ตอนที่ 243 แย่งชิงภรรยา
“ว่าอย่างไรนะ?” ฉีเฉิงเฟิงพูดอออกมาในขณะที่ยังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ชายหนุ่มก็เริ่มสร่าง เขาเดินไปคว้าคอเสื้อของฉีเต๋อหลงทันทีพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “เมื่อครู่เจ้าพูดอะไร พูดใหม่อีกครั้งสิ!”
“เอาล่ะ ข้าจะพูดออกมาอีกครั้ง เจ้าตั้งใจฟังดี ๆ ล่ะ” ฉีเต๋อหลงคลี่ยิ้มบางเบา เขากลัวว่าฉีเฉิงเฟิงจะไม่ได้ยินจึงโน้มไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย “ข้าพูดว่า ข้าได้ส่งคนไปจับตัวของซูหวานหว่านเอาไว้แล้ว ไม่ว่านางจะตายหรือมีชีวิตอยู่ก็ตาม ข้าก็จะนำตัวนางมาที่วังให้ได้”
“เจ้า!” ดวงตาของฉีเฉิงเฟิงพลันเบิกกว้าง มือของเขาก็กำเสื้อของฉีหลงเต๋อแน่นขึ้น อีกฝ่ายพยายามแกะมือของฉีเฉิงเฟิงออกมา เขาไอออกมาสองสามครั้งก่อนที่จะหัวเราะออกมา “คาดไม่ถึงว่าน้องสามจะยังรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นมีความสำคัญอยู่! ข้าก็เลยหลอกเจ้า ทำให้เจ้าโกรธจนอยากจะเอาชีวิตของข้า”
รอยยิ้มกระหายเลือดในดวงตาของฉีเฉิงเฟิงพลันหายไป ส่วนฉีเต๋อหลงก็เพียงเทเหล้าแล้วยื่นให้ฉีเฉิงเฟิงพร้อมกับกล่าวว่า “น้องสาม ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าซูหวานหว่านนั้นมีอะไรที่น่าดึงดูดใจ เป็นอะไรไป เจ้าควรจะกินแต่พวกรังนกและหอยเป๋าฮื้อสิ จะไปกินข้าวต้มและเครื่องเคียงบ้านธรรมดาแบบนั้นไปเพื่อสิ่งใดกัน?”
ฉีเฉิงเฟิงยกเหล้าขึ้นจิบ โดยที่ไม่ปริปากเอ่ยคำใด ชายหนุ่มทำเพียงแค่จ้องไปที่จานบนโต๊ะ ฉีเต๋อหลงคีบเนื้อขึ้นมาเหมือนจะวางลงในชามของฉีเฉิงเฟิง แต่ทันใดนั้นเขาก็แกล้งปล่อยตะเกียบทำให้เนื้อชิ้นนั้นตกลงบนจานของฉีเฉิงเฟิงก่อนจะร่วงตกลงบนโต๊ะ
“ดูเหมือนว่าเนื้อชิ้นนี้จะไม่เหมาะกับรสปากของเจ้า?” ฉีเต๋อหลงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม คีบผักลงในชามของฉีเฉิงเฟิง แล้วคีบให้ตัวเองชิมหนึ่งคำ “ถึงแม้ว่าจานนี้จะเป็นผัก แต่ว่ารสชาติของมันดีมาก! ไม่เลวเลยทีเดียว ข้านั้นหวังว่าจะได้เล่นสนุกกับมันบ้างนะ”
“เจ้ากล้าอย่างงั้นเหรอ!” ฉีเฉิงเฟิงจ้องมองฉีเต๋อหลงด้วยสายตาอาฆาต “เจ้าแก่กว่าข้าหนึ่งปี ถึงเราจะเป็นพี่น้องกัน ทว่าก็อย่ากำเริบเสิบสานให้มากนัก!”
“เจ้าคิดว่าข้ากล้าหรือไม่เล่า?” ฉีเต๋อหลงหัวเราะออกมา “นางสนมเอกที่ยังไม่แต่งงานของเจ้าก็ถูกข้าหยิบยืมมาแล้ว เจ้าจะสามารถทำอะไรได้?”
ฉีเต๋อหลงเป็นคนทำจริง ๆ ด้วย!
ที่เขาพาแม่นมไปในวันนั้น ฉีเฉิงเฟิงเพียงแค่อยากหาทางยกเลิกการแต่งงานกับสกุลเฉียว แต่ใครจะไปรู้ว่าซูหวานหว่านจะทำให้เฉียวหน่วนอวี้กลับมาบริสุทธิ์ได้ในคืนนั้น จนวันรุ่งขึ้นแม่นมมาบอกเขาว่าเฉียวหน่วนอวี้เป็นสาวพรหมจารี!
ถึงแม้ว่าร่างกายของเฉียวหน่วนอวี้จะดูเหมือนบริสุทธิ์อยู่ แต่ความจริงแล้วร่างกายของนางได้แปดเปื้อนแล้ว! เขาไม่มีทางยอมรับเฉียวหน่วนอวี้อย่างแน่นอน!
ฉีเฉิงเฟิงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “มันดีหรือไม่ เจ้าชอบใช้ของของข้ามากขนาดนี้ งั้นข้าจะสละนางแล้วส่งไปที่เรือนของเจ้าดีหรือเปล่า”
“เจ้าต้องการละทิ้งนาง เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะตกลงอย่างงั้นเหรอ ตระกูลเฉียวนั้นทำกิจการค้าเกลือ ตระกูลพ่อค้า เพียงแต่ฐานันดรของพวกเขายังต่ำมาก จึงต้องเป็นนางสนมของเจ้า อีกทั้งเรื่องเงินทองของตระกูลนาง เสด็จพ่อก็ยังต้องยอมรับเพราะเรื่องนี้ นี่เจ้ายังคงคาดหวังว่าเสด็จพ่อจะยอมเรื่องที่เจ้าต้องการละทิ้งนางอย่างงั้นเหรอ หึ เสด็จพ่อต้องการที่จะเอาเงินจากตระกูลของนางมาเท่านั้นเอง! ส่วนเจ้าที่เป็นองค์ชายสามผู้สง่างามก็จะถูกปล่อยให้ต้องทุกข์ทรมาน!” ฉีเต๋อหลงพูดออกมาและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “นอกจากนี้ ข้าได้ร่างกายของนางไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะรับนางเข้ามาในวังอย่างงั้นเหรอ ช่างน่าขำสิ้นดี!”
พูดออกมาแบบนี้…. ช่างสารเลวยิ่ง!
ฉีเฉิงเฟิงมองไปที่ฉีเต๋อหลงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย เจ้ายังจำหินการพนันที่เจ้าส่งมาจากทิศตะวันตกได้อยู่หรือไม่ หากเจ้าคิดจะทำอะไรซูหวานหว่านล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ความหมายว่าอะไรคือสูญเสียทั้งคนและสูญเสียทั้งทรัพย์สิน!!”
“เจ้า!” รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีเต๋อหลงพลันหายไป เขากัดฟันแน่นผุดลุกขึ้นยืนมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง “ฉีเฉิงเฟิง! เจ้าอย่ามาขู่ข้าเสียให้ยาก!”
“เจ้าข่มขู่ข้าก่อนต่างหาก! ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะแย่งชิงบัลลังก์กับเจ้า แต่เจ้ามักจะต่อต้านข้าเห็นข้าเป็นศัตรู อีกทั้งเจ้ายังต้องการเอาชีวิตของข้าอีก เจ้าคิดว่าข้านั้นไม่รู้เรื่องนี้อย่างงั้นเหรอ?” ฉีเฉิงเฟิงลุกขึ้นยืนและเผชิญหน้ากับฉีเต๋อหลง เมื่อมองในสถานการณ์ตอนนี้ คล้ายกับว่าทั้งสองคนจวนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ!
“ตอนที่ข้าอยู่ในที่เปลี่ยวตามลำพัง มักจะมีนักฆ่ามาไล่ตามฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง?” ฉีเฉิงเฟิงเน้นคำว่า ‘ข้า’ ในทุกประโยค
“ในเมื่อเจ้าชอบการต่อสู้มากนัก และยังไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ!”
“อ๋อ! น้องสามเจ้าคิดจะทำอะไร? คำพูดของพี่รองทำให้เจ้าตกใจไปหรือเปล่า น้องสามพูดออกมาแบบนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกเสียใจยิ่ง!” ฉีเต๋อหลงยิ้มและตบไปที่ไหล่ของฉีเฉิงเฟิง “น้องสามอย่าคิดจริงจังไปเลย! วันนี้ข้าเห็นเจ้าดื่มเหล้า ข้าเลยแค่จะพูดเพื่อเตือนให้เจ้ามีสติเท่านั้นเอง! อย่ากังวลไปเลย ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรานั้นจะมาเสียเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน?”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง คนรับใช้รีบปิดประตูลงทันใด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่พลันหายไป องค์ชายรองกัดฟันแน่น ยิ่งมองดูร่างในห้องนั้นก็ยิ่งทำให้โมโห!
“องค์ชายรอง พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” คนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นมา
“กลับไปที่วังก่อน” ฉีเต๋อหลงกล่าวขึ้นมาแล้วเหลือบมองในห้องอย่างเงียบ ๆ และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวก่อน จงส่งผู้หญิงสักสองคนไปที่วังเพื่อปรนนิบัติข้าที!”
ฉีเฉิงเฟิงนั่งอยู่ภายในห้องเงียบ ๆ ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่คนใช้ข้างนอกพูดคุยกันเขาก็รู้สึกเสียใจมาก
งานแต่งงานของซูหวานหว่านและคุณชายถัง!
หากเขาไม่ใช้วิธีที่ตัดนางออกไปแบบนั้น บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องเป็นแบบนี้
ฉีเฉิงเฟิงคิดถึงแต่ซูหวานหว่าน และรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง ซูหวานหว่านเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ทันใดนั้นก็พบว่ามีแม่น้ำใหม่เกิดขึ้นมาในมิติฟาร์ม และพบก้อนผนึกสีขาวบนชายฝั่งกำลังส่องแสงประกาย มันคืออะไรกันนะ?
ซูหวานหว่านเดินเข้าไปช้า ๆ เมื่อนางหยิบก้อนผนึกสีขาวขึ้นมาก็พบว่ามันคือเกลือ!
แม่น้ำ มันคือแม่น้ำอะไร ซูหวานหว่านมองอย่างพิจารณาและกวักน้ำขึ้นมา หลังจากสังเกตดูครู่ใหญ่ นางก็สรุปได้ว่ามันคือน้ำเค็ม!
ซูหวานหว่านรู้สึกประหลาดใจ ต่อไปนางก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเกลือมาทำอาหารแล้วสินะ?
ซูหวานหว่านรู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับการก่อตัวขึ้นของน้ำเค็มนี้ พลันนั้นก็มีตัวหนังสือปรากฏขึ้นในมิติฟาร์ม ‘ฉีเฉิงเฟิงนั้นเศร้าใจมากจนร้องไห้ออกมา เลยทำให้มีแม่น้ำเค็มนี้เกิดขึ้นมา’
เขาเสียใจเรื่องใดกัน ซูหวานหว่านหัวเราะไม่ออก การที่ผูกจิตของฉีเฉิงเฟิงไว้กับมิติฟาร์ม ความเศร้าของฉีเฉิงเฟิงสามารถทำได้ขนาดนี้เลยหรือ?
ยิ่งซูหวานหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไรนางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวจึงคิดจะปลูกผักเพิ่มและกำลังจะดื่มน้ำในบ่อ พลันก็มีตัวหนังสือปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของนางขึ้นมาว่า ‘เจ้าบ้านกำลังจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง นี่เป็นของขวัญจากมิติฟาร์ม อีกอย่างข้าขอเตือนเจ้าบ้านว่าเจ้าจะต้องระมัดระวังเรื่องการแต่งงาน’
มันคืออะไร? เมื่อหยิบมันขึ้นมาซูหวานหว่านก็ต้องตกใจ เพราะมันคือกระเทียม
นางกำลังจะแต่งงานใหม่เหตุใดมิติฟาร์มถึงส่งสิ่งนี้มาให้
กระเทียม… เพื่ออะไร?
ซูหวานหว่านไม่ได้ถามอะไรออกมา นางนำกระเทียมไปปลูกในใหม่ทันที เมื่อปลูกเสร็จก็ออกไปจากมิติฟาร์ม
ในยามค่ำคืน คุณชายถังแขวนโคมเอาไว้ที่หน้าเรือน ซูหวานหว่านคิดว่ามันถึงเวลาที่นางจะไปหาฉีเฉิงเฟิงแล้ว ดังนั้นนางจึงรีบออกไปทันที แต่ด้วยความที่นางไม่รู้ทางในบ้านสกุลถัง ทำให้นางปีนผิดกำแพงและเข้าไปในลานไหนก็ไม่รู้!
ขณะที่นางหาทางออกได้แล้ว นางก็ได้เห็นคุณชายถังกำลังนั่งคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว และหูของนางก็ได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ออกมาจากในห้องว่า “คุณชายถัง ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยฆ่าซูหวานหว่านแทนข้า!”