เดิมทีตัวบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเองก็เป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีมูลค่าไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น แต่ตระกูลเย่และตระกูลหลิ่วกลับจะใช้ทรัพย์สมบัติแสนล้านมาแข่งกัน
ตระกูลหลิ่วจะทำให้บริษัทล้มละลาย ส่วนตระกูลเย่จะประคองให้บริษัทดำเนินกิจการต่อ
สองวันต่อจากนี้ในตลาดหุ้น ทั้งสองฝั่งต่างก็โยนเม็ดเงินมหาศาลลงไปในสายบริษัทของหัวเซิ่งกรุ๊ป
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงทุนไปหลายพันล้าน!
ทว่าในตอนที่ปิดตลาดหุ้นวันศุกร์ มูลค่าหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ!
วันนี้นี่เองหลิ่วอวี่เจ๋อที่ได้รับสายจากหลิ่วหย่วนหางคุณปู่ของเขา
“คุณปู่…”
ตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อรับโทรศัพท์เขาไม่กล้ากระโชกโฮกฮาก ตอนนี้เขาเขาใช้เงินที่บ้านไปแล้วหกพันล้านกับการสู้กับเย่เฉิน!
หลิวหย่วนหางด่ามาในสาย “กลับมาเทียนไห่เดี๋ยวนี้เลย! ไม่ต้องสู้กับเย่เฉินแล้ว! ก็แค่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเล็กๆ จะมีมูลค่าสักเท่าไหร่กันเชียว? แกใช้เงินไปตั้งหกพันล้านเพื่อทำให้บริษัทนี้เจ๊ง! โง่บัดซบเลย!”
“คุณปู่ครับผม…” หลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะอธิบายอย่างมาก
หลิ่วหย่วนหางก็กล่าวด้วยท่าทางแน่วแน่ “ไม่ต้องพูดแล้ว! วันจันทร์ตอนตลาดหุ้นเปิดให้แกขายหุ้นทั้งหมดในมือแกทิ้งซะ! ฉันเคยบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งทะเลาะกับตระกูลเย่!”
หลิ่วอวี่เจ๋อกดวางสายแล้วกัดฟันกรอด
“โว้ย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อโยนไอโฟนในมือลงพื้นอย่างรุนแรงด้วยโทสะตะคอกเสียงกร้าว “ทำไมคุณปู่ของเย่เฉินถึงสามารถทุ่มเงินและสนับสนุนเขาได้โดยไม่มีขีดจำกัด แต่คุณปู่ของฉันกลับไม่ทำแบบนั้น! ตระกูลลหลิ่วของเราไม่กลัวพวกเขาด้วยซ้ำ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อรู้สึกว่าถ้าวันจันทร์ตลาดเปิด การทุ่มเทและความเสียหายก่อนหน้าก็จะเปล่าประโยชน์
เขารู้สึกว่าอีกแค่นิดเดียวก็จะประสบความสำเร็จแล้ว
แต่คำพูดของคุณปู่เขาจะไม่เชื่อฟังก็ไม่ได้
“ฉันแพ้แล้ว!”
หลิ่วอวี่เจ๋อคุกเข่าลงบนพื้นอย่างคิดไม่ตก ผมเผ้ายุ่งเหยิงยับเยิน ตอนนี้เหมือนกับคนบ้า ไม่ได้มีสภาพเหมือนคุณชายที่ร่ำรวยแม้แต่น้อย
ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสองข้างฉายแววโหดเหี้ยม
“เย่เฉินแกดูหมิ่นอาฉัน แต่ฉันกลับแย่งภรรยาแกมาไม่ได้ แต่ก็นะฟางเชาเคยนอนกับหล่อนแล้วนี่! ฮ่าๆ เชื่อเลยว่าแกยังหน้าโง่คิดว่าวันนั้นฟางเชากับเมียแกไม่ได้ทำอะไรกันอีกเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ค้นไฟล์ลับในมือถือเจอคลิปเสียงที่มีขนาดถึง 1G
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์ “เอาล่ะเดิมทีฉันดูถูกเรื่องที่ต่ำต้อยแบบนี้ แต่ว่าในเมื่อฉันเอาชนะนายไม่ได้ อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้มีความสุขหรอก! ให้นายได้ชื่นชมเสียงสวรรค์ของเมียนายแล้วกัน!”
……
ตีสี่ของอีกวัน
เย่เฉินเปิดเปลือกตาช้าๆ อยากไปห้องน้ำ
ด้วยความคุ้นเคยที่ต้องมองโทรศัพท์ก่อน แล้วก็พบว่ามีอีเมลล์นิรนามถูกส่งเข้ามาในกล่องข้อความ
เมื่อเห็นหัวข้อเย่เฉินก็สงสัยทันที
“เสียงสวรรค์ของหวังเจียเหยา!”
เย่เฉินประหลาดใจมากทีเดียว เขาพอจะรู้ว่าภรรยาของตนเองร้องเพลงไพเราะ อย่างไรเสียหล่อนก็เคยเรียนดนตรีมาก่อน
เย่เฉินหันหน้ามามองหวังเจียที่กำลังหลับสนิทแล้วคิด “หรือว่าเจียเหยาเป็นคนส่งนะ?”
เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนหญิงสาวจนหล่อนตื่น เย่เฉินจึงใส่หูฟังแล้วเปิดคลิปเสียง
สี่สิบนาทีต่อมา
เย่เฉินหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น แววตาเหี้ยมโหด เขารู้สึกอยากจะฆ่าคนจนทนไม่ไหว!
คลิปเสียงนี้ไม่ใช่เสียงร้องเพลงของหวังเจียเหยา แต่เป็นหลักฐานที่หล่อนเปิดห้องกับฟางเชา!
“หวังเจียเหยา! คุณหลอกผม!”
เย่เฉินคำรามในใจ ถึงจะไม่มีภาพแต่เป็นเสียงของหวังเจียเหยาแน่ๆ
เพราะในเวลาที่ผ่านมา เย่เฉินนั้นคุ้นเคยกับเสียงที่ราวสกุณาที่ไพเราะของหวังเจียเหยามากทีเดียว!
เย่เฉินมองเสี้ยวหน้าของหวังเจียเหยาที่กำลังหลับสนิท วงหน้านั้นยังคงสวยสดงดงามเช่นเดิม
แต่ตอนนี้ เย่เฉินกลับอยากจะตบเข้าใบหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนต้องหลงใหล!
ทว่าเมื่อเย่เฉินง้างมือขึ้นก็ต้องลดมือลง!
เขาทำไม่ลง!
หนึ่งเพราะเย่เฉินเองก็รักใคร่หวังเจียเหยา ที่ผ่านมาเขาทะนุถนอมหล่อน ไม่เคยทำร้ายหญิงสาวมาก่อน
ชีวิตนี้ของเย่เฉินไม่เคยตบตีหญิงสาวคนไหนมาก่อน นี่คือความตั้งใจของเขา
แล้วอีกอย่างตอนนี้หวังเจียเหยากำลังตั้งท้อง!
ตอนนี้หล่อนตั้งท้องลูกของเขา!
เย่เฉินเป็นคนเรียนวิชาป้องกันตัว เขากลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุม พอตบหน้าหล่อนฉาดหนึ่งแล้วจะตบอีกฝ่ายต่อ
หวังเจียเหยาที่บอบบางไม่มีทางทนรับแรงของเย่เฉินได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้เด็กอาจจะหลุดก็ได้!
ที่จริงแล้วที่เย่เฉินไม่ตบตีหวังเจียเหยา และถึงขนาดที่ไม่คิดว่าจะถามอีกฝ่ายด้วยซ้ำว่าทำไมถึงหลอกลวงเขานั่นเพราะมีสาเหตุที่สำคัญกว่า !
“ถ้าฉันตบหวังเจียเหยาตอนนี้ หรือปลุกหล่อนจนตื่นเพื่อถามว่าทำไมถึงได้หลอกกัน หล่อนจะต้องมีข้ออ้างมากมายมาพูด แล้วต้องคุกเข่าอ้อนวอนฉันเหมือนคราวก่อน แล้วฉันใจอ่อนขนาดนี้ไม่แน่ว่า พอถึงตอนนั้นก็ตจะเห็นใจหล่อนขึ้นมาอีก!”
“ต่อให้ใจฉันแข็งเหมือนหิน หวังเจียเหยาก็ไม่ยอมหย่ากับฉันแน่! อีกอย่างฉันเคยตกปากรับคำกับคุณย่าเล็ก นอกเสียจากหวังเจียเหยาเป็นคนขอหย่าเอง ฉันจะไม่เป็นฝ่ายขอหย่ากับหล่อน!”
ใช่แล้ว เหตุผลที่ทำให้ตอนนี้เย่เฉินไม่สามารถขอหย่ากับหวังเจียเหยาได้อย่างไร้เยื่อใยได้ก็คือคำสัญญาที่รับปากเอาไว้กับหญิงชราก่อนตาย!
เขาเป็นคนที่ยึดถือในเรื่องคำสัญญาอย่างมาก ในเมื่อเขาเคยรับปากคุณย่าเล็กแล้วย่อมไม่มีทางผิดคำพูด
แต่ว่าที่หวังเจียเหยาหลอกลวงเขาและเรื่องมีชู้ตอนแต่งงานก็เป็นเรื่องจริง
ผู้หญิงแบบนี้เย่เฉินไม่อยากได้แล้วจริงๆ!
ดังนั้นตอนนี้เย่เฉินจึงจำเป็นต้องอดทน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แล้วค่อยหาวิธีให้หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแทน!
เย่เฉินแอบมาที่ห้องน้ำเงียบๆ
จากนั้นก็โทรหาคุณปู่ของตัวเอง
คุณปู่ของเขาอยู่ที่อังกฤษ ที่นั่นเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่ม
“คุณปู่นอนแล้วหรือยังครับ?”
ในน้ำเสียงของเย่เฉินเจือเสียงสะอื้น เขาเสียใจอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถระบายความในใจได้ และยังไม่สามารถไถ่ถามภรรยาของตนเองว่าทำไมถึงได้หลอกลวงกัน
คุณปู่ของเย่เฉินชื่อฉงไห่ คนที่รู้จักชื่อนี้ของเขามีน้อยนิด บรรดาผู้บริหารของบริษัทภายในประเทศที่เคยเจอเขาต่างก็เรียกชายชราว่าคุณเย่
เย่ฉงไห่กล่าว “เย่เฉินแกไม่ค่อยโทรหาปู่ก่อน มีอะไรล่ะ?”
เย่ไห่ฉงพอจะฟังออกว่าอารมณ์ของหลานชายไม่มั่นคงอย่างยิ่ง
เย่เฉินกล่าว “ขอโทษด้วยนะครับคุณปู่ การฝึกที่หัวเซิ่งกรุ๊ปของผมน่าจะล้มเหลวแล้วล่ะครับ”
เย่ฉงไห่ถาม “เป็นเพราะการปั่นหุ้นของพวกตระกูลหลิ่วใช่ไหม? หลานชายแกไม่ต้องกังวลนะ ถึงแม้ว่าปู่จะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ก็ยังพอมีเพื่อนจำนวนมากในประเทศ กะอีแค่ตระกูลหลิ่วแกไม่ต้องเอาไปใส่ใจหรอก บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่เจ๊งหรอก”
ใครจะรู้เย่เฉิกลับกล่าวว่า “ผมไม่อยากเป็นประธานผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วล่ะครับ ผมอยากยอมแพ้”
“ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่ฉงไห่ถามอย่างคลางแคลงใจ
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งตนเองและหวังเจียเหยาทั้งหมดให้คุณปู่ฟัง
หลังจากที่เย่ฉงไห่ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจยาว!