ตอนที่ 267 พัวพันกับคดีฆาตกรรม
“ข้า ข้า…” สือฉินเอ๋อร์เอ่ยตะกุกตะกักเมื่อได้ยินคำถามนี้ หญิงสาวจ้องมองไปซูหวานหว่าน ดวงตากลมโตของนางพลันแดงก่ำขึ้นมา “มันคุ้มค่าหรืออย่างไรที่จะยอมให้เขา?!”
เมื่อภาพลวงตาเหล่านั้นถูกทำลายด้วยหยกสะกดวิญญาณ น้ำเสียงจึงแหบแห้งลงเรื่อย ๆ ราวกับมีคนใช้เล็บแหลมยาวขูดประตูในยามค่ำคืน น่ากลัวเป็นอย่างมาก!
เมื่อซูหวานหว่านได้ยินคำพูดนี้ ในหัวของนางเต็มไปด้วยความหวัง หากแต่นางจะไม่เชื่อสือฉินเอ๋อร์อีกแล้ว หญิงสาวปล่อยมือนางด้วยความรังเกียจ “แค่เจ้าไม่พูดถึงมันก็พอแล้ว แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ องค์ชายสามไม่มีวันเป็นของเจ้า เจ้าอย่ามาเอาเปรียบสิ่งใด ๆ อีก”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สือฉินเอ๋อร์กรีดร้อง และวิ่งเข้าไปผลักซูหวานหว่านลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง!
คุณชายและคุณหนูทั้งหลายที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของสือฉินเอ๋อร์จึงรีบพาเหล่าคนใช้วิ่งมาทางนี้ เมื่อพบเห็นท่าทางของทั้งคู่ก็ต้องตกใจ เหตุใดซูหวานหว่านและสือฉินเอ๋อร์กำลังฉุดกระชากกันไปมา และเมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าของสือฉินเอ๋อร์ ก็ต้องตกใจยิ่งกว่า
ทันใดนั้นก็มีคุณชายคนหนึ่งพุ่งเข้าไปกระชากสือฉินเอ๋อร์ออกมา และตะคอกใส่นางว่า “ยายแก่! เจ้าขโมยชุดของคุณหนูมาใส่ทำไม! อีกทั้งยังคิดที่จะทำร้ายคุณหนูใหญ่จ้าวอีก! ช่างอาจหาญเกินไปแล้ว!”
ร่างกายของสือฉินเอ๋อร์สั่นสะท้าน สายตาตวัดมองไปยังคุณชายคนนั้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ “เจ้าบอกว่าข้าคือยายแก่อย่างงั้นหรือ?”
“แล้วเจ้าไม่ใช่หรืออย่างไร?” คุณชายคนนั้นเอ่ย เขาไม่อยากมองใบหน้าของสือเฉินเอ๋อร์อีกต่อไป และรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนนั้นเย็นยะเยือกเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มออกแรงเตะหญิงสาวที่ลากแขนของเขาออกไปทันที!
บังเอิญเสียจริง แรงกระทบกำลังดี แรงกระแทกนั้นทำให้สือฉินเอ๋อร์ตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง!
สือฉินเอ๋อร์อยากจะลุกขึ้นมา แต่เท้าของนางลื่นมาก ทำให้นางล้มลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง!
เหล่าผู้ชมต่างโห่ร้องด้วยความยินดี และเอ่ยชื่นชมว่าชายหนุ่มทำได้ดีมาก
ซูหวานหว่านเอ่ยขอบคุณคุณชายคนนั้นและหมุนตัวเตรียมจากไป ทันใดนั้นคนรับใช้ของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ตามมา “คุณหนูใหญ่จ้าว เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงของคุณหนูของพวกเราจากทางนี้ ท่านเห็นนางหรือไม่ขอรับ?”
ที่ตะเกียกตะกายดิ้นรนอยู่ในน้ำนั้นไม่ใช่สือฉินเอ๋อร์หรือยังไง! ซูหวานหว่านมองคนอยู่ภายในน้ำ “นั่นคุณหนูของพวกเจ้าไง”
“นั่นไม่ใช่คุณหนูของพวกเรา” คนรับใช้คนนั้นส่ายหัว ในใจก็รู้สึกงุนงง “คุณหนูของพวกเรางดงามมาก น้ำเสียงก็ไพเราะ จะเป็นยายแก่คนนั้นได้อย่างไรกัน!”
นั่นคือสือฉินเอ๋อร์! ซูหวานหว่านรู้สึกหมดหนทาง นางไม่รู้ว่าต้องอธิบายอย่างไร จึงเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ด้วยแล้ว พวกเจ้าก็ให้คนมาตามหานางเองก็แล้วกัน เมื่อครู่ข้าก็ได้ยินเสียงของนางเหมือนกัน แต่พอลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นนางแล้ว”
“เช่น… เช่นนั้นก็รบกวนคุณหนูใหญ่จ้าวแล้ว” คนรับใช้คนนั้นกล่าวพร้อมก้มหัวลงต่ำ
ซูหวานหว่านโบกส่งสัญญาณบอกว่าไม่เป็นไร หลังจากนั้นนางก็เดินไปบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน เมื่อพบเจอคนรับใช้ตระกูลจ้าวที่รอนางอยู่ก็รีบออกไปจากที่นี่ทันที
ไม่กี่วันต่อมา หิมะตกหนัก ทว่าฉีเฉิงเฟิงเองก็ยังคงไม่ได้กลับไปยังจวนของตนเอง เขายังอยู่ที่บ้านตระกูลจวน และเล่นวางหมากเป็นเพื่อนซูหวานหว่าน
วันเวลาผ่านไปอย่างสบาย ๆ
ในตอนที่เล่นวางหมากนั้น ซูหวานหว่านก็เอ่ยถามถึงเรื่องสือฉินเอ๋อร์ หากแต่ความทรงจำของฉีเฉิงเฟิงที่มีต่ออีกฝ่ายนั้นเลือนลางมาก จึงพูดเพียงแค่ว่า “เคยเจอนางที่จวนอัครเสนาบดี นิสัยของนางค่อนข้างสันโดษและเอาแต่ใจตนเอง ข้าไม่ได้สนิทสนมกับนางเป็นการส่วนตัว”
จากคำพูดของฉีเฉิงเฟิง ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขาไม่ใช่เรื่องโกหก แต่นางยังคงสงสัยว่าสือฉินเอ๋อร์มีวิชาเหล่านั้นได้อย่างไร ทว่าเสียงในมิติฟาร์มยังคงพักผ่อนอยู่ นางจึงถามไม่ได้ว่าทำไม
“ถึงตาเจ้าแล้ว” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยเตือนนาง
ในตอนที่ซูหวานหว่านกำลังจะวางหมาก ทันใดนั้นก็มีนกพิราบตัวหนึ่งบินเข้ามา มันโฉบลงเกาะบนไหล่ของฉีเฉิงเฟิง
ชายหนุ่มหยิบจดหมายออกมาจากขาของมัน ซูหวานหว่านขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองเนื้อความในจดหมายฉบับนั้น ที่แท้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับแหล่งเก็บเกลือในฉีเป่ยเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งฉีเป่ยก็เป็นอาณาเขตบริเวณที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้แก่ฉีเฉิงเฟิง เมื่อรับรู้ถึงความร้ายแรง ซูหวานหว่านจึงรีบอกให้ฉีเฉิงเฟิงออกเดินทางไปในทันที
หลังจากที่ฉีเฉิงเฟิงจากไปแล้ว ซูหวานหว่านก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา และนั่งเท้าคางมองหมากที่ฉีเฉิงเฟิงเล่นอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
ตึง! ตึง! ตึง! เสียงเคาะประตูของพ่อบ้านดังขึ้น เขายังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดขึ้นมาซูหวานหว่านก็พูดขึ้นมาว่า “การแข่งขันจะเลื่อนออกมา จนกว่าองค์ชายสามจะกลับมายังเมืองหลวง”
“เฮ้อ!” พ่อบ้านถอนหายใจ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “คุณหนู ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่แต่เราก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้! ด้านนอกมีคุณชายจำนวนไม่น้อยเดินทางมายื่นจดหมายขอถอนตัวจากการแข่งขัน ไม่กี่วันบนถนนจะไร้ผู้คน ร้านรวงบนถนนต่างปิดตัวลง”
“ทำไมกัน?” ซูหวานหว่านเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในเมืองหลวงอย่างงั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว!” พ่อบ้านเอ่ยออกมา ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความตกใจราวกับเห็นผี “สองสามวันมานี้มีคนพบศพไร้หน้าสองสามศพในเมืองนี้! และก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนทำ ศพชายหญิงเหล่านั้นถูกผู้คนพบบนถนนในยามเช้าตรู่!”
“คดีศพไร้หน้างั้นเหรอ?” ขมวดของซูหวานหว่านขมวดเข้าหากัน พ่อบ้านจึงพูดขึ้นมาอีกว่า “คดีศพไร้หน้าเกิดขึ้นก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงเสียอีก!”
สีหน้าของซูหวานหว่านดูนิ่งเฉย และกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่จ้าวเดินเข้ามาพูดคุยกับนาง และสั่งห้ามไม่ให้หญิงสาวออกจากบ้าน ซึ่งหลังจากที่ฟังอยู่นานก็รู้สึกไร้หนทาง “ท่านแม่ ข้างนอกหนาวขนาดนั้น ข้าก็ไม่อยากออกจากบ้านเหมือนกันนะ! ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ท่านพูดจนขี้หูของข้าเต้นหมดแล้ว”
“เด็กคนนี้นี่จริง ๆ เลย…” ถึงแม้นางจะรู้สึกหงุดหงิด แต่หัวใจของนางก็เป็นสุขเมื่อลูกสาวบอกว่าจะไม่ออกไปด้านนอก จึงไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก นางกำลังจะเรียกคนใช้มาเพิ่มถ่าน แต่ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา ปากเอ่ยว่า “ฮูหยินจ้าว วันนี้คุณหนูใหญ่จ้าวเห็นทีจะต้องออกจากบ้านเสียแล้ว!”
ท่าทางก้าวร้าวของคนเหล่านี้มันจะมากเกินไปแล้ว! แต่เมื่อเห็นแผ่นป้ายบริเวณเอวของพวกเขา ซูหวานหว่านจึงรู้ทันทีว่าพวกเขามาจากศาลต้าหลี่ นั่นทำให้นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
แม่จ้าวรู้สึกสับสน ยืนขวางหน้าซูหวานหว่านเอาไว้ทันที และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร? ลูกสาวของข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ได้โปรดระมัดระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย!”
“ท่านแม่ อย่าได้ตกใจไปเลย” ซูหวานหว่านดึงมารดาของตนเองไว้ “ไม่กี่วันนี้มานี้ข้าไม่ได้ไปไหน หากพวกเขาต้องการจับข้า พวกเขาจะต้องนำหลักฐานมาแสดง”
เมื่อผู้คนเหล่านั้นเห็นซูหวานหว่านผู้ออกมาด้วยท่าทีนิ่งสงบเช่นนี้ต่างก็มองหน้ากัน และผู้ที่เป็นหัวหน้าก็พูดขึ้นมาว่า “ช่างใจเย็นนัก ทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณหนูสามตระกูลสือแท้ ๆ!”
คุณหนูสามตระกูลสือ? ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ข้าออกมาจากจวนอัครเสนาบดีเมื่อสามวันก่อน และไม่กี่วันมานี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน จะไปฆ่านางได้อย่างไรกัน? เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตคน พวกเจ้าจะมาพูดจาซี้ซั่วเช่นนี้ไม่ได้”
“พวกข้าไม่ได้พูดจาซี้ซั้ว!” หัวหน้าของพวกเขาพูดขึ้นพลางหยิบเชือกขึ้นมาและเดินไปทางซูหวานหว่าน “คุณหนูใหญ่จ้าว เมื่อสามวันก่อนคุณหนูสามตระกูลสือได้พบเจอกับเจ้า มีคนได้ยินเจ้ากับนางมีปากเสียงกันที่ริมทะเลสาบ เมื่อทุกคนไปถึงก็ไม่มีผู้ใดพบเจอนางแล้ว แต่เจ้า…ก็ยังสบายดี! เช้าตรู่วันนี้ถูกพบอยู่ที่ริมทะเลสาบน้ำแข็ง หนังบนใบหน้าของนางหายไป บุคคลที่หน้าสงสัยที่สุดคือเจ้า! หรือแม้กระทั่ง… เจ้าอาจจะเป็นฆาตกรในคดีศพไร้ใบหน้าอื่น ๆ!”
ทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนมีเหตุผล แต่สำหรับเรื่องของสือฉินเอ๋อร์นั้น …ไม่ใช่ว่าหลังจากที่ตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งไม่นานก็มีคนช่วยขึ้นมาหรือ?
ซูหวานหว่านพยายามครุ่นคิด พลันใดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันคือแผนร้าย! คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กำลังรอให้นางเข้าไปร่วมสนุกด้วย!
หญิงสาวพยายามขบคิดอีกครั้งหากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา คนเหล่านั้นจึงเดินผ่านแม่จ้าวเข้ามาจับข้อมือของนางเอาไว้ และมัดเชือกอย่างรวดเร็ว “พาคุณหนูใหญ่จ้าวไป!”