“เซ็งชะมัด พี่ชายสุดหล่อคนนี้ทำไมไม่เอาคืนเลย โดนเล่นงานแบบนี้ขาดทุนเกินไปแล้ว!”
“เฮ้อ คนจนๆ จะกล้าซ้อมคนรวยได้ยังไง! ค่ายาคงไม่สะกิดขนหน้าแข้งพวกคนรวยๆ หรอก แต่กับคนจนแล้วสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก”
แขกจำนวนไม่น้อยที่ถอยมาออกันหน้าร้านอาหารต่างก็สงสารเย่เฉิน
แน่นอนว่าพวกเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เพื่อป้องกันว่าฟางเชาจะไม่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน
ส่วนหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่ที่ควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเย่เฉิน แต่พวกเขาสองคนกลับสุมหัวคิดเรื่องอื่น
“เมื่อก่อนที่เย่เฉินซ้อมซ่าวเจี๋ยไม่เคยลังเลด้วยซ้ำ ตอนนี้แค่ฟางเชายังไม่กล้าแตะต้อง หรือว่าเย่เฉินโดนไล่ออกจากตระกูลจริงๆ เลยไม่กล้าทะเลาะกับคนอื่นเหรอ?”
หวังเจียเหยาจึงค่อยๆ เชื่อว่าเย่เฉินไม่ได้โกหก
ถ้าหากว่าเย่เฉินกลายเป็นยาจกจริงๆ หวังเจียเหยาก็คงจะไม่อยู่กับเขาอีก
ในตอนนี้เองฟางเชาก็หยิบเอาเก้าอี้ตัวที่สามมา เขายกเก้าอี้ขึ้นสูงเตรียมจะฟาดเย่เฉิน!
ทว่าครั้งนี้เย่เฉินก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ลงมืออีก
เย่เฉินสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า มือสองข้างของเขาคว้าเข้าที่ขาสองข้างของเก้าอี้ ไม่เปิดโอกาสให้ฟางเชาได้โยนเก้าอี้ออกไป
“เชี่ย!”
ฟางเชาและเย่เฉินต่างก็ชูเก้าอี้ขึ้นแล้วยื้อยุดกันในอากาศ
ฟางเชาแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มีจนเส้นเลือดขึ้นบนใบหน้า
แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเย่เฉินได้
แต่ในตอนนี้เองจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินมาแล้วหยิบส้อมในมือจะทิ่มใส่ดวงตาเย่เฉิน!
มือสองข้างของเย่เฉินชูขึ้นเหนือศีรษะ ยื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้กับฟางเชา
เขาในตอนนี้ไม่ได้มีมือเหลือพอจะไปรับหลิ่วอวี่เจ๋อ ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะอาศัยโอกาสนี้ใช้ส้อมทิ่มใส่ดวงตาเย่เฉิน!
ไม่ว่าจะต้องเสียเงินค่าหมอค่ายากี่บาทเขาก็ชดใช้ได้ทั้งนั้น
หลังจากเกิดเรื่องแล้วค่อยอาศัยเส้นสาย หาทนายที่ดีที่สุดไปทำคดี เขาก็จะได้ไม่ต้องเข้าคุก
ทว่าลูกหลานของตระกูลเย่ไหนจะเลยจะโดนซ้อมได้ง่ายๆ แบบนั้น?
คนตระกูลเย่ฝึกฝนวิชาป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก แถมยังถูกส่งไปสนามรบด้วยซ้ำนั่นก็เพื่อให้เขามีความสามารถในการรับมือกับวินาทีที่อันตรายแบบนี้!
แล้วทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ยกเท้าขวาขึ้นมายันเข้าส่วนกลางร่างกายของฟางเชา!
ไม่ใช่ยันเข้าตรงๆ แต่เป็นการเตะผ่าหมาก
“โอ้ย!”
ฟางเชาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด มือสองข้างหมดเรี่ยวแรง ปล่อยเก้าอี้ร่วงลงพื้น
ในตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อก็ควักส้อมออกมาแล้วจิ้มลงไปที่ใบหน้าของเย่เฉิน
เย่เฉินคลายมือสองข้างลง เอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้หลิ่วอวี่เจ๋อทิ่มโดนตัวเอง
จากนั้นเย่เฉินก็จับมือขวาของหลิ่วอวี่เจ๋อ และคว้าเข้าที่นิ้วสองนิ้วของเขา
แล้วมีเสียงดัง‘กรอบ’ดังขึ้น !
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของหลิ่วอวี่เจ๋อโหยหวนยิ่งกว่าฟางเชา แล้วทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน
“สวรรค์! เมื่อกี้นั่นมันเสียงอะไร! เหมือนนิ้วหักเลย!”
“ก็นิ้วหักไง! ลูกคนรวยคนนั้นน่าจะนิ้วง่อยไปแล้ว!”
คนอื่นๆ เองก็ได้ยินเสียงกระดูกหักเมื่อครู่ทำให้หวาดกลัวจับใจ
แน่นอนว่าเย่เฉินลงมือทำร้ายหลิ่วอวี่เจ๋อรุนแรงมาก!
ทำร้ายเขาหนักกว่าฟางเชาเยอะ!
โดยพื้นฐานแล้วโดนเย่เฉินหักนิ้วมือแบบนี้ ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลที่ดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถรักษาจนกลับมาเป็นสภาพเดิม
ชีวิตนี้หลิ่วอวี่เจ๋ออย่าได้หวังว่าจะได้ใช้นิ้วทั้งสองนิ้วนี้อีก
ตามหลักการแล้วฟางเชาเคยนอนกับหวังเจียเหยา แต่เคยแค่กอดหลิ่วอวี่เจ๋อเท่านั้น
ถ้าจะล้างแค้นก็ควรจะลงมือกับฟางเชารุนแรงกว่ากว่าสักหน่อย
สถานการณ์ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาลงมือทำร้ายหลิ่วอวี่เจ๋อหนักกว่า
นี่เป็นเพราะฟางเชาจะโดนพวกซีกวาจับตอนไม่ช้าก็เร็ว เย่เฉินไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เขาแค่ยันอีกฝ่ายก็เพียงพอแล้ว
อีกอย่างถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะเคยนอนกับฟางเชามาก่อน แต่หล่อนก็ไม่เคยชอบอีกฝ่าย เพียงแต่ตอนนั้นเย่เฉินไม่มีเงิน ทำให้ฟางเชาอาศัยข้อด้อยนี้ของเขาเอาชนะใจหวังเจียเหยาไป
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อนั้นต่างออกไป ในตอนที่เย่เฉินเป็นประธานบริษัท หวังเจียเหยายังยอมแอบไปพบเขา นี่แปลว่าหวังเจียเหยาชอบเชา!
เย่เฉินย่อมเกลียดชังหลิ่วอวี่เจ๋อมากกว่า!
คนหนึ่งนอกกาย อีกคนนอกใจ เย่เฉินยอมให้หวังเจียเหยาเป็นแบบแรกไม่ใช่แบบหลัง!
น่าเสียดายที่หวังเจียเหยาผู้หญิงสารเลวคนนี้ทำลงไปทั้งสองอย่าง!
หวังเจียเหยาในตอนนี้เกรงว่าคงอายจนเอามือไปปิดหน้าแล้ว
หล่อนมองดูเย่เฉินซ้อมคนทั้งสองคนแต่กลับไม่ได้สังเกตเลยว่า อวัยวะของทั้งสองคนนั้นที่โดนเย่เฉินต่อยไปนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหล่อนทั้งสิ้น!
ซ่งหงเย่ระบายยิ้ม “ฮ่าๆ ในเมื่อเย่เฉินกล้าลงมือก็แปลว่าเขาไม่กลัวมีเรื่อง เรื่องที่โดนขับออกจากตระกูลอาจจะเป็นเรื่องโกหก!”
ตอนนี้ฟางเชาและหวังเจียเหยานอนราบแผ่อยู่บนพื้น ร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแรงจะโต้ตอบแต่อย่างใด
หวังเจียเหยารีบร้อนเดินมารั้งเย่เฉินเอาไว้ “ที่รัก อย่าทะเลาะกับพวกเขาเลย”
หล่อนกลัวว่าเย่เฉินจะซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋อจนพิการแล้วเขาจะต้องเข้าคุกไปตลอดชีวิต แถมไม่พอหลิ่วอวี่เจ๋อก็จะพิการด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วหวังเจียเหยาจะไม่เหลือผู้ชายสักคน
ความกังวลในเรื่องนี้จำเป็นต้องมี หนำซ้ำในความเป็นจริงก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อนๆ ที่ศัตรูความรักสองคนมีเรื่องวิวาทกันคนหนึ่งตาย อีกคนโดนส่งเข้าคุก
สองปีก่อนหล่อนเองก็เห็นเรื่องแบบนี้กับตาที่อวิ๋นโจว
ชายหนุ่มคนหนึ่งฆ่าชายอีกคนหนึ่งข้างถนน ข่าวรายงานว่าชายที่โดนฆ่าคบหากับภรรยาของฆาตกร
ที่น่าตลกก็คือต่อมาภรรยาของเขารุดไปยังสถานที่เกิดเหตุแล้วร้องห่มร้องไห้
ตอนที่ฆาตกรโดนตำรวจลากตัวไปแล้ว เขามีท่าทีนิ่งเฉยอย่างยิ่งแถมยังพูดกับภรรยาที่นอกใจเขาอีกว่า
“ที่รัก ดูแลลูกของเราให้ดีๆ”
คนจำนวนไม่น้อยในอินเตอร์เน็ตต่างก็เสียดายแทนชายคนนี้ ที่ทำลายอนาคตตัวเองโดยการติดคุกตลอดชีวิต เพียงเพื่อผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้
ผู้หญิงที่ทำผิดโดยการนอกใจ แต่กลับสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงขนาดที่ว่าสามารถหาผู้ชายคนใหม่ได้
หลังจากหวังเจียเหยาเดินมา เย่เฉินก็ไม่ซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋ออีก
จิตใจในตอนนี้ของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด คงไม่ต่างอะไรกับจิตใจฆาตกรในข่าวคนนั้นสักเท่าไหร่!
แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางจะทำลายอนาคตของตัวเองเพียงเพื่อภรรยาแบบหวังเจียเหยา
ต่อให้เย่เฉินเป็นคุณชายของตระกูลเย่ แต่ถ้าฆ่าคนในที่สาธารณะ ชีวิตนี้ของเขาเองอย่าหวังจะได้อยู่ในประเทศต่อ เขาต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลแล้วออกไปอยู่ต่างประเทศ
“แจ้งความเลย! รีบแจ้งความ! ฉันจะให้มันติดคุก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อร้องด้วยความเจ็บปวด
ฟางเชาฝืนสะกดความเจ็บปวดแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากด 110
ตำรวจก็มาสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วแล้วพาตัวพวกเขาไป
เป็นเพราะหลิ่วอวี่เจ๋อแและฟางเชาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาไปที่โรงพยาบาลก่อนจะไปที่โรงพัก
หลังจากสอบปากคำไปแล้วหลายชั่วโมง
ตอนหกโมงเย็น ตำรวจในโรงพักก็ปล่อยตัวเย่เฉินออกมา
ในร้านอาหารมีลูกค้าจำนวนมากอัดวีดีโอเอาไว้จึงมีหลักฐานว่าเย่เฉินแค่ป้องกันตัวเท่านั้น
ถ้าหากทั้งสองคนล้มลงไปแล้ว เย่เฉินทำร้ายพวกเขาต่อถึงจะถือว่าเป็นมีเจตนาทำร้ายร่างกาย
เย่เฉินปฏิบัติตามคำสั่งของคุณปู่ เขาทำความเข้าใจกับกฎหมายของแต่ละประเทศจึงรู้ดีถึงขอบเขตและความรุนแรงในการทะเลาะวิวาทเป็นอย่างดี
หลังจากเย่เฉินเดินออกมาแล้ว หวังเจียเหยา ซ่งหงเย่และฉินหงเหยียนก็ตามมา
เย่เฉินยิ้มพลางพยักหน้ากับฉินหงเหยียน ผู้กำกับที่การสอบปากคำตนเองเมื่อครู่เขาปฏิบัติกับตนเองเหมือนเป็นแขก
เย่เฉินรู้ดีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของฉินหงเหยียนแน่นอน