ตอนที่ 237 อันตรายเข้ามาเยือนใกล้ทุกที
คุกเข่าอ้อนวอนซูหวานหว่านงั้นหรือ? เช่นนั้นตนเองจะไม่เสียหน้าแย่หรอกเหรอ นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียวนะ! หญิงสาวเผยสีหน้าเย็นชา “เจ้าอย่าทำตัวเย่อหยิ่งให้มากนัก!”
ซูหวานหว่านมองไปที่อีกฝ่ายพลางรอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นในดวงตา “ถึงข้าจะเป็นหมอมาได้ไม่ถึงปี แต่ก็ยังสามารถมองออกว่าเจ้าไม่ใช่สาวพรหมจารี แล้วเจ้าคิดว่าแม่นมที่อยู่ในวังมาหลายปีจะมองไม่ออกเชียวหรือ?”
“เอ่อ…” เฉียวหน่วนอวี้ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา จ้องมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาสั่นไหว หากต้องคุกเข่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้จิตใจสงบลงได้ นางครุ่นคิดอย่างหนักว่าควรจะคุกเข่าดีหรือไม่ ทันใดนั้นเสียงฮูหยินเฉียวก็ดังขึ้นภายในห้อง “หน่วนอวี้ เจ้าเข้ามาข้างในหน่อย แม่มีเรื่องที่อยากจะพูดกับเจ้า”
เฉียวหน่วนอวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องซูหวานหว่านแล้ว! หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาฮูหยินทันที แต่ซูหวานหว่านก็เอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอร้องข้าก็ได้ แต่ต้องให้เงินข้ามาจำนวนหนึ่งล้านตำลึง ข้าจะแก้ให้เจ้าเอง! ข้าคิดว่าเงินหนึ่งล้านตำลึงคุ้มค่ามากกว่าที่เจ้าจะต้องนั่งคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องข้า”
หนึ่งล้านตำลึง นางมีเงินไม่ถึงสองแสนตำลึงด้วยซ้ำแล้วจะไปมีเงินหนึ่งล้านตำลึงอย่างไรกัน! เฉียวหน่วนอวี้กำลังจะเดินขึ้นขั้นบันไดแต่เกือบสะดุดล้ม เมื่อหันหลังกลับไปมองก็ไม่เห็นซูหวานหว่านแล้ว
ในตอนนี้ ซูหวานหว่านได้เดินออกไปจากลานแล้ว กำลังจะปีนต้นไม้ต้นเดิมเพื่อขึ้นไปนอนพักผ่อน หากแต่ถูกคนใช้เดินเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน “แม่นางซู องค์ชายสามขอเรียนเชิญเจ้า”
ฉีเฉิงเฟิงจะขอให้นางทำสิ่งใดงั้นหรือ ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “ทำไม?”
“ไปถึงแม่นางก็จะรู้เอง” คนใช้คนนั้นกล่าวออกมา
นางคือคนที่เขาจะมาตามตัวไปอย่างงั้นเหรอ?
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ “ข้าไม่ไป”
“แม่นางซู องค์ชายสามป่วยหนัก อีกทั้งไม่สามารถเชิญตัวให้ฮวงอวี๋อีมาตรวจอาการได้ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นจึงมาเชิญไปดูอาการขององค์ชาย เจ้าจะได้รับเงินรางวัลไม่ต่างฮวงอวี๋อี ลองไปดูก่อนเถิด” คนรับใช้อ้อนวอนออกมาด้วยความเคารพ
ป่วยหนัก คิ้วของซูหวานหว่านค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันและขบคิดเกี่ยวเรื่องนี้ เมื่อสองวันก่อนนางได้เจอเฉิงเฟิง อยู่กับเขา ก็เห็นว่าเขาไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ นอกจากนี้… วันนี้นางก็ได้พบกับเขาอีกทั้งยังมองมาทางนางราวกับไม่รู้จักกันมาก่อน ทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เหตุใดเขาต้องตามตัวนางไปรักษาเขาด้วย?
ซูหวานหว่านส่ายหัวแล้วพูดว่า “หากเขาไม่สบาย ในฐานะที่เขาเป็นองค์ชายแน่นอนว่าองค์จักรพรรดิคงจะหาวิธีตามหมอที่มีชื่อเสียงและเก่งกาจ มารักษาเขาได้อย่างแน่นอน ข้านั้นเป็นเพียงหมอธรรมดา ๆ คงจะไม่กล้าที่จะไปรักษาองค์ชายสามได้”
นางยังไม่ยอมไป! คนใช้คนนั้นพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง “แม่นางซู ข้าคงจะต้องบอกเจ้าตามความจริงแล้ว วันนี้องค์ชายสามได้เห็นเจ้าเป็นครั้งแรก ท่านก็ได้ตกหลุมรักเจ้า ตอนนี้เขาอยู่ในเรือนรับรองเพื่อพักผ่อน หากเจ้ายอมไปปรนนิบัติรับใช้เขา ในอนาคตถ้าเกิดองค์ชายได้ขึ้นครองราชย์เจ้านั้นจะมียศศักดิ์ไปด้วย”
เป็นครั้งแรงที่ได้พบนางงั้นหรือ ซูหวานหว่านเยาะเย้ยตนเองอยู่ภายในใจและรู้ทันทีว่านี้เป็นกลอุบายของคนรับใช้ ฉีเฉิงเฟิงและนางเคยเจอกันมาตั้งนานแล้ว! นอกจากนี้ถ้าฉีเฉิงเฟิงชอบนาง เหตุใดเขาจะต้องบอกให้คนใช้รับรู้ด้วย อีกทั้งยังมีข้อแก้ตัวต่าง ๆ มากมายอีก ?
ซูหวานหว่านจึงแน่ใจขึ้นมาว่าคนที่อยากจะพบนางไม่ใช่ฉีเฉิงเฟิงอย่างแน่นอน!
ถ้าอย่างนั้น… เป็นผู้ใดกัน?
ซูหวานหว่านพยายามคิดอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง
คนใช้คนนั้นเดินนำซูหวานหว่านเข้าไปที่สวนดอกไม้ของเรือนตระกูลเฉียว ก็พบชายคนหนึ่งยืนให้อาหารบนอยู่ข้างสะพาน ในบ่อน้ำมีปลามากมายกำลังแหวกว่ายแย่งอาหารกันไปมา
ซูหวานหว่านเพ่งมองดูจากระยะไกล และรู้สึกว่าบุคคลนี้มีลักษณะคุ้นตา นางเดินไปหยุดลงข้าง ๆ บุคคลนั้นทันที เมื่อเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจนก็พบว่าชายคนนี้คือซ่งจินที่ส่งเทียบเชิญให้นางเมื่อวันนั้น!
ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “คุณชายซ่ง ท่านคิดจะทำอะไร!”
“แม่นางซู ยังจำข้าได้ด้วยรึ” ซ่งจินเอ่ยพลางหยิบกระดาษออกมา “เจ้ามีชื่อว่าซูหวานหว่านใช่หรือไม่?”
“อะไรกัน คุณชายซ่งได้ตรวจสอบข้อมูลของข้าทุกอย่างแล้วไม่ใช่อย่างงั้นรึ?” ซูหวานหว่านหยิบกระดาษของในมือของฉีเต๋อหลงขึ้นมาอ่าน แล้วเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “เอ๊ะ! คุณชายซ่งน่าทึ่งมาก เหตุใดถึงได้รู้เรื่องเยอะแบบนี้ ช่างไม่ธรรมดา!”
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางซูนั้นจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์ชายสามมาก่อน และในตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าแม่นางซูมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับองค์ชายสาม” ฉีเต๋อหลงมองไปที่ซูหวานหว่านสายตาอันล้ำลึกของเขาแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง “ข้าตั้งใจอ้างว่าเป็นองค์ชายสามมาเพื่อเชิญตัวเจ้า แต่เจ้าก็มาตามคำเชิญจริง ๆ ดูเหมือนว่าแม่นางซูจะยังรักองค์ชายสามอยู่ใช่หรือไม่?”
ซูหวานหว่านกำลังคิดว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี แต่พลันใดนั้นก็สายลมพัดผ่าน กลิ่นดอกไม้ที่ติดตัวของฉีเต๋อหลงส่งกลิ่นลอยออกมา ซูหวานหว่านที่ได้กลิ่นนั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน กลิ่นหอมนี้มันเหมือนกลิ่นหอมที่เฉียวหน่วนอวี้มักจะแขวนเอาไว้รอบเอวของนางเลย?
เช่นนั้นจะหมายความว่าอะไรได้อีก ชายคนนี้เหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเฉียวหน่วนอวี้! เมื่อคืนนั้นที่ได้นางยินเสียงเรียกแทนตัวเองว่าองค์ชาย หรือว่าเขาอาจเป็นองค์ชายภายในวัง แสดงว่าเขาคงใช้ชื่อนามแฝงว่าซ่งจิน และนั่นคงไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเขา?
ซูหวานหว่านเหลือบมองไปที่ฉีเต๋อหลงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย โดยคิดว่าฉีเต๋อหลงต้องการทำอะไรบ้างอย่างกับฉีเฉิงเฟิงอย่างแน่นอน เขาคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับฉีเฉิงเฟิงเป็นแน่ ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาว่า “ข้าเกลียดองค์ชายสามมาก มิฉะนั้นตอนที่คุณหนูใหญ่ขอให้ข้าไปทำอาหารให้กับองค์ชายสามในวันนี้ ข้าคงจะตอบตกลงไปแล้ว”
“แม่นางซูเป็นคนพูดตรงจริง ๆ กล้าพูดออกมาได้อย่างกล้าหาญจริง ๆ ข้ารู้สึกประทับใจมาก และข้าต้องขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เจ้าต้องพบเจอมา แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้าก็เกลียดองค์ชายสาม เหตุใดไม่ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการองค์ชายสามเล่า ถือซะว่าเป็นการแก้แค้นให้กับตัวเองที่ถูกเขาทอดทิ้ง” ฉีเต๋อหลงพูดกล่าวออกมา พร้อมกับโบกพัดที่อยู่ในมือของตัวเองไปมาเพื่อใช้ปิดบังใบหน้าอันโหดร้ายของตัวเอง
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ไม่จำเป็น เจ้าอย่าพยายามหลอกข้าให้ทำอะไรแบบนี้เลย นอกจากนี้ข้อมูลที่คุณชายซ่งไปสืบมาได้มีเรื่องที่ไม่จริงอยู่ด้วย ข้ากับองค์ชายสามพวกเราจากกันด้วยดี ไม่ได้มีเรื่องเลวร้ายอะไร แล้วข้าก็เป็นคนทิ้งเขาไปต่างหาก คุณชายซ่งอย่ามาหาข้าเพื่อหวังให้ข้าทำร้ายองค์ชายสามเลย ระวังตัวด้วย… การทำร้ายผู้อื่นจะทำให้วันหนึ่งตัวเองพาลโดนทำร้ายเสียเอง”
มือที่กำลังให้อาหารปลาของฉีเต๋อหลงหยุดชะงัก และขว้างอาหารลงไปในน้ำทันที ทำให้น้ำในสระกระเซ็นขึ้นมา ซูหวานหว่านก็หลบน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วจึงเดินออกไปในทันที
ฉีเต๋อหลงลดพัดที่ปกปิดใบหน้าลง เผยให้เห็ดความโหดเหี้ยมในดวงตาของเขาที่ไม่อาจปิดบังได้มิด ในเวลานี้ฉีเต๋อหลงดูเหมือนเป็นหมาป่าที่ได้ออกมาจาการจำศีลเป็นเวลานานมาก และต้องการที่จะล่าเนื้อ เขากัดฟันกรอด พูดออกมาสามพยางค์ว่า “ซูหวานหว่าน!”
คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายก็กระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา “องค์ชายรอง ท่านต้องการส่งคนไปจัดการนางหรือไม่…”
“ไม่จำเป็น” ฉีเต๋อหลงเอ่ยขัดคำพูดของคนรับใช้ขึ้นมาทันที ชายหนุ่มหันไปมองซูหวานหว่านที่กำลังเดินออกไปแล้วพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร? ยิ่งสตรีมีท่าทางทำเป็นไม่ใส่ใจ แปลว่าภายในใจของนางนั้นมากกว่าใส่ใจ นางจะต้องถูกข้าหลอกใช้แน่!”
ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ ซูหวานหว่านก็หยุดเดิน มีหรือที่พลังวิเศษจะไม่ทำให้นางไม่ได้ยินสิ่งที่ฉี เต๋อหลงนั้นพูดขึ้นมา ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเย็นชา แล้วปล่อยนกสองตัวออกมาจากมิติฟาร์ม และพูดเสียงเบา ๆ ว่า “จับตาดูเขาเอาไว้ หากมีอะไรผิดสังเกตก็ให้เจ้าอีกหนึ่งตัวหนึ่งบินมาส่งข่าวบอกกับข้า”
หลังจากพูดอย่างนั้นออกมา นกสองตัวก็บินออกไปและซูหวานหว่านก็เดินกลับไปที่เรือนของฮูหยินเฉียวเพื่อที่จะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่านางเผลองีบหลับไปแค่แปบเดียว ตื่นมาจะเป็นเวลาค่ำแล้ว หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปต้มยาให้กับฮูหยินเฉียวดื่ม ทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นท่อไม้ไผ่เจาะผ่านหน้าต่างห้องนางพร้อมกับควันที่กำลังพ่นเข้ามาด้านใน
นี่กำลังจะวางยาพิษนางงั้นเหรอ?
ก่อนที่ซูหวานหว่านจะกินยาแก้พิษเข้าไปได้ทัน นางก็รู้สึกเวียนหัวไปอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของนางเริ่มพร่ามัว ก่อนที่นางจะหลับตาลงนางก็ได้เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหานางพร้อมถอดเสื้อผ้าออก!
นี่เป็นแผนการของเฉียวหน่วนอวี้อีกหรือไม่? ซูหวานหว่านไม่มีเวลาได้ขบคิดก็เป็นลมหมดสติลงไปเสียก่อน!