ตอนที่ 94 เรียกร้อง
“ซูเสี่ยวเหยี่ยน เจ้าช่างแสดงตบตาได้ดียิ่ง! ต่อหน้าทำเป็นเชื่อฟังแต่ใครเล่าจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วมาขอความช่วยเหลือกับข้า นางบอกว่านางไม่ต้องการให้ซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงอยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังบอกให้ข้าจัดการแยกพวกเขาออกจากกัน! นางยังบอกอีกว่าจะให้เงินแก่ข้าสองตำลึง นางบอกกับข้าว่าให้ช่วยนางอย่างไรก็ได้ แม้ว่าต้องฆ่าซูหวานหว่านก็ย่อมได้!”
ซูฉิงฉิงกล่าวทั้งหมดออกมา ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ซูหวานหว่านเป็นคนฉลาด แต่ใครจะไปรู้ว่านางจะมีน้องสาวที่โง่เขลาเช่นนี้! ซูเสี่ยวเหยี่ยนยังบอกกับข้าอีกว่า เมื่อวานนี้นางได้ไปพบชายคนหนึ่งเพื่อให้เขาจัดการกับซูหวานหว่าน ทว่าชายคนนั้นไม่ได้มาตามนัดหมาย! นางเกือบจะเปิดเผยความลับของตนออกมาจนหมดแล้ว!”
เหล่าลูกสะใภ้ของชาวบ้านต่างมองหน้ากันและกัน ก่อนจะเริ่มส่งเสียงกระซิบกระซาบ ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งพูดออกมาว่า “นางให้เงินเจ้าไปเพื่อให้ไปฆ่าพี่สาวของตนเอง? หากนางสั่งให้เจ้าฆ่าตัวตาย เจ้าจะฆ่าตัวตายตามคำสั่งหรือไม่!?”
“หึ!” ซูฉิงฉิงหัวเราะออกมาเบา ๆ “พวกเจ้าอย่าตำหนิข้าเลย วันนี้ข้าจะกลับเข้าไปในเมืองเพื่อไปหาเจียงเส้าปังแล้ว ตอนนี้ข้ารอให้คนรับใช้ของครอบครัวเขามารับข้าอยู่ ดูเสียสิ ข้าเก็บของเตรียมพร้อมหมดแล้ว!”
“เจ้าคิดว่าเจ้าท้องแล้วเจ้าจะได้ไปกินดีอยู่สบายที่ตระกูลนั้นงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจียงเส้าปังจะไม่ทำให้ให้คนอื่นท้องอีกงั้นหรือ? ไม่แน่หญิงสาวคนอื่นอาจจะตั้งท้องของเขาอยู่ก็เป็นได้ ดูจากการกระทำของเจ้าแล้ว ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ อย่างมากเจ้าก็เป็นได้แค่อนุหรือเมียรองเท่านั้นแหละ!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาพลางจ้องมองซูฉิงฉิง เมื่อพูดจบก็ยกอ่างแล้วเดินจากไป
พลันใดนั้นซูเสี่ยวเหยี่ยนได้เดินกลับมาอีกครั้ง ด้านหลังของนางตามมาด้วยรถม้าสองคันที่ประดับด้วยม่านหยก ซูเสี่ยวเหยี่ยนเห็นซูหวานหว่านจึงตะโกนออกมา “ที่นี่แหละ!”
“ใครคือซูฉิงฉิง?” รถม้าก็ได้หยุดลงและม่านของรถม้าก็ถูกยกขึ้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทุกคนก็พากันตกใจและรู้สึกเสียใจนิด ๆ เห็นได้ชัดว่าสตรีร่ำรวยผู้นี้มาตามหาซูฉิงฉิง! บางทีอาจจะเป็นแม่สามีของซูฉิงฉิงก็เป็นได้! รถม้าพวกนี้ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถนั่งมันได้! แน่นอนว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นคนที่มีชาติตระกูลที่ร่ำรวยมากแน่ ๆ!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเหล่าสะใภ้ชาวบ้านจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวซูฉิงฉิงให้ลุกขึ้นยืน “ซูฉิงฉิงอยู่นี่!”
สาวใช้คนหนึ่งเข้ามาช่วยม้วนม่านรถม้าขึ้น เผยให้เห็นสตรีที่มีฐานะดีคนหนึ่งนั่งอยู่ภายใน สตรีคนนั้นสวมชุดคอกลมสีเขียวเข้มและแขนกว้าง ลวดลายดอกโบตั๋นสีแดงบานสะพรั่ง ผมของนางถูกเกล้าจนสูงและมีปิ่นปักผมปักไว้
เป็นตระกูลร่ำรวยจริงด้วย! เหล่าชาวบ้านพากันอิจฉาชะเง้อคอมองไม่หยุด
ความรู้สึกภาคภูมิใจเกิดขึ้นในใจของซูฉิงฉิง นางก้าวเดินเข้าไปทำความเคารพสตรีที่นั่งอยู่บนรถม้า ทว่านางไม่รู้เลยว่าการที่นางมีท่าทางอ่อนโยนและใจกว้างเช่นนี้ในความคิดของแม่สามีคืออาภรณ์ที่นางสวมใส่อย่างไร้ความประณีต ไม่ค่อยน่ามองเท่าใด ทว่านางก็ต้องยอมเพื่อลูกชายของตน
ม่านของรถม้าคันด้านหลังได้เปิดขึ้น และพบเจียงเส้าปังที่นอนพิงอยู่ด้านใน เมื่อเขาเห็นซูฉิงฉิงก็ร้องออกมาว่า “ฉิงฉิง! เหตุใดเจ้าทำเรื่องน่าอายเช่นนี้!”
ซูฉิงฉิงรู้สึกเสียใจทันทีและร้องไห้ออกมา “เส้าปัง! เราเกือบจะสูญเสียลูกของเราไปเพราะซูหวานหว่าน! หมอบอกว่าข้าอาจจะแท้งลูกได้ ฮือ ฮือ…”
“ว่าอย่างไรนะ!” สตรีผู้เป็นแม่ของเจียงเส้าปังตกใจกับคำพูดของซูฉิงฉิง นางตัดสินใจลงจากรถม้าทันที “ข้าต้องการรู้ว่าผู้ใดกันที่มีจิตใจโหดเหี้ยมถึงขนาดจะฆ่าหลานของข้ากัน!”
เจียงเส้าปังจึงกล่าวเสริม “ท่านแม่! ซูหวานหว่านคนนี้ไม่เพียงแต่จะทำร้ายหลานของท่านเพียงอย่างเดียว แต่นางมาทำร้ายข้าอีกด้วย!!”
สองคนนี้เป็นเด็กหรืออย่างไรกัน? เหตุใดถึงยังต้องการให้แม่ของตนมาจัดการนางด้วย ซูหวานหว่านยักไหล่มองไปทางซูฉิงฉิงที่กำลังแอบดีใจทว่าแสร้งเป็นว่าตัวเองเสียใจเป็นอย่างมาก ซูหวานหว่านเริ่มรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองที่ได้ช่วยซูฉิงฉิงเอาไว้ก่อนหน้านั้น
เหล่าชาวบ้านต่างกระจายตัวเดินหลีกไปที่อื่นเหลือเพียงซูหวานหว่านที่ยืนบริเวณนั้นคนเดียว แม่นางมู่ที่เป็นแม่ของเจียงเส้าปังจึงรับรู้ว่าผู้ใดคือซูหวานหว่าน
นางก้าวช้า ๆ พลางใช้สายตาสำรวจร่างกายของซูหวานหว่าน นางยกมือขึ้นส่งสัญญาณ จากนั้นก็มีคนรับใช้ของนางเดินเข้าไปล้อมรอบตัวซูหวานหว่านเอาไว้
“ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเจ้ามีเงิน เช่นนั้นเจ้าจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้เรามาเป็นจำนวนเงินหนึ่งหมื่นตำลึง มิฉะนั้น… เจ้าจะได้เห็นดีแน่!” แม่นางมู่กล่าวออกมาพร้อมกับจ้องไปที่ซูหวานหวานด้วยแววตาชั่วร้าย ราวกับต้องการฆ่านาง
“ท่านก็ยังไม่แก่ เหตุใดสายตาถึงย่ำแย่เพียงนั้น ช่างน่าเสียดายนัก” ซูหวานหว่านพูดออกมาพร้อมกับส่ายหัว นางมองไปที่พวกชาวบ้าน “ท่านถามคนในหมู่บ้านนี้ดูเสียเถิดมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าลูกชายของท่านเข้ามาในบ้านของข้ากลางดึก อีกทั้งยังพยายามจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงเช่นนั้นกับข้า แล้วก็ซูฉิงฉิง มีใครบางที่ไม่รู้ว่านางเป็นคนโดดลงไปในน้ำเอง เช่นนั้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้างั้นหรือ? เหตุใดข้าจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ด้วย!”
ซูหวานหว่านกล้าแสดงท่าทางเช่นนี้กับนางงั้นหรือ!? กิริยาท่าทางของซูหวานหว่านทำให้แม่นางมู่เกิดบันดาลโทสะ นางชี้หน้าซูหวานหว่าน “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง! หากวันนี้เจ้าไม่ชดเชยเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้แก่ข้า ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย!”
“หือ? ข้ากลัวเหลือเกิน” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างประชดประชันและชี้ไปที่เจียงเส้าปังที่นอนอยู่บนรถม้า “ท่านคงยังไม่รู้อะไรสินะ ข้าเป็นลูกศิษย์ฮวงเหล่า หมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง อีกอย่างข้ายังเป็นหมอที่รักษาเจียงเส้าปังอีกด้วย! หากเจ้าตีข้า ข้าก็คงไม่มีทางเลือก ส่วนเรื่องที่เจียงเส้าปังป่วยอยู่นั้น ข้ายังต้องรักษาเขาอยู่! ระหว่างการรักษาหากมือของข้าเกิดสั่นขึ้น ข้าก็ไม่รู้ด้วยนะว่าชะตากรรมของเจียงเส้าปังจะเป็นเช่นไร!”
ข่มขู่นางงั้นหรือ!? แม่นางมู่โกรธจนตัวสั่น “มีหมออีกมากมายในเมืองนี้! ลูกชายของข้าจะต้องหายโดยที่ไม่ต้องพึ่งการรักษาของเจ้า!”
หมอในเมืองนี้บอกว่าจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน? อาการป่วยของเจียงเส้าปังจะต้องรอนอนถึงเพียงนั้นเลยหรือ? แล้วเขาจะไปหาฮวงเหล่าด้วยเหตุใดกัน?
‘แปะ’ ‘แปะ’ ‘แปะ!’ ซูหวานหว่านปรบมือพร้อมทั้งหัวเราะออกมา “ที่ท่านพูดมามันก็ถูก ท่านสามารถไปหาหมอคนอื่นมารักษาโรคที่ลูกชายของท่านเป็นอยู่ได้ แต่ท่านคงอาจจะยังไม่รู้ว่าหากปล่อยให้ส่วนนั้นลูกชายท่านเป็นเช่นนี้ไปนาน ๆ เกรงว่ามันคงจะเสื่อมสภาพหมดเสียแล้ว หากวันนี้ไม่ได้กินยา รักษาไปก็คงจะไร้ประโยชน์”
เป็นหญิงสาวแบบไหนกันถึงกล้าเอ่ยถึงส่วนลับของผู้ชายออกมาได้โดยไม่รู้กระดากอาย! ช่างไร้ยางอายเสียจริง! แม่นางมู่โกรธจนตัวสั่น นางอยากจะตีซูหวานหว่าน ทว่าทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเจียงเส้าปังดังขึ้น “ท่านแม่! ดูเหมือนเรื่องที่นางพูดออกมามันจะเป็นความจริง! เมื่อเช้าตรงนั้นของข้ายังมีความรู้สึกอยู่ แต่ตอนนี้มันเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว!”
แม่นางมู่โกรธมาก นางกลืนน้ำลายลงคอและเอ่ยออกมาอย่างรำคาญ “รีบเขียนใบสั่งยาให้ลูกชายข้าเสีย!”
ใบสั่งยาของนางคิดว่าเป็นสิ่งที่ขอแล้วจะได้ไปง่าย ๆ งั้นหรือ? ซูหวานหว่านกระตุกยิ้ม “ค่ารักษาหนึ่งร้อยตำลึง ค่าใบสั่งยาอีกหนึ่งร้อยตำลึง จ่ายเงินมาให้ข้าก่อนแล้วข้าถึงจะเขียนใบสั่งยาให้”
นางจะไปเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากที่ใดกัน! ซูหวานหว่านทำเกินไปแล้วจริง ๆ! ใบสั่งยาอะไรจะแพงเช่นนั้น!
“เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอันใดอยู่!” แม่นางมู่ถึงกับกัดฟันพูด
“เหตุใดท่านจะต้องพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นด้วย?” ซูหวานหว่านหัวเราะเย็นชาพร้อมกับเดินออกไปพลางพูดว่า “อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลากลับบ้านไปตากผ้า! หากท่านต้องการที่จะช่วยเจียงเส้าปัง ก็แค่นำเงินมาแล้วไปที่บ้านของข้า ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ หากท่านยังมาโวยวายไร้สาระเช่นนี้อยู่อีกข้าจะเรียกเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึง”
หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในหมู่บ้านชนบทเช่นนี้ กล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้เลยหรือ!? นางไม่สามารถทำอะไรซูหวานหว่านได้ นางเพิ่งรู้สึกว่าตนเองไร้อำนาจแบบนี้เป็นครั้งแรก หลังจากที่มองไปที่เจียงเส้าปัง นางก็ทำได้เพียงให้ใครบางคนเดินตามซูหวานหว่านและนำเงินไปด้วย
ซูหวานหว่านหยุดเดินเมื่อเดินไปถึงครึ่งทางแล้วพูดว่า “หากเจ้านำเงินมาไม่ถึงสองร้อยตำลึง ก็โปรดกลับไป ขาดแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!”
ชายผู้นั้นตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปพลันใด ในมือของเขาตอนนี้มีเงินอยู่น้อยกว่า 200 ตำลึง มีเพียง 10 ตำลึงเท่านั้น!
พอคิดได้แบบนี้เขาก็ต้องจำใจรีบวิ่งกลับไปเพื่อไปขอเงินเพิ่ม นั่นทำแม่นางมู่รู้สึกโกรธมากและจำใจต้องเพิ่มเงินให้
เมื่อคนรับใช้ของตระกูลเจียงได้กลับมา ซูหวานหว่านยังได้แบ่งน้ำหลิงเย่วให้พวกเขาอีกด้วยเล็กน้อย เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วคนตระกูลเจียงก็ขึ้นรถม้ากลับเข้าไปในเมือง
ในเวลานี้เรื่องที่ซูเสี่ยวเหยี่ยนสมคบร่วมคิดกับซูฉิงฉิงทำเรื่องไม่ดีกับซูหวานหว่านได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งเรื่องอื้อฉาวของซูฉิงฉิงที่ท้องเช่นกัน ซูเสี่ยวเหยี่ยนรู้สึกอับอายขายหน้าจึงปิดประตูเก็บตัวอยู่ในห้อง ซึ่งแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงได้หารือเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานานพอสมควร
เมื่อทำอาหารมื้อกลางวันเสร็จ ซูหวานหว่านก็ยกอาหารขึ้นบนโต๊ะ คนในครอบครัวนั่งกินข้าวด้วยกันตามปกติ ทว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนไม่ได้ออกมากินด้วย และไม่มีผู้ใดไปเรียกนางออกมากินข้าว บรรยากาศระหว่างมื้ออาหารเงียบสงบ
ทันใดนั้นชายหนุ่มชุดขาวท่าทางสุภาพอ่อนโยนก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตูบ้านของซูหวานหว่าน มองแวบแรกซูหวานหว่านรู้สึกไม่คุ้นตา ทว่าเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มพูด นางก็ชะงักไป
“ซูหวานหว่านอยู่บ้านหรือไม่?”