ตอนที่ 289 ชื่อเสียงคนดัง
ตอนที่ 289 ชื่อเสียงคนดัง
“โดนปล้น?” ซูหวานหว่านเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ขอรับคุณหนู! ข้าได้ให้คนไปแจ้งพลลาดตระเวนแล้ว!” พ่อบ้านเอ่ยออกมา เหงื่อผุดไหลซึมขึ้นมาตามหน้าผาก
“เจ้าพอจะจำได้ไหมว่าหัวขโมยคนนั้นได้ขโมยสิ่งใดไปบ้าง” ซูหวานหว่านถามพ่อบ้านออกมา สายตาจับจ้องไปที่รถม้าอันว่างเปล่า เมื่อเห็นพ่อบ้านส่ายหัว นางก็พูดออกมาว่า “งั้นก็ไม่เป็นไร พวกเรายังมีสินค้าอื่นอีก”
“ค่อยยังชั่ว” พ่อบ้านถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และไปช่วยจัดการงานต่อทันที
พอทุกคนได้ยินว่าของถูกขโมยไป ทุกคนก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ที่เกิดความกังวลมากมายที่สุดเห็นว่าจะเป็นเหล่าสตรีทั้งหลาย พอนึกถึงของที่ตัวเองต้องการจะซื้อหายไป พวกนางอดไม่ไหวอยากจะไปล่าตัวหัวขโมย แล้วนำไปส่งที่ศาลาว่าการ
แต่ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้นางก็ไม่สามารถทำได้
สิ่งที่พวกนางทำได้เพียงตอนนี้คือแย่งชิงสินค้าที่เหลืออยู่มาให้ได้!
ทุกคนเดินตามซูหวานหว่านเข้าไปในสวน พวกเขาเดินตามซูหวานหว่านไปทุกที และทุกเวลา หญิงสาวรู้สึกจนปัญญา จึงนางประกาศกฏข้อบังคับเกี่ยวกับการขายของ “ทุกคนโปรดเลิกเดินตามข้าได้แล้ว สินค้ายังคงมีอยู่ หากแต่มันเหลือน้อย มันก็แค่…ของหายไปครึ่งหนึ่ง! ปีนี้ของมีจำนวนจำกัด หากพวกเจ้าซื้อไม่ได้ เจ้าก็ต้องมาซื้อใหม่ในปีหน้า”
“…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะกลัวว่าตัวเองอาจจะซื้อไม่ไหว! ทุกคนก็ต่างซักถามซูหวานหว่านอย่างละเอียด แต่หญิงสาวก็ได้ใช้ประโยชน์จากการที่ทุกยังไม่ทันได้สังเกตขึ้นไปแท่นการแข่งขัน หากแต่การแข่งขันรอบถัดไปยังไม่เพิ่มขึ้น หากแต่ทุกคนหมดความสนใจกับการแข่งขันในรอบนี้แล้ว พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูจ้าว เจ้าเอาของมาขายเถอะ! หากขายเสร็จ ค่อยดำเนินการแข็งขันต่อก็ได้!”
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวาย ซูหวานหว่านจึงยอมทำตามคำขอพร้อมกับปรบมือส่งสัญญาณ ให้คนใช้ไปหยิบของมา น้ำยาล้างจานในขวดเป็นสิ่งที่ทุกบ้านต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพราะต้องใช้ชำระล้างจานทั้งก่อนและหลังใช้ เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ให้ความสนใจในน้ำยาล้างจานมาก
เมื่อมองดูบรรจุที่เอาไว้ใส่น้ำยาล้างจาน รูปร่างหน้าตาของมันเหมือนกับกาน้ำชามาก และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่ากาน้ำชาทำมาจากอะไร จึงรู้สึกตกใจและถามออกมาว่า “คุณหนูจ้าว ของสิ่งนี้มันเป็นของล้ำค่า! อีกทั้งยังดูมีราคาสูง! มันขายอย่างไรรึ?”
กำลังถามราคาอยู่หรือเปล่า? ซูหวานหว่านยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “งั้นก็มาดูกันว่ามันจะได้ในราคาเท่าไร”
หลังจากพูดแบบนั้น ซูหวานหว่านก็สั่งให้คนใช้นำค้อนเล็ก ๆ ออกมา นี่มันคือการประมูลสินค้าอย่างงั้นหรือ?
ทุกคนต่างตกตะลึง และชายคนหนึ่งในกลุ่มก็เอ่ยออกมาว่า “คุณหนูจ้าว น้ำยาล้างจานของท่านมีราคาแค่ไม่กี่ตำลึง มันคงจะไม่เหมาะหากจะนำมาประมูล?”
“ทำไมถึงไม่เหมาะสม?” ซูหวานหว่านก็มองไปรอบ ๆ และก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเสียงผู้ชายคนนั้นก็คือคุณชายถัง!
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายถังจะมีชีวิตที่ดีอยู่! อีกทั้งตอนนั้นยังออกมาพูดจายั่วยุนางด้วยคำพูดประชดประชันเช่นนี้อีก ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาอีกครั้งว่า “เป็นอะไรไป คุณชายถังคงจะคิดว่าตัวเองจะซื้อไม่ไหวอย่างงั้นสิ? จริง ๆ แล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้เอาไว้ล้างมือในวัง”
“ว่าอย่างไรนะ ของสิ่งนี้ฮ่องเต้ก็ใช้อย่างงั้นหรือ” ทุกคนตื่นตกใจ นี่ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มีของอย่างที่ฮ่องเต้ใช้!
อันที่จริงแล้ว ของสิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากที่ฮ่องเต้ใช้ แต่ว่าซูหวานหว่านได้ส่งของสิ่งนี้ไปผ่านทางฮองเฮา ไปให้ฮองเต้ได้ใช้
ซูหวานหว่านที่ได้เห็นสายตาตื่นเต้นของเหล่าชาวบ้าน “ข้าไม่รู้ว่าคนอื่นมีหรือไม่ แต่ว่าข้ารู้ว่าองค์ชายสามนั้นมีหนึ่งชิ้น และที่จวนของนายอำเภอก็มีหนึ่งชิ้น”
“อะไรนะ?” ทุกคนตกใจฉีเฉิงเฟิงและขุนนางชั้นสูงต่างมีสิ่งของนี้ในครอบครอง! แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่มี?
บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มครึกครื้นขึ้นมา แค่ยืมชื่อเสียงของพวกเขาเหล่านี้มาใช้ น้ำยานี้ก็กลายเป็นของใช้ที่ไม่ธรรมดาแล้ว อีกทั้งยังใช้ฝีมือประณีตในบรรจุ เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา’ และพวกเขาก็คิดว่าจะเข้าร่วมการประมูลนี้ เพื่อซื้อหม้อชาอันแสนงดงามและทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อวางแผนที่จะใช้ต้มชาดื่ม และยังสามารถมาทำเป็นของตกแต่งภายในบ้านได้อีกด้วย
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็เริ่มการประมูลได้แล้ว” ซูหวานหว่านทุบค้อนทันที “ทุกคนโปรดจำเอาไว้ว่า สิ่งของชิ้นนี้ทำจากหยกขาว ถูกทำขึ้นมาโดยอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ราคาหนึ่งพันตำลึง! การเสนอราคาต่อครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าสิบตำลึง!”
เมื่อได้ยินดังนี้เสียงโหวกเหวกของทุกคนก็เงียบลง แน่นอนว่าราคาของหม้อชาหยกที่มีฝีมือประณีตแบบนี้จะขายในราคาเจ็ดแปดร้อยตำลึง แต่ว่าหม้อหยกที่ใส่น้ำยาล้างมือมันก็แค่มีราคาสองสามร้อยตำลึงเท่านั้น แบบนี้ราคามันจะแพงเกินไปไหม!
แบบนี้จะยังมีใครซื้อหรือไม่ คุณชายถังว่าซูหวานหว่านควรจะตั้งราคาที่ถูกลงเพื่อให้ได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณหนูจ้าว เจ้าหน้าเงินเกินไปหรือเปล่า เจ้าคิดว่าทุกคนโง่อย่างงั้นเหรอ คิดว่าคนอื่นจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อของพัง ๆ แบบนี้อย่างงั้นหรือ?”
“คุณชายถัง คำพูดของเจ้าก็คงจะผิดไป” ซูหวานหว่านมองไปที่คุณชายถังด้วยความรู้สึกสงสารในตัวเขา “คุณชายถังคงจะลืมไปแล้วว่าของเป็นสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งของที่ฮ่องเต้และขุนนางชั้นสูงได้ใช้! มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากอยู่แล้ว! หากเจ้าพูดออกมาแบบนี้ แสดงว่าเจ้ากล่าวหาว่าฮ่องเต้และขุนนางเหล่านั้นเขาเป็นโง่อย่างงั้นเหรอ?”
เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ คุณชายจึงไม่กล้าที่จะสร้างปัญหา เหมือนกับมีบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอทำให้เขากลืนคำพูดลงไปในลำคอ เขายืนกำหมัดแน่นเอาไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าคุณชายถังเงียบไป หญิงสาวจึงไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป และเอ่ยแนะนำถึงประสิทธิภาพของน้ำยาล้างจาน และวัสดุล้ำค่าที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้ทุกคนได้รับฟัง
หญิงสาวทุบค้อนที่อยู่ในมือขึ้น แล้วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “การประมูลได้เริ่มขึ้นแล้ว และราคาเริ่มที่หนึ่งพันตำลึง!”
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะใช้สิ่งนี้ แต่ในราคาหนึ่งพันตำลึงมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเหมือนซื้อกะหล่ำปลี จู่ ๆ ก็มีคนในกลุ่มฝูงชนตะโกนพูดขึ้นมาว่า “หนึ่งพันสิบตำลึง”
ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยราคาออกมา ซูหวานหว่านจึงยกค้อนขึ้นมาทุบสามครั้งแล้วพูดออกมาว่า “หนึ่งพันสิบตำลึงได้ตกเป็นของคุณชายท่านนี้!”
ทันทีที่พูดจบ คนใช้ก็มอบป้ายไม้ให้ชายคนนั้นเมื่อเป็นการจบการประมูลของชิ้นนี้ คนที่ประมูลได้จึงรับป้ายนั้นไป พร้อมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกเสียใจเมื่อจะต้องจ่ายเงินหนึ่งพันสิบตำลึงให้ซูหวานหว่าน แต่เมื่อหญิงสาวบอกว่าในเมืองนี้มีของอยู่เพียงแค่สิบใบเท่านั้น เขาก็รู้มีความสุขขึ้นมาทันที
แตกต่างจากคนอื่นที่รู้สึกเสียใจ ทันใดนั้นคนหนึ่งในฝูงชนก็อุทานออกมาว่า “อะไรนะ? มีแค่สิบใบเท่านั้น”
“ไม่ ตอนนี้เหลือเพียงเก้าใบเท่านั้น” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมา ดวงตาของนางกวาดไปรอบ ๆ มองไปยังผู้คนเหล่านั้น ทำให้คุณชายถังที่ยืนทั้งรู้สึกอิจฉาและทั้งรู้สึกเกลียดชัง พร้อมกับกำหมัดแน่น เขามองหาชายชุดดำในกลุ่มฝูงชนและพยักหน้าให้ และชายคนนั้นก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมีข้อตกลงอะไรร่วมกัน
“ใครที่อยากได้ก็จงรีบซื้อ! รีบซื้อซะจะได้มีความสุข! หากล่าช้าเจ้าอาจจะเสียใจได้!” ซูหวานหว่านพูดออกมาอีกครั้ง ทำให้ทุกคนตรงนั้นรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา ทุกคนเริ่มการประมูลอีกครั้ง และราคามากสุดในรอบนี้สูงถึงสองพันตำลึง!
พอถึงเวลาที่ประจวบเหมาะชายชุดดำก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “ทุกคนอย่าซื้อมัน! ที่ถนนตะวันออกนั้นมีสิ่งนี้ขายอยู่ด้วย! อีกทั้งมีจำนวนมาก! ราคาเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเท่านั้น! พวกเจ้าอย่าได้ถูกหลอกเพราะการเก็งกำไรของแม่นางคนนี้!”
ราคาเงินหนึ่งร้อยตำลึง ซูหวานหว่านก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกมาก และหันไปมองที่ชายคนนั้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มประชดประชันออกมา “ข้าจะให้เงินหนึ่งพันตำลึงแก่เจ้า หากเจ้าสามารถซื้อมันมาได้ถึงสิบใบเจ้าจะว่าอย่างไร?”
ชายคนนั้นจับคางของตัวเองพร้อมกับครุ่นคิด หันไปสบตาซูหวานหว่านด้วยแววตาดูถูก “ข้าไม่ได้พูดผิด!”
ซูหวานหว่านกำลังจะเรียกคนคุ้มกันออกมาจัดการชายคนนั้นที่มาก่อความวุ่นวาย หากแต่มีเสียงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ “มีของดีมากมายที่คุณหนูจ้าวเอามาขายในวันนี้ที่ถนนตะวันออก! ราคาสูงสุดไม่เกินหนึ่งร้อยตำลึง! ทุกคนรีบไปดูเร็วเข้า! หากช้ามันอาจหมดได้!”