ซูหวานหว่านถึงกับหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาและใช้พลังวิเศษสื่อสารพูดคุยกับสุนัขของนางว่า “ฉ่ายโกว กลับมา อย่ากัดพวกมันเลย”
ดูกันว่าคนเหล่านั้นจะมีความสามารถมากพอที่จะทำร้ายนางได้หรือไม่!
ทุกคืนก่อนเข้านอน นางมักจะวางกับดักเอาไว้ที่ลานบ้าน หากคนเหล่านี้กล้าที่จะเข้ามาในที่ของนาง ชั่วครู่คงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นเป็นแน่!
ซูหวานหว่านแสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง นางกอดฉ่ายโกวที่จู่ ๆ วิ่งกลับมา หนึ่งคนหนึ่งสุนัขซ่อนตัวอยู่ตรงช่องว่างระหว่างกำแพงกับตัวบ้าน
ตอนนี้คนที่อยู่นอกประตูถ่มน้ำลายออกมา มันพยายามผลักประตูบ้านอยู่ครั้งสองครั้ง ทว่าก็ไม่สามารถเปิดได้ เมื่อไม่สามารถเปิดได้ มันจึงใช้ดาบแทงเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างประตู จากนั้นออกแรงฟันจากบนลงล่าง ทำให้ไม้ที่ขัดประตูคลายออกมา ชายผู้นั้นกระตุกยิ้มพร้อมทั้งก้าวเข้าไปในลานบ้าน
เมื่อเห็นเงาดำ ๆ ของคนเดินเข้ามา เมื่อดูจากลักษณะท่าทางของเขา นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นั้นคือเจียงเส้าปัง ครู่หนึ่งความสงสัยก่อขึ้นภายในใจของนาง เหตุใดเจียงเส้าปังถึงมาอยู่ที่นี่?
“ซูหวานหว่าน! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะไม่สามารถพาตัวเจ้าไปได้!” เจียงเส้าปังเอ่ยแผ่วเบาและหยิบมีดออกมาจากแขนเสื้อของตนเอง ทั้งยังข่มขู่ “หากข้าไม่ได้เจ้าไป ข้าจะทำลายเจ้าซะ! และข้าก็ไม่เชื่อว่าหากข้าต้องการสิ่งใดแล้วจะไม่ได้!”
ชายผู้นี้กำลังป่วยอยู่หรือเปล่า? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วกอดฉ่ายโกวเอาไว้ เมื่อเห็นดวงตาของฉ่ายโกวเปลี่ยนเป็นสีเขียวจาง ๆ นางจึงเก็บมันเข้าไปในมิติฟาร์มของตัวเองเพราะกลัวว่าฉ่ายโกวจะทำให้ถูกพบว่าซ่อนอยู่ตรงนี้ ซูหวานหว่านลอบมองเจียงเส้าปังที่คืบคลานเข้ามาในลานบ้านของนาง รอดูว่าเจียงเส้าปังจะทำสิ่งใด
เจียงเส้าปังก้าวเดินเพียงไม่กี่ก้าว ซูหวานหว่านก็นับเลขในใจอย่างเงียบ ๆ “สาม สอง หนึ่ง!”
ทันทีที่นางนับจบ เจียงเส้าปังก็กรีดร้องขึ้นมา “โอ้ยย!”
เจียงเส้าปังเหยียบเข้ากับดักหนูที่นางได้วางเอาไว้! ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาด้วยความสะใจก่อนลุกขึ้นยืน เด็กสาวเดินออกจากที่ซ่อนตัวช้า ๆ มองเจียงเส้าปังที่กระโดดจับเท้าตัวเองด้วยความเจ็บปวด
นางเหยียดยิ้มพร้อมหยิบกับดักหนูออกมาจากมิติฟาร์มแล้วโยนลงบนพื้น เจียงเส้าปังที่จับเท้าของตนเองไว้ด้วยความเจ็บปวดชะงักงัน ก่อนเขาจะส่งเสียงร้องออกมาอีกครา “อ๊ะ!”
ซูหวานหว่านจ้องมองเจียงเส้าปังด้วยแววตาเย็นเยือก “ให้ทุกข์แก่ท่าน… ทุกข์นั้นถึงตัว หึ”
“เจ้าทำร้ายข้า!” เจียงเส้าปังกัดฟัน เขาเชื่อว่าซูหวานหว่านวางกับดักเอาไว้รอเขา
ชายหนุ่มโกรธเป็นอย่างมาก เขาดึงมีดออกมา ทว่าก็ต้องวางมันลงพร้อมกับเอ่ยติดตลก “ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ซูหวานหว่าน ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ!”
ตอนนี้เท้าของเขาเจ็บอย่างหาที่สุดไม่ได้ เจ็บจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้ว! เจียงเส้าปังปรับน้ำเสียงของตนเองและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ซูหวานหว่าน… อ๊ะ…”
เกรงว่าผู้ชายนี้จะคงป่วยจริง ๆ เสียแล้วสิ ซูหวานหว่านตกใจกลัวว่าเสียงที่เจียงเส้าปังร้องตะโกนออกมาจะทำให้เพื่อนบ้านได้ยิน แล้วอีกสักพักคงจะเดินออกมาดูกันเอาไปนินทากันสนุกปากเป็นแน่ ซึ่งมันต้องเข้าแผนของเจียงเส้าปังแน่นอน
ดวงตาสีเข้มของซูหวานหว่านเปล่งประกายออกมาในความมืดมิด นางกระโดดข้ามตัวของเจียงเส้าปังรวดเร็วราวร่างกายของนางเบาบางดุจกับนกนางแอ่น จากนั้นจึงเตะเข้าไปที่เป้าของเจียงเส้าปัง
“อ๊ะ!” เจียงเส้าปังก็ร้องออกมาอีกครั้ง ซูหวานหว่านยิ้มเยาะพลางเอ่ยว่า “เจ้ายังส่งเสียงออกมาได้อีกอย่างงั้นหรือ? เช่นนั้นแล้วข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดจนไม่สามารถปริปากร้องออกมาได้แม้แต่นิดเดียว! ใครกันที่ทำให้เจ้ามีความกล้ามาทำตัวเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่ข้า!”
เมื่อเอ่ยจบ นางก็เตะไปที่เป้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง ทว่าครั้งนี้ซูหวานหว่านได้ใช้แรงทั้งหมดที่นางมีเตะจนเจียงเส้าปังรับรู้ถึงความจุกภายในเป้ากางเกงของตน จากนั้นดวงตาของเขาค่อย ๆ ปิดลง
ซูหวานหว่านหยิบเอาพริกออกมาจากมิติฟาร์ม ยัดมันเข้าไปในปากของเจียงเส้าปังพร้อมกับสาดน้ำเกลือใส่ไปลงบนร่างกายท่อนล่างของเขา นางมองดูเจียงเส้าปังตื่นขึ้นมา ทำให้เด็กสาวรู้สึกพอใจกับฉากตรงหน้ายิ่ง
นางเดินไปมองซ้ายขวาเพื่อสำรวจดูว่ามีคนไหม จากนั้นก็ได้ตะโกนออกมาอย่างรีบร้อน “ช่วยด้วย! อนาจาร! ใครก็ได้ช่วยที!”
ซูต้าเฉียงที่ได้ยินเสียงก่อนใครรีบสวมรองเท้าและวิ่งออกมา ส่วนแม่เจิ้นนั้นได้จุดตะเกียงน้ำมันและรีบเดินตามออกมาเช่นกัน เหล่าเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกใกล้ ๆ ต่างสวมเสื้อคลุมออกมาดู บางคนได้ถือไม้ติดมือมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูหวานหว่านเหลือบมองเจ้าของน้ำเสียงที่พูดออกมา นางอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน ไม่นึกเลยว่าซูฉิงฉิงจะมาด้วย! หากจำไม่ผิดบ้านของซูฉิงฉิงอยู่ห่างจากบ้านนางไม่น้อย เหตุใดซูฉิงฉิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้เร็วเพียงนี้? หรือว่าบางที… นี่อาจเป็นเพราะซูฉิงฉิงที่ยุยงให้เจียงเส้าปังมาทำอะไรแบบนี้ก็เป็นได้!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ซูฉิงฉิงจะรู้หรือไม่ว่านางได้ทำให้เจียงเส้าปังเกือบไม่มีภาวะสืบพันธุ์เสียแล้ว?
ซูหวานหว่านยกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับปิดตาและร้องไห้ออกมา “เมื่อครู่… ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดทำให้ข้าตื่นขึ้นมากลางดึก และเห็นว่ามีใครบางคนกำลังบุกเข้ามา ข้าอยากจะหยุดคนร้ายเอาไว้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ข้าเกือบจะโดนทำมิดีมิร้ายแล้ว… โชคดีที่ข้าได้วางกับดักหนูเอาไว้ก่อนนอน ถ้าไม่เช่นนั้นคงโชคไม่ดีอย่างนี้แน่!”
เจียงเส้าปังได้แต่ก้มหน้างุด ทุกคนพยายามมองไปที่ใบหน้าของเขา ทว่ามองไม่ออกว่าเป็นใคร อีกทั้งเสื้อผ้าของเขาก็สกปรกเลอะเทอะไปหมด จนพวกเขาดูไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ใด ทุกคนจึงเอ่ยปลอบใจซูหวานหว่าน
“ช่างน่าสงสาร!”
“ใช่! ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาทำเรื่องแบบนี้กัน ช่างเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้! ขายหน้ายิ่งนัก!”
“…”
เมื่อได้ฟังเสียงปลอบโยนของชาวบ้านที่มีต่อซูหวานหว่าน ซูฉิงฉิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขภายในใจ หลังจากที่นางวางแผนบอกให้เจียงเส้าปังสั่งคนให้ไปทำแบบนั้นกับซูหวานหว่าน ดูเหมือนว่าเขาน่าจะทำสำเร็จแล้ว ในตอนนี้ซูหวานหว่านคงจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกต่อไป! ช่างน่าอดสูยิ่งนัก นางจึงกล่าววาจาเสียดสีออกมา “น้องหวานหว่าน เจ้าก็แค่ถูกทำมิดีมิร้ายจะร้องไห้ออกมาไยกับเรื่องเพียงแค่นี้?”
เหอะ! นี่ซูฉิงฉิงคิดว่านางตกลงไปในกับดักของตัวเองอย่างงั้นหรือ? ซูหวานหว่านยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าววาจาเสียดสีกลับไป “พี่ฉิงฉิง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้าแค่บอกว่าข้าเกือบจะถูกทำมิดีมิร้าย ไม่ใช่ให้เจ้ามาพูดแทนคนอื่นเช่นนี้! อีกทั้งยังมาพูดว่าข้าถูกทำมิดีมิร้ายไปเสียแล้วต่อหน้าพวกท่านป้า ๆ ทั้งหลายอีก… ท่านช่างเป็นคนโหดร้ายเหลือเกิน!”
“ข้า…” ซูฉิงฉิงถึงกับพูดไม่ออก ชาวบ้านต่างพากันมองมาที่นางคนเดียวพลางส่ายหัวไปมา
“ข้าไม่รู้เลยว่าชายผู้นั้นมองซูฉิงฉิงเป็นคนอย่างไร! นิสัยเช่นนี้ ไม่น่าคบหาเสียจริง ๆ!”
“ใช่ ลูกสาววัย 6 ขวบของข้ายังมีนิสัยดีกว่านางเสียอีก!”
“…”
เหตุใดชาวบ้านถึงเปลี่ยนมาพูดเรื่องนาง? เหตุการณ์กำลังกลับตาลปัตร! ซูฉิงฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น!”
ชาวบ้านต่างไม่เชื่อนางและกำลังพูดต่อว่านางต่อ ทว่าพวกเขาได้ยินเจียงเส้าปังร้องคร่ำครวญออกมาทันที “อ่า….ช่วยด้วย….”
นี่เป็นเสียงของเจียงเส้าปัง! ทำไมเขาถึงเป็นคนลงมือทำเองล่ะ? ซูฉิงฉิงได้ยินแบบนั้นก็ร้องออกมาทันทีด้วยความโกรธจนตัวสั่นเทา “เส้าปัง!”
อะไรนะ? เป็นชายผู้นั้นงั้นหรือ? ชาวบ้านมองหน้ากันไปมา ทว่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ซูฉิงฉิงค่อย ๆ ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเจียงเส้าปังและเห็นว่าเท้าทั้งสองของ เขาเหยียบไปที่กับดักหนู นางจ้องไปที่พวกชาวบ้านและพูดว่า “ท่านลุง ๆ ทั้งหลาย ข้าขอความช่วยเหลือช่วยพาเส้าปังไปส่งที่โรงหมอในเมืองหน่อยสิเจ้าคะ”
พวกชาวบ้านต่างยังไม่มีใครขยับเขยื้อนตัว ซูฉิงฉิงจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าต้องขอบคุณพวกท่านมาก ๆ เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นก็มีคนไม่กี่คนที่มาช่วยพยุง แต่พวกเขาก็ได้มองไปที่ซูหวานหว่านเพื่อขอความเห็นว่าควรทำอย่างไร ซึ่งซูหวานหว่านก็ได้กล่าวออกมาอย่างประหลาดใจว่า “ว่าอย่างไรนะ? นี่คือคุณชายเจียงอย่างงั้นหรือเจ้าคะ? เหตุใดคุณชายเจียงถึงไม่อยู่กับพี่สาวของข้า เขามาทำอะไรที่นี่?! ให้ตายสิ! นี่มันคงไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดหรอกใช่หรือไม่!”
พอพูดจบ ซูหวานหว่านก็แสร้งทำเป็นสติแตกและวิ่งกลับไปที่ห้อง เมื่อเห็นแบบนั้นแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงจึงวิ่งเข้าไปปลอบซูหวานหว่าน พอน้องสาวของนาง ซูเสี่ยวเหยี่ยนตื่นขึ้นมาก็ช่วยกันปลอบนางด้วยอีกคน
ชาวบ้านต่างพากันมองหน้ากันไปมา และซูฉิงฉิงก็ได้แต่ยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่อย่างเสียอารมณ์ ทว่านางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนในที่สุดพวกชาวบ้านต่างก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือ
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เสียงสะอื้นก็จางหายไป แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงจึงเดินออกจากห้อง ลานบ้านกลับมาสงบลงอีกครั้ง และซูหวานหว่านก็นอนลงอีกครา
แต่ทันใดก็มีเสียงของนกกางเขนบินเข้ามารายงานนาง “มีเรื่องใหญ่และมันก็เป็นเรื่องไม่ดีอีกด้วย! ข้าได้ยินมาว่าซูฉิงฉิงส่งคนเข้าไปในเมือง ข้ารู้มาว่าเจียงเส้าปังไม่ได้พูดล้อเล่นกับเจ้าแต่อย่างใด และพวกเขากำลังวางแผนจะฆ่าเจ้า!”
“หากนางกล้าก็มาสิ” ซูหวานหว่านก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
นกกางเขนพูดออกมาอีกว่า “หากข้ามีอีกข่าวที่จะขายข่าวให้เจ้าอีกล่ะ สนใจหรือไม่?”
“ไม่ล่ะ” ซูหวานหว่านเอ่ยปฏิเสธ
“สนใจเถอะ! ขอของตอบแทนเป็นขนมสักชิ้นก็พอแล้ว! มันเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับเจียงเส้าปัง! หลังจากที่เจ้าได้ยินข่าวนี้ ข้ารับประกันได้ว่าเจียงเส้าปังและซูฉิงฉิงจะต้องถูกเจ้ากำจัดไปได้ง่าย ๆ แน่นอน!”
“โอ้?” สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของซูหวานหว่านได้ไม่น้อย