ตอนที่ 314 ฮ่องเต้ทรงกริ้ว
ตอนที่ 314 ฮ่องเต้ทรงกริ้ว
ซูหวานหว่านสั่งให้คนมาขนเงินและจากไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเดินมาถึงยังซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จึงสั่งให้คนแยกย้ายกันออกไปก่อน หลังจากเห็นผู้คนออกไปซูหวานหว่านก็เริ่มนับเงิน และทันใดนั้นก็มีคนจำนวนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา หญิงสาวเหลือบมองป้ายที่ห้อยอยู่บริเวณเอวของพวกเขาก็พบว่าพวกเขาเป็นคนของแม่ทัพเหนียน!
ดูเหมือนว่าสือเฉิงชุนจะส่งคนมาจัดการนาง เพียงแต่ซูหวานหว่านยังมีท่าทางนิ่งสงบราวกับนางคาดการณ์สิ่งนี้เอาไว้แล้ว หญิงสาวก้าวถอยหลังและทิ้งเงินเอาไว้ ก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกเจ้าต้องการสิ่งใด! ข้าจะให้เงินทั้งหมดแก่เจ้า โปรดอย่าฆ่าข้าเลย!”
“เจ้าได้ทำให้ท่านแม่ทัพของเราเกิดความขุ่นเคือง เจ้าจะไม่ให้พวกเราฆ่าเจ้าได้อย่างไร!” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเอ่ยออกมา ชักดาบพุ่งเข้ามาหวังฟันคอซูหวานหว่านให้ขาดสะบั้น หากแต่เขายังไม่ทันได้ลงมือก็ได้เสียงหนึ่งดังขึ้น “พวกเจ้าเฝ้าเงินเอาไว้ ส่วนเข้าจะจับมันให้แม่ทัพเป็นคนจัดการ!”
เมื่อได้ยินคำพูดและน้ำเสียงแบบนี้ ชายคนนั้นก็ตกใจ นี่มันเสียงของเขาจริง ๆ หากแต่เขาไม่ใช่คนพูด!
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาในตอนนี้เป็นเหมือนกับหุ่นเชิด และถูกควบคุมโดยผู้อื่น!
ในสายตาของทุกคนพวกเขาคิดว่าชายคนนั้นกำลังจะจับตัวซูหวานหว่านไปส่งให้สือเฉิงชุน ทุกคนต่างยกย่องชายคนนั้นที่รู้วิธีเอาใจสือเฉิงชุน หากแต่พวกเขาไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าชายคนนั้นกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา เห็นได้ชัดว่าซูหวานหว่านเป็นคนที่เก่งกาจมาก! เขาอยากจะส่งเสียงออกมาแต่ลำคอของเขาเหมือนถูกบีบรัด จนไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้
เขาพาตัวซูหวานหว่านเดินออกไป เดินไปยังตรอกเล็ก ๆ ไม่นานร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไม่สามารถขยับได้ ส่วนเขาของเขารู้สึกเจ็บขึ้นมา มือไม้พลันชาวาบไม่อาจขยับเขยื้อน และดาบที่อยู่ในมือของเขาก็ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างแรง
เคร้ง!
ภายใต้สายตาของเขา ชายคนนั้นเห็นซูหวานหว่านหยิบกระดาษ หมึก และพู่กันออกมาอย่างใจเย็น นางเขียนบางอย่างลงบนกระดาษและแปะลงใบหน้าของเขา และจากไปทันที
เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ สักพักก็มีคนวิ่งเข้ามาในตรอกแล้วพูดว่า “ในกล่องนั้นไม่มีเงินอยู่เลย! ไม่รู้ว่ามันเอาเงินไปซ่อนเอาไว้ที่ไหน!”
“ในซอยนี้ก็ไม่มีครอบครัวของเขาเช่นกัน! และไม่มีตระกูลใดอาศัยอยู่เลย เมื่อสองสามปีก่อนเคยมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่ จึงไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในตรอกซอกซอยนี้!”
“…”
ไม่นานชายคนนั้นก็กลับมาขยับตัวและเอ่ยพูดได้ เข้าหันหน้าไปมา ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทิศทางนึง “เขาหนีไปแล้ว! ไปจับเขามาเร็วเข้าไป!”
เมื่อชายคนนั้นเดินออกไป ทุกสายตาก็จับจ้องไปบนใบหน้าของชายคนนั้น ก่อนจะพากันส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! จะมีใครกันเขียนคำว่าโง่เอาไว้บนหน้าผากของตัวเอง!”
สีหน้าของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนไป ก่อนจะปริปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาทันที เมื่อทุกคนได้รับรู้เรื่องราวจากปากเขา ก็รีบออกไปตามหาตัวของซูหวานหว่านทันที
ซูหวานหว่านได้หนีออกไปไกลแล้ว นางเข้ามาหลบอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง และถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์ม เมื่อพอมาถึงนางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคะแนนของนางเพิ่มขึ้นเป็นสามหมื่นคะแนน
หญิงสาวทิ้งตัวนอนลงบอกกองภูเขาทองคำอย่างสบายอุรา ถึงแม้ในใจของนางจะไม่รู้สึกอย่างนั้นก็ตาม
ซูหวานหว่านอยากจะเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของสือเฉิงชุน เพราะนางได้เตรียมของเอาไว้เพื่อสร้างความประหลาดกันใจแก่เขา
ในเวลานี้ สือเฉิงชุนกำลังกำลังแจกจ่ายเกลือให้กับชาวบ้านตามท้องถนนด้วยใบหน้าอันหมางเมิน
ทันใดนั้นพลั่วในมือของเขาก็ขุดเจอวัตถุแข็ง ๆ เข้า สือเฉิงชุนหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา ก่อนจะโยนมันทิ้งไป และชาวบ้านคนหนึ่งก็เก็บมันขึ้นมา ชาวบ้านคนนั้นเหลือบมองเขาก็จะพูดด้วยท่าทีตกใจ “นี่…เกลือนี้ไม่สามารถนำไปกินได้!”
“เกิดอะไรขึ้น?” สือเฉิงชุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย เหลือบมองหนังสือเล่มหนึ่ง และเขาก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที มันคือเกลือที่มาจากตระกูลจ้าว!
เห็นได้ชัดว่านี้เป็นเกลือของตระกูลจ้าว!
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะซื้อเกลือของตระกูลจ้าวมา! สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปและเขาก็คิดถึงแผนการที่ตัวเองทำให้ตระกูลจ้าวจะต้องสูญเสียเกลือ พลันใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว เขากำหมัดแน่น ทันใดนั้นพลั่วที่อยู่ในมือเขานั้นก็ตกลงไปในไห และก็มีเสียงของชาวบ้านพูดออกมาว่า “เกลือของตระกูลจ้าวแล้วจะเป็นอย่างไร มันกินได้! เมื่อเช้านี้ข้าก็ได้มาเข้าแถวแล้วนำเกลือกลับบ้านไปปรุงอาหาร มันกินได้อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรอีกด้วย!”
“ใช่แล้ว!” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยสมทบออกมา เขาพิจารณาเกลือก้อนนั้นอยู่นานก่อนจะพูดว่า “ข้าเป็นหมอ ข้าดูแล้วเกลือนี้ไม่มีสิ่งใดเจือปน และมันเป็นเกลือชั้นดีเลย!”
“…”
ใบหน้าของสือเฉิงก็เปลี่ยนสีไปอีกครั้ง เพราะว่าเขาพยายามอย่างมากในการที่คิดแผนการแก้แค้นตระกูลจ้าว แต่นี้เขากำลังจะทำมันพังแบบไม่เป็นท่าอย่างงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่ามันคือเกลือตระกูลจ้าว และมีผู้คนไม่น้อยสงสัยในเรื่องนี้ แต่ว่าการปรุงอาหารจะไม่มีเกลือก็คงจะไม่ได้
ถึงแม้ว่าสือเฉิงชุนจะประกาศหยุดแจกเกลือ แต่พวกชาวบ้านก็ส่งเสียงออกขอร้องให้เขาแจกเกลือต่อ ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่าเกลือของตระกูลจ้าวมีสารเจือปนจะถูกกู้คืนมาแล้ว
ซูหวานหว่านนั่งอยู่ภายในห้องเก่า ๆ อันแสนทรุดโทรม ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นหญิงสาวตามเดิม เมื่อนึกถึงเรื่องคลังเกลือของตระกูลเฉียน นางก็ถอดจิตเข้าในมิติฟาร์มและสั่งให้สัตว์ทุกตัวย้ายเกลือกลับไปคืนที่ตระกูลเฉียนภายในคืนนี้
หลังจากสั่งการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ซูหวานหว่านเดินทางกลับไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม ฉีเฉิงเฟิงยืนดูดวงจันทร์อยู่ใต้ต้นเถาวัลย์ในสวนหลังตำหนัก เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ฮูหยินวันนี้เจ้าจัดการปัญหาได้เก่งมากจริง ๆ สามีคนนี้ประทับใจมาก”
“ขอบคุณสามีที่ยกย่องกันขนาดนี้” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา และนั่งลงบนชิงช้าข้าง ๆ ส่วนฉีเฉิงเฟิงก็ยืนอยู่ข้างหลัง และผลักชิงช้าให้นางเบา ๆ
ซูหวานหว่านใช้เวลาทั้งหมดอยู่ภายในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม เมื่อถึงเช้าวันใหม่ สาวใช้ได้นำน้ำร้อนมาเติมในอ่างและพูดว่า “ข้าน้อยมีเรื่องที่อยากจะมาบอกเอาไว้ว่า วันนี้ห้ามคุณหนูจ้าวออกไปข้างนอกนะเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ?” ซูหวานหว่านถามออกมาในขณะที่กำลังส่งกระจก และนางก็เอ่ยออกมาว่า “ฝ่าบาทมาที่นี่ใช่ไหม?”
“คุณหนูจ้าวฉลาดมากเจ้าค่ะ! ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ แต่ว่า…สีหน้าของเขานั้นดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่านั้นจะทรงกริ้วมาก” สาวใช้เอ่ย แล้วโรยดอกไม้ลงไปในอ่าง และเริ่มถูหลังของซูหวานหว่าน แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของซูหวานหว่านที่ยังคงนิ่งเฉย สาวใช้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “คุณหนูจ้าว ข้าได้เห็นฝ่าบาทกับองค์ชายสามกำลังพูดเรื่องของท่านอยู่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วข้าว่าคงจะไม่ดีเท่าไร ท่านอย่าออกไปจะดีกว่า!”
“เขามาที่นี่น่ะดีแล้ว” ซูหวานหว่านไม่ตอบรับคำขอของสาวใช้ นางก็หยิบปิ่นผมที่นางชื่นชอบขึ้นมาแล้วปักไปที่ผมของตัวเอง จากนั้นก็ให้สาวใช้นั้นหยิบผ้าคลุมมา นางลุกขึ้นไปแต่งตัวหยิบชุดที่นางชอบขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกไปจากห้องช้า ๆ
“คุณหนูจ้าวท่านจะไปไหน!” สาวใช้เดินตามไปติด ๆ พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง จนทุกคนในห้องโถงนั้นได้ยินถึงเสียงนี้
ณ ห้องโถงใหญ่
ฉีเฉิงและฉีเฉิงเฟิงได้นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ฉีเฉิงมองไปที่ม่านกั้นประตู และเห็นร่างของเด็กสาวราง ๆ และเอ่ยเยาะเย้ยว่า “ลูกชายเจ้าบอกว่าคุณหนูจ้าวไม่ได้อยู่ในตำหนักไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้คุณหนูจ้าวถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เจ้ากำลังปกป้องคนผิดอยู่ ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างมาก”
“ขออนุญาตกราบทูลฝ่าบาทว่าเหตุใดหม่อมฉันถึงเป็นคนผิด?” ซูหวานหว่านยกม่านออกแล้วเดินเข้า หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ว่า “อยู่ ๆ ตระกูลของข้าก็โดนจับแบบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ด้วยความผิดที่ว่าเกลือตระกูลข้ามีสารเจือปน โดยหมอหลวงของฝ่าบาทได้เป็นคนทำการตรวจสอบและพบเจอสารพิษ! จากนั้นบ้านของข้าก็ถูกปิดตาย ความผิดในครั้งนี้ไม่มีแม้กระทั่งหลักฐานด้วยซ้ำ หม่อมฉันขอถามว่าทำไมหม่อมฉันนั้นถึงมีความผิด?”
ในขณะที่ซูหวานหว่านถาม นางก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มประชดประชัน เมื่อเห็นท่าทีที่ตกใจของฉีเฉิงนางก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “หม่อมฉันอยากจะถามฝ่าบาทว่า ท่านไม่พอใจตระกูลจ้าวของหม่อมฉันใช่หรือไม่ จึงต้องการฆ่าตระกูลของหม่อมฉัน และเป็นคนวางแผนการเรื่องนี้เองทั้งหมดใช่ไหมเพคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉีเฉิงก็รู้สึกจุกไปที่หน้าอกและกล่าวออกมาว่า “ข้านั้นไม่ได้…”
หลังที่พูดออกมาไม่กี่คำ ฉีเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ถ้าเขาพูดอะไรออกไปตามอำเภอใจ เขาจะต้องตกหลุมพลางของซูหวานหว่านแน่ ๆ! ทำไมเขาถึงไม่ฆ่านางให้ตาย ๆ ไปเสีย
ฉีเฉิงเอ่ยออกมาเย็นชา “ทหาร! มาจับนังคนชั่วคนนี้ไปเสีย!”