ 194 ความหึงหวงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ซูหวานหว่านยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น เสียงคนสองคนกำลังถกเถียงกันก็ดังไม่หยุด “คุณชายเป่ยฉวนเป็นผู้ยิ่งใหญ่! เขาเป็นสุภาพบุรุษและเป็นหมอรักษาโรค คนและสัตว์ทั้งหลายในเมืองนี้เขาก็เป็นคนรักษา ผู้ชายส่วนใหญ่ในเมืองต่างไปหาเขาที่บ้านฮวงเหล่ากันทั้งนั้น เพราะว่าเขารักษาโรคให้เฉพาะกับผู้ชายเพียงอย่างเดียว! ไม่…พวกเจ้ากำลังจะพูดอะไร? ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! ข้าไม่ได้บอกว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกันเสียหน่อย!”
คนอื่นยังไม่ได้พูดเลยอะไรเลย
และสิ่งที่คนคนนั้นพูดออกมา ไม่ใช่กำลังเน้นว่า ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ ชอบผู้ชายหรอกหรือ?
ซูหวานหว่านแสยะยิ้มออกมา ฟังทุกเสียงที่กล่าวว่าเขาเป็นหลงหยาง น่ารังเกียจมาก! จนนางทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นและเดินออกไปทันที!
ซูหวานหว่านแทบหมดคำพูด แต่ก็ยังพูดออกมาว่า “ข้าเป็นหมอ แล้วมันอย่างไร ที่ข้าต้องช่วยรักษาผู้คน รักษาคนป่วย ช่วยชีวิตคนที่ได้บาดเจ็บ มันจะเป็นอะไร? ถ้าจะช่วยรักษาไก่ เป็ด หมู และสุนัข แล้วมันเป็นอย่างไร? การที่ข้าช่วยรักษาโรคมันก็คือสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว แล้วเจ้ายังมาพูดจาประณามว่าเป็นข้าเป็นคนที่น่าขยะแขยง หรือว่าโรคต่าง ๆ ที่ข้าช่วยรักษามันไม่คุ้มค่าแก่การรักษา? หรือว่าคนที่เป็นหมอไม่ควรรักษาผู้ป่วย?”
“เอ่อคือว่า…” คนเหล่านั้นเงียบไป สุดท้ายก็หาคำพูดมาลบหักล้างคำพูดของซูหวานหว่านไม่ได้
แต่ก็มีบางคนยังรู้สึกว่าการมากินอาหารที่นี่ไม่คุ้มค่าและพูดออกมาว่า “เจ้าช่วยรักษาผู้คนมันก็ใช่ แต่เจ้ายังช่วยรักษาไก่ เป็ด สุกร และสุนัขจะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน? มันจะไม่สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีไปอย่างงั้นหรือ!”
“เฮอะ…” ซูหวานหว่านเยาะเย้ยออกมา “หากข้าไม่ช่วย พวกเจ้าจะช่วยไหม? คนที่จะต้องประสบความสูญเสียอย่างหนัก คือคนอื่นไม่ใช่พวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะมาพูดคำพูดเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน? หากพวกเจ้าไม่อยากกินก็ไสหัวออกไป! อย่ามาพูดจาแบบนี้ในสถานที่ของข้าอีก!”
“เจ้า!” คนที่เพิ่งถูกซูหวานหว่านโต้ตอบก็ลุกขึ้นยืน และเดินออกไปอย่างโกรธเคือง
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้แต่มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะออกไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นก็มีชายชุดขาวก้าวเข้ามาและพูดว่า “คุณชายเป่ยฉวนพูดถูก! ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กหรือใหญ่ล้วนคือชีวิต คนที่เป็นหมอสมควรจะต้องช่วยมันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว!”
ช่างอ่อนโยนและสุภาพมาก แน่นอนว่าคนนั้นก็คือซุนฉางอาน!
ซูหวานหว่านโค้งคำนับขอบคุณเขา จากนั้นก็เชิญซุนฉางอานเข้าไปที่ห้องอาหารส่วนตัว ทุกคนจึงหยุดพูดถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่าการที่คนมีการศึกษาอย่างซุนฉางอานพูดออกมาแบบนั้นแล้ว พวกเขาจะยังกล้าพูดจายั่วยุไร้ยางอายแบบนั้นต่อไปได้อย่างไรกัน?
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกไล่ออกจากร้านไปทันที
ในห้องอาหารส่วนตัว ซูหวานหว่านก็พูดออกมาว่า “ขอบคุณคุณชายซุนเป็นอย่างมากที่ช่วยพูดแทนข้า”
“ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณ ข้าพูดตามความเป็นจริง”
คำพูดของซูหวานหว่านอ่อนโยนและสุภาพ อีกทั้งยังไพเราะมาก จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของซุนฉางอาน ทำให้เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย! เขาจะชอบผู้ชายด้วยกันได้อย่างไร?
ซุนฉางอานส่ายหัวพยายามสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัว และเพราะไม่กล้ามองหน้าของซูหวานหว่าน เขาจ้องมองไปที่อาหารและพูดว่า “คุณชายเป่ยฉวน วันนี้รุยเอ๋อร์โดนท่านพ่อดุและขังเอาไว้ที่บ้านเพื่อเรียนหนังสือ ทว่าเขาคิดถึงขนมกุ้ยฮวาสูตรพิเศษของร้านท่านนัก ท่านช่วยให้เด็กในร้านห่อมันให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูหวานหว่านพยักหน้าตอบรับ และบอกให้เด็กในร้านเตรียมขนมกุ้ยฮวาสูตรพิเศษพร้อมกับขนมชนิดอื่น ๆ เอาไว้ในกล่องอาหารให้กับคุณชายซุนฉางอานทันที หลังจากนั้นนางก็เดินไปดูหยกของนางที่ได้มาจากหินพนัน
ฉีเฉิงเฟิงกำลังนั่งทำงานอยู่ข้างหน้าต่าง และเมื่อเขาเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามาเขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก “คุณชายเป่ยฉวน เจ้าช่างมีความสามารถนักในการเลือกหยก แต่ว่าข้าอยากจะได้ช่างฝีมือเก่ง ๆ มาช่วยข้าจัดการทำเรื่องนี้ด้วย เจ้าจะว่าอย่างไรเล่า?”
ซูหวานหว่านเองก็ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่นางยังไม่เคยเจอช่างที่มีฝีมือดีเท่ากับฉีเฉิงเฟิงเลย นางยิ้มและบีบไหล่ของเขา “ลำบากเจ้าแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้า แต่ว่าเจ้าช่วยทำของขวัญให้ทันวันเทศกาลฉี่เฉียว [1] ก็พอ!”
“เฮ้อ! นั่นมันคืองานทั้งหมดเลยนะ” ฉีเฉิงเฟิงถอนหายใจออกมา ในเมื่อเป็นคำสั่งของภรรยา เขาก็ต้องทำตามอยู่แล้ว!
ซูหวานหว่านยิ้มออกมาและบีบไหล่ของฉีเฉิงเฟิง ทันใดก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น และมีเสียงที่อ่อนโยนของชายคนหนึ่งดังตามขึ้นมา “คุณชายเป่ยฉวน ถ้าท่านไม่มีอะไรทำ ท่านสามารถไปที่บ้านข้าเพื่อคุยเล่นกับข้าได้นะ”
เสียงนี้เป็นเสียงของซุนฉางอาน!
ซูหวานหว่านตอบออกไปว่า “ตกลง ถ้าข้าว่าง ข้าจะไปเยี่ยมท่านที่บ้านอย่างแน่นอน”
ทันทีที่นางพูดจบ ซูหวานหว่านก็รู้สึกว่าอากาศรอบตัวนางอึมครึ้มลงเล็กน้อย และเมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าของซุนฉางอานเดินออกไปจากนอกประตูแล้ว ซูหวานหว่านก็พลันยิ้มออกมาทันทีและพูดว่า “นั่นมันเป็นแค่คำพูดที่ต้องพูดออกไปเท่านั้น ข้าจะไปได้อย่างไร! ข้ายุ่งจะตาย!”
“เฮอะ!” ฉีเฉิงเฟิงถอนหายใจออกมา และทันใดนั้นก็ดึงซูหวานหว่านเข้าไปกอดเอาไว้ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปบีบใบหน้าที่ใส่หน้ากากของนาง และพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ภรรยาตัวน้อยของข้า เจ้าโตขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เนื้อหอมจนมีแต่พวกผึ้งป่า ผีเสื้อมากมายมาดอมดม ข้ากลัวจริง ๆ ว่าข้าจะอดใจเอาไว้ไม่ได้ที่จะ…”
พูดจบ เขาก็ประกบริมฝีปากของตัวเองปิดปากของซูหวานหว่านทันที แล้วค่อย ๆ ดูดซับน้ำหวานในปากของนางจนพอใจ ทำให้ริมฝีปากของหญิงสาวบวมแดงขึ้นมา แล้วฉีเฉิงเฟิงก็ถอนจูบออก ทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ รีบเดินหนีออกมาทันที
เช้านี้บรรยากาศในร้านครึกครื้นมาก และด้วยคำพูดของซุนฉางอานที่ช่วยพูดแทนซูหวานหว่านไปเมื่อวานนี้ ก็ยิ่งทำให้ร้านอาหารมีคนเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ด้านหลังห้องครัวต่างก็ยุ่งมากในการทำอาหาร เพราะอาหารจานใหม่ที่คิดค้นขึ้นมาต่างถูกใจลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งหญิงสาวพบว่าหอยลายมีไม่เพียงพอ จึงสั่งให้คนไปหาซื้อหอยลายมา ทั้งยังทำการคิดอาหารจานใหม่ขึ้นมาอีก
ร้านหงเหมินฝั่งตรงข้ามไม่มีผู้ใดสนใจเกี่ยวกับเรื่องหม้อไฟ แต่ร้านอาหารเจวียเซ่อกลับมีอาหารใหม่ออกมาก็คือหม้อไฟ ปิ้งย่าง ลูกค้าสามารถทำกินเองอย่างง่ายดายอย่างที่ทุกคนอยากกิน ทำให้ลูกค้าต่างประทับใจเป็นอย่างมา ถ้าเป็นคนมีเงินก็จะมีเด็กในร้านคอยดูแล และพวกเขาก็ได้กินอาหารกันอย่างมีความสุข
ร้านอาหารเจวียเซ่อไม่เพียงแต่มีอาหารที่อร่อยแต่ยังมีการบริการที่เอาใจใส่ลูกค้าอีกต่างหาก สิ่งนี้มันทำให้เห็นข้อแตกต่างกันได้อย่างชัดเจน ผู้ที่ไปกินอาหารที่ร้านหงเหมิน หากเอารสชาติมาเปรียบเทียบกัน พวกเขาจะพบว่ามันดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับร้านอาหารเจวียเซ่อ เสมือนว่าความอร่อยของอีกฝ่ายเป็นเพียงฝุ่นผงในกลุ่มฝูงชนในเมืองเท่านั้น!
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ซูหวานหว่านก็รู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย นางกำลังจะหาขนมกิน แต่ทันใดนั้นมีคนมาที่หน้าประตูร้านอาหารเจวียเซ่อและเดินเข้าไปอยู่ด้านข้างของซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “คุณชายเป่ยฉวน นี่เป็นคำเชิญจากนายท่านของพวกเรา”
ซูหวานหว่านจำได้ว่าเขาเป็นคนรับใช้ของซุนฉางอาน และแน่นอนว่าคนที่เชิญนางไปจะต้องเป็นซุนซ่างชู ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่?”
“เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว! เป็นนายท่านของพวกเราขอให้มาเชิญเจ้าไปที่บ้าน นายท่านของเรากำลังโกรธมาก และดูเหมือนจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย” ชายคนนั้นพูดออกมา
มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนางอย่างงั้นเหรอ? ซูหวานหว่านก็รู้สึกแปลก ๆ และนิ่งงันไปสักพัก ก่อนจะตอบตกลงไปที่นั่น และนำขนมไปกินในระหว่างทาง เมื่อเดินทางมาถึงบ้านของตระกูลซุนนางก็ถูกพาไปยังห้องโถงที่หนึ่งภายในบ้าน เมื่อเข้าไปถึงก็ได้ยินเสียง ‘เพล้ง!’ ดังขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงจากถ้วยน้ำชาที่ตกลงไปที่พื้น
“ท่านพ่อ ท่านช่วยระงับความโกรธเอาไว้ก่อนเถิด คุณชายเป่ยฉวนไม่ได้ทำร้ายรุยเอ๋อร์อย่างแน่นอน พิษนั่นมันจะต้องเป็นเพราะความโลภมากที่รุยเอ๋อร์ไปตะกละกินมาจากที่อื่นอย่างแน่นอน” ซุนฉางอานพูดออกมา
“จากที่อื่น? ข้าลงโทษเขาให้คัดหนังสืออยู่ที่บ้าน น้ำสักหยดก็ยังไม่ได้ให้เขาจิบเลย! แต่ว่าเขากินสิ่งที่เจ้านำมาจากร้านอาหารเจวียเซ่อนั่น และตอนนี้เจ้ายังช่วยพูดแก้ตัวให้คนอื่นอีก!” ซุนซ่างชูพูดออกมาอย่างโกรธจัด
คนใช้เปิดประตูให้ซูหวานหว่านเดินเข้าไป นางพลันพบซุนรุยซึ่งนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเซียว หญิงสาวเลยรีบเดินเข้าไปตรวจดูอาการของเขาทันที ดวงตาแบบนี้ ลิ้นเป็นสีแบบนี้ คิ้วย่น ….ซุนรุยถูกวางยาพิษ!
“เหอะ! เจ้ายอมรับผิดหรือยังว่าเจ้าเป็นคนทำเรื่องนี้?” ซุนซ่างชูพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ใครก็ได้! พาตัวเขาไปที! พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ข้าจะให้คนตัดหัวเขาซะ!”
————————————————————————————————
[1] 乞巧节 คือเทศกาลฉี่เฉียวเจี๋ย ที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันแห่งความรักของชาวจีนเมื่อก่อนคนจีนจะเรียกเทศกาลนี้ว่าฉี่เฉียวเจี๋ยต่อมาพอมาถึงยุคราชวงศ์ฮั่น ชาวจีนก็เปลี่ยนมาเรียกเทศกาลแห่งความรักของขาวจีนนี้ว่า เทศกาลชีซี 七夕 ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน