ตอนที่ 95 คุณชายถังตัวจริงหรือตัวปลอม
เมื่อไม่มีผู้ใดตอบรับ ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในลานบ้าน และตะเบ็งเสียงดังขึ้น “ซูหวานหว่านอยู่บ้านหรือไม่?”
ชายหนุ่มชุดขาวรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา ซูหวานหว่านมองดูอีกครั้งก็ต้องตกใจ นั่นไม่ใช่คุณชายถังหรอกหรือ?
ซูหวานหว่านวิ่งออกมา “คุณชายถัง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อกล่าวจบ ซูหวานหว่านก็ปลดผ้ากันเปื้อนที่เอวของตนเองออกแล้วนำมันไปแขวนไว้ที่เสาต้นซ้ายใต้ชายคา เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของคุณชายถัง นางก็อดสงสัยไม่ได้
นางชี้ไปห้องโถงและเอ่ยว่า “คุณชายถังมาหาข้าได้เวลาประจวบเหมาะเหลือเกิน! ข้าเพิ่งทำอาหารเสร็จอีกทั้งคิดสูตรอาหารจานใหม่อีกด้วย รสชาติของมันอร่อยมาก เจ้ามาลองชิมดูสิ”
ซูหวานหว่านกระตือรือร้นในการแนะนำอาหารสูตรใหม่ของตนเป็นอย่างมาก ทว่าแววตาของคุณชายถังกลับแฝงไปด้วยความรังเกียจยามมองไปยังอาหารเหล่านั้น
บ้านที่ดูเหมือนจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ มันคู่ควรกับเขาแล้วงั้นหรือ? “ไม่จำเป็น”
ซูหวานหว่านจับความรู้สึกขยะแขยงที่ปรากฏขึ้นภายใต้ดวงตาของคุณชายถังได้ มันทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย คราวที่แล้วตอนที่กินข้าวด้วยกัน นางแทะกระดูกไก่ออกมาวางลงบนพื้น มีลูกไก่วิ่งไปมาในลานบ้าน หลังจากนั้นคุณชายถังก็ยังเดินเข้ามาในบ้าน แถมยังกล้ารับประทานอาหารร่วมกับชาวบ้านแปลกหน้านับสิบคนอีก เขาก็ไม่เห็นมีท่าทางรังเกียจใด ๆ เหตุใดตอนนี้ถึงได้แสดงท่าทางรังเกียจออกมาชัดเจนเช่นนี้ เหตุใดมารังเกียจตอนนี้ได้กัน?
หรือว่าเขาเกรงใจ? เมื่อคิดได้เช่นนั้นซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมา “คุณชายถัง วันนี้ข้าได้ตั้งใจทำอาหารใหม่ออกมา ข้าวางแผนที่จะขายมันในร้านอาหารด้วย เจ้าช่วยชิมอาหารนี้และให้คำแนะนำแก่ข้าได้หรือไม่ เพื่อที่ข้าจะได้ปรับปรุงสูตรและทำให้มันอร่อยขึ้น”
“อืม” คุณชายถังก็ได้พยักหน้าแล้วก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าว พลันใดนั้นเขาก็เห็นแมลงสาบคลานอยู่บนพื้น ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักและถอยหลังกลับไปสองสามก้าวแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากชิมมันแล้ว เกรงว่ามื้อนี้คงไม่เหมาะเท่าไร”
หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “บ้านของเจ้าไม่สะอาดและไม่ใช่ว่าเจ้าไม่มีเงิน เหตุใดเจ้าถึงไม่จ้างใครซักคนมาช่วยทำความสะอาดบ้านบ้าง? มันทั้งรกทั้งสกปรกมาก ดีนะที่ไม่ใช่ร้านอาหารไม่เช่นนั้นเจ้าต้องโดนจับและทำการตรวจสอบแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของเจ้ามากนะ” ซูหวานหว่านพยักหน้าขณะครุ่นคิดเป็นพัน ๆ รอบในใจ นางเหลือบมองคุณชายถังอีกครั้ง ความสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจของนางก็ดูเหมือนมันจะเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เหตุใดจู่ ๆ คุณชายถังกล่าวถึงเรื่องร้านอาหารถูกตรวจสอบขึ้นมาได้ นอกจากนี้บทสนทนาระหว่างนางกับคุณชายถังมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกิจการร้านอาหารเสียมากกว่า และอีกอย่างคุณชายถังไม่เคยเรียกนางว่าซูหวานหว่าน!
ในระหว่างที่นางครุ่นคิดอยู่ คุณชายถังได้เอ่ยออกมาว่า “ซูหวานหว่าน ร้านอาหารของเราได้รับการจัดระเบียบและปรับปรุงร้านขึ้นใหม่ในวันนี้ เจ้าช่วยนำส่วนผสมสูตรลับของวัตถุดิบมาให้ข้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดร้านใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ ส่วนเรื่องเงินเจ้าไม่ต้องกังวลไป เจ้าจะได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างดี”
คุณชายถังไม่เคยถามถึงสูตรอาหาร เขามักจะเชื่อใจนางอยู่เสมอและมอบหมายให้นางเป็นคนทำมาโดยตลอด พลันใดนั้นใบหน้าของถังฟู่ก็ปรากฏขึ้นในใจของซูหวานหว่าน นางคลี่ยิ้มออกมา “จริงหรือ? เจ้าจะไม่เอาเปรียบข้าใช่หรือไม่?”
“อืม รีบนำมันมาให้ข้าเร็วเถิด” ถังฟู่เอ่ยปากเร่งซูหวานหว่าน
ซูหวานหว่านอยากจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าชายผู้นี้คือถังฟู่! ในขณะเดียวกันนางก็คิดแผนขึ้นมา ดูสิว่าถังฟู่จะเสแสร้งแกล้งทำเป็นคุณชายถังมาแทงข้างหลังนางแบบนี้ได้ถึงเมื่อใดกัน? นางไม่ได้โง่!
ดูสิว่าเขาจะโดนนางจัดการอย่างไร!
ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะในใจ เดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วหยิบสุ่มสูตรออกมาสองสามอย่าง จากนั้นนางก็พับมันราวกับว่ามันเป็นสูตรลับมาก
ซูหวานหว่านยื่นมันให้ถังฟู่ เมื่อชายหนุ่มยื่นมือออกมารับซูหวานหว่านก็ได้ชักกระดาษกลับมาอีกครั้งแล้วยิ้มออกมา “คุณชายถัง เมื่อใดเจ้าจะคืนเงินสองร้อยตำลึงที่ท่านนั้นยืมข้าไป เงินสองร้อยตำลึงเป็นเงินค่าวัตถุดิบอันล้ำค่าที่เจ้าจะต้องให้ข้าเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เจ้าก็ไม่ได้ให้ หากเจ้าไม่ให้เงินคืนมา ข้าก็จะไม่ให้วัตถุดิบกับเจ้าอีกเลย!”
อะไรนะ! เป็นหนี้งั้นหรือ? อีกทั้งเขายังเป็นหนี้เงินมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ? เขาจะจ่ายหนี้แทนได้อย่างไรกัน!
ถังฟู่ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “งั้นก็รอให้เจ้ากลับเข้าเมืองก่อนและไปยังร้านอาหารเจวียเซ่อ สอบถามกับผู้ดูแลร้านในเรื่องนี้”
นางกำลังจะไล่ต้อนเขา! ทว่าถังฟู่ได้ติดกับนางแล้ว!
คุณชายถังไม่ได้เป็นหนี้นางแม้แต่แดงเดียว!
หลังจากที่ได้ยืนยันตัวตนของคุณชายถังตรงหน้าว่าเป็นตัวปลอม ซูหวานหว่านก็คลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผู้ดูแลคนใด? ข้าได้ยินมาว่ามีผู้ดูแลร้านสองคนในร้านเจวียเซ่อ”
มีผู้ดูแลร้านสองคนในร้านเจวียเซ่องั้นรึ? เขาเคยได้ยินชื่อของผู้ดูแลร้านหลี่เพียงคนเดียว ทว่าเขาก็ได้ยินมาว่าผู้ดูแลหลี่นั้นดูจะทำให้ซูหวานหว่านขุ่นเคืองและโดนขับไล่ออกไปแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจข่าวสารของร้านเจวียเซ่ออีกเลย เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีผู้ดูแลร้านกี่คน! เขาจะไปรู้ชื่อของผู้ดูแลร้านได้อย่างไร! ถังฟู่รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ซูหวานหว่านก็ได้ยิ้มออกมาและไม่ถามถึงเรื่องผู้ดูแลร้านอาหารอีก “คุณชายถัง เจ้าควรให้เงินแก่ข้าโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้สูตรลับนี้แก่เจ้า”
เพื่อสูตรลับ! เขาทำได้! ถังฟู่จึงดึงแขนเสื้อออกแล้วหยิบเงินออกมา ทว่าเงินนั้นไม่ได้เพียงพอถึงสองร้อยตำลึง “ส่วนที่เหลือข้าขอเป็นหนี้ติดเจ้าไว้ก่อน”
“เกรงว่าจะไม่ได้” ซูหวานหว่านพูดออกมาตรง ๆ “ทุกคนก็ต้องทำการค้ากันทั้งนั้น เครื่องประดับนั้นดูสวยมาก หากเจ้าสามารถมอบมันให้กับข้าได้ เงินสองร้อยตำลึงที่ท่านติดหนี้ข้าอยู่ถือว่าหายกัน”
เครื่องประดับนี้… มันเป็นของตระกูลของเขา! ซูหวานหว่านช่างมีสายตาแหลมคมยิ่งนัก! ถังฟู่ตัวสั่นด้วยความโกรธ ทว่าเขาก็จำต้องถอดมันออกและโยนมันลงใส่เท้าของซูหวานหว่านอย่างไม่พอใจ “เอาไป! ขอสูตรลับมาให้ข้าเร็วสิ ข้าจะรีบกลับ!”
“ตกลง” ซูหวานหว่านหยิบเครื่องประดับนั้นขึ้นมาและวางไว้ในแขนเสื้อของนาง จากนั้นโยนมันเข้าไปเก็บเอาไว้ในมิติฟาร์ม นางยื่นกระดาษออกมาให้ถังฟู่ เขาจึงรีบรับมันไปและจากไปในทันที
แม่เจิ้นรออยู่ในบ้านอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นผู้ใดเดินเข้ามาจึงตัดสินใจเดินออกไปดูด้านนอก เมื่อเห็นร่างของถังฟู่ นางจึงคิดว่าเขาคือคุณชายถัง “คุณชายถัง! เมื่อวานนี้ข้าได้รับเงินค่าวัตถุดิบแล้ว แต่มันมีมากกว่าสองร้อยตำลึง ท่านรอเดี๋ยว ข้าจะคืนมันให้ท่าน”
เมื่อพูดจบ แม่เจิ้นก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อนำเงินออกมา
ท่านแม่! ท่าจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม! ซูหวานหว่านบ่นภายในใจ
ถังฟู่หยุดอยู่นอกประตูและหันไปมองที่ซูหวานหว่าน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำหมัดและกัดฟันพูด “ซูหวานหว่าน! เจ้ากล้าดียังไงมาโกหกข้า!”
“หากเจ้าไม่โกหกข้าก่อน ข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไรกัน? ขอบคุณสำหรับเครื่องประดับชิ้นนี้นะ” ซูหวานหว่านยืนนิ่งไม่กลัวว่าถังฟู่จะมาเอาคืนแต่อย่างใด
ถังฟู่เปิดสูตรอาหารลับที่ซูหวานหว่านมอบมันให้แก่เขา เมื่อเปิดออกดูเขาก็เห็นเพียงลายเส้นดินสอที่วาดคดเคี้ยวไปมาบนกระดาษเท่านั้นเอง “ซูหวานหว่าน! เจ้ายั่วโมโหข้าได้สำเร็จ!”
เมื่อกล่าวจบ ถังฟู่ก็วิ่งเข้ามาลากซูหวานหว่านออกไปด้านนอก และผลักนางกระแทกประตู เมื่อเห็นใบหน้าของนางดูสดใสมากยิ่งขึ้นเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มหยิบมีดสั้นของตนเองออกมาและจ่อไว้ที่คอของซูหวานหว่าน
ความรู้สึกเย็นเยือกคืบคลานเข้ามา เมื่อถังฟู่เห็นท่าทางไม่หวาดกลัวของซูหวานหว่าน ความโกรธของถังฟู่ก็ยิ่งทวีคูณ เขาโกรธจัดถึงขนาดอยากจะปาดมีดลงบนคอของซูหวานหว่าน ทว่ามีดได้ปาดเข้ากับผนังประตูแทน
“นี่ ถังฟู่เจ้าจะต้องเร็วกว่านี้ หากต้องการฆ่าใครหรือฟันใครสักคน! มีดของเจ้าก็ค้ำคอข้าอยู่ อย่ามาบอกว่าตัวเองไม่สามารถฆ่าข้าได้นะ เจ้ามันไม่มีความสามารถเลยต่างหากล่ะ!” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน
ถังฟู่ที่เห็นสายตาการเยาะเย้ยในดวงตาของซูหวานหว่านเขาก็เริ่มโกรธมากขึ้น เขาถึงกับโกรธจนอดกลั้นไม่ไหว ชายหนุ่มคว้าศีรษะของซูหวานหว่านเอาไว้พร้อมกับกดคอของนาง
ในทันใด ซูหวานหว่านก็มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินมาจากในระยะไกล พร้อมกลิ่นหอมของหมึกบนตัวของชายหนุ่มที่ลอยออกมา
“ฉีเฉิงเฟิง” ซูหวานหว่านอุทานออกมาอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ฉีเฉิงเฟิงก็ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่!”
จากมุมมองของเขา ซูหวานหว่านและถังฟู่นั้นดูใกล้ชิดกันมาก
“พวกเรา…” ซูหวานหว่านรู้สึกสับสน มีดถูกนำออกไปจากคอ ทำให้เกิดรอยที่บริเวณคอของนาง