“พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ให้ทำไปเถอะ! ยังไงเสียฉันก็จะหย่ากับหวังเจียเหยาอยู่ดี ฉันไม่สนใจหล่อนหรอก!”
เย่เฉินพร่ำบอกตัวเองเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าเขาก็อดไม่ไหว ตอนเที่ยงสิบเขาก็โทรหาอีกฝ่าย
“ที่รักคุณอยู่ไหน? ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว คุณจะกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านไหม?”
น้ำเสียงเย่เฉินเรียบเฉย แสร้งทำราวตนเองไม่รู้เรื่องอะไร
ปลายสายตอบกลับมาว่า “ฉันอยู่ที่บริษัท กลางวันคงไม่กลับบ้านแล้ว นายกินข้าวคนเดียวแล้วกัน”
โชคดีที่เขาส่งคนสะกดรอยตามภรรยา ไม่อย่างนั้นหวังเจียเหยาก็คงจะหลอกลวงเย่เฉินได้สำเร็จอีกครั้ง!
ผู้หญิงจอมโกหกคนนี้หลอกลวงเขามาแล้วกี่ครั้งกันตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา!
เย่เฉินย่อมไม่เปิดโปงภรรยาแต่ย้อนถามหล่อน “คุณไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อที่โรงพยาบาลมาไม่ใช่เหรอ? เป็นยังไงบ้าง?”
หวังเจียเหยากล่าว “อื้ม ฉันขอโทษเขาแล้ว แต่ว่าอวี่เจ๋อน่ะบาดเจ็บหนักมากเลย ตอนนี้ยังโกรธอยู่ไม่ยอมให้อภัยนาย ตอนนี้นายอย่าเพิ่งออกจากบ้านเลยนะ รอต่อไปอีกหน่อยถ้าฉันมีเวลาว่างฉันจะไปขอโทษเขาอีกครั้ง”
เย่เฉินแค่นเสียง เรียกกันได้สนิทสนมเสียจริงๆ เลยนะ!
คุณไปขอโทษหลิ่วอวี่เจ๋อหรือว่าฉวยโอกาสนี้ไปพลอดรักกัน คุณรู้ดีแก่ใจที่สุด!
“เอาล่ะวางก่อนนะ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
หวังเจียเหยากดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่ได้รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรด้วยซ้ำ
หวังเจียเหยาออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อตอนบ่ายสอง
หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว หวังเจียเหยาก็ไปนั่งคุยกับซ่งหงเย่ในร้านกาแฟ
ห้าโมงเย็น หวังเจียเหยาขับรถไปที่วิลล่าของคุณย่าในเขตซีซาน
คุณนายหวัง หวังจื้อหย่วน ซูหลานรวมไปถึงครอบครัวหวังจื้อเฉียง พวกเขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟาแล้วมีหวังเจียเหยายืนอยู่ตรงกลาง หล่อนกล่าวกับคุณนายหวัง
“คุณย่าคะ หนูอยากหย่ากับเย่เฉินค่ะ”
แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งตระกูลหวังอ้าปากค้าง
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ตระกูลหวังทุ่มเทไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่เพื่อให้พวกเขาสองคนคืนดีกัน?
ทว่าตอนนี้หวังเจียเหยากลับบอกว่าจะขอหย่าอีกรอบ!
“ไม่ได้!” คุณนายหวังมีท่าทีแน่วแน่ “คุณปู่ของแกเป็นคนจัดแจงการแต่งงานของพวกแกสองคน พวกเราละเมิดสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่มีการละเมิดสัญญาอีกเป็นครั้งที่สอง!”
ซูหลานเองก็เห็นด้วยกับวิธีของลูกสาว “แม่คะ มันไม่เหมือนกันนะคะ ตอนนั้นที่เจียเหยาขอหย่า เจียเหยาผิดก็จริง แต่เพราะพวกเราไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเขาต่างหาก แต่ตอนนี้พวกเรารู้แล้ว อีกทั้งเย่เฉินก็โดนขับออกจากตระกูลแล้ว เขาเป็นแค่คนธรรมดา ไม่หย่ากับเขาแล้วจะเก็บเขาไว้ทำไม?”
หวังหยวนหยวนยังคงสวมชุดกี่เพ้าที่เลอะเทอะตัวนั้นแล้วยิ้มพลางนั่งไขว่ห้าง
“จริงด้วยๆ รีบๆ หย่าไปเถอะค่ะ ได้ยินว่าตอนนี้คนในโลกใต้ดินกำลังจะหาเรื่องเย่เฉินว่าจะไล่ล่าสังหารเขา พอถึงตอนนั้นอย่าลากพวกเราต้องตกที่นั่งลำบากด้วยล่ะ”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเจียเหยาถึงกับกล้าขอหย่าต้องเป็นเพราะมีสามีใหม่แล้วใช่ไหมล่ะ อย่างนั้นจะลังเลอะไรล่ะ หย่าก็จบแล้วมั้ง”
คุณนายหวังมองหวังเจียเหยา “เลือกสามีใหม่แล้วเหรอ?”
สีหน้าหวังเจียเหยาเก้อเขิน จะให้หล่อนยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ได้อย่างไร
อย่างไรเสียตอนนี้หวังเจียเหยาก็ยังเป็นภรรยาของเย่เฉินอยู่ ถ้าหากยอมรับว่ามีตัวเลือกใหม่แล้ว ก็จะแปลว่าหล่อนยอมรับว่าหล่อนนอกใจสามีตนเอง
หวังเจียเหยาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “มีผู้ชายคนหนึ่งตามจีบฉันอยู่แต่ว่าก็ยังไม่ได้รับรักเขาหรอกนะ”
“เอ๊ะ? ใครกัน? ฐานะทางบ้านเป็นยังไงบ้าง? เป็นคนอวิ๋นโจวหรือเปล่า?” คุณนายหวังถามอย่างแปลกใจ
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ไม่ค่ะเป็นคนเทียนไห่ ที่บ้านเขาทำพวกขนส่ง ปู่ของเขาเขาก็คือหลิ่วหางหย่วนเจ้าของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส”
“อะไรนะ? เขาเป็นหลานชายคุณหลิ่วเหรอ?”
คุณนายหวังตกตะลึง คนที่ทำธุรกิจจะมีกี่คนเชียวที่ไม่รู้จักหลิ่วหย่วนหาง!
ยิ่งพูดถึงชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสแล้ว ก็รู้จักกันหมดทุกคนอยู่แล้ว!
ซูหลานยิ้มหน้าบาน “แหมลูกสาวแม่นี่โชคดีจริงๆ เย่เฉินล่มจมแล้ว แต่ก็ยังมีคนใหม่ แม่รู้เรื่องตระกูลหลิ่วนี้ดีจ้ะ ทรัพย์สมบัติของพวกเขามากกว่าร้อยล้านอยู่แล้ว เด็กโง่ ในเมื่อเขาชอบลูก ลูกก็เห็นด้วยกับเขาเถอะ ไม่ว่ายังไงเย่เฉินก็ไม่มีอนาคตแล้วล่ะ”
ตอนนี้หวังหยวนหยวนที่อยากจะทำให้หวังเจียเหยาและเย่เฉินหย่ากันให้ได้ จึงเริ่มพูดชมอีกฝ่าย
“สวรรค์ พี่เจียเหยาชักจะเก่งเกินไปแล้วล่ะมั้งคะ? ฉันฝันอยากจะแต่งเข้าตระกูลหลิ่วอยู่ตลอดเลย ถ้าพี่ไม่ยอมแต่งกับเขาก็แนะนำฉันให้เขาก็ได้นะคะ!”
หวังเจียเหยากลอกตาใส่หวังหยวนหยวน หล่อนไม่ยอมยกหลิ่วอวี่เจ๋อให้หวังหยวนหยวนหรอก
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวพร้อมส่งยิ้ม “พ่อหนุ่มชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อคนนั้นล่ะสิ? ได้ยินมาว่าหมอนั่นทั้งตัวสูงแล้วก็หล่อด้วย มีรสนิยม น้องเจียเหยานี่โชคดีจริงๆ แต่ว่าพี่ได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฟางเชา เขาเป็นคนที่ทะเลาะกับเย่เฉินล่ะมั้ง? ตอนนี้โดนเย่เฉินหักนิ้วยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนี่นา ฮ่าๆ”
คุณนายหวังเองก็ได้ยินเรื่องทะเลาะวิวาทของเย่เฉิน แต่ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์แน่ชัด
“เย่เฉินทะเลาะกับหลานชายของหลิ่วหย่วนหางเหรอ? แล้วเย่เฉินหักนิ้วเด็กนั่นด้วย?” คุณนายหวังถามด้วยใบหน้ากังวล
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ
คุณนายหวังกล่าวด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง “จากที่ฉันเข้าใจหลิ่วหย่วนหางไม่ใช่คนใจกว้างแน่นอน ถ้าหากเขารู้ว่าหลานตัวเองโดนหักนิ้ว จะต้องไม่ปล่อยเย่เฉินแน่ ไม่แน่ว่าพอถึงตอนนั้นอาจจะลากตระกูลหวังของเราไปซวยด้วย! ซูหลาน แกพูดถูก ตอนนี้เวลาเปลี่ยนแล้ว จะทำตามคำสั่งเสียของตาแก่ไม่ได้แล้ว เจียเหยาในเมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อชอบแก ส่วนเย่เฉินนั้นไม่รู้จักหนักเบา ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ก็อย่าหาว่าตระกูลหวังเราใจร้ายแล้วกัน ย่าเห็นด้วยที่แกจะหย่า!”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากคนเป็นคนย่า หวังเจียเหยาก็สามารถไปที่สำนักกิจการพลเรือนเพื่อทำเรื่องหย่ากับเย่เฉินได้ตลอดเวลา
หวังจื้อหย่วนกับซูหลานถอนหายใจ
แต่หวังหยวนหยวนกลับระบายยิ้มออกมา ในใจของหญิงสาวปิติยินดีอย่างยิ่ง “หึๆ นังหน้าโง่หวังเจียเหยา ในที่สุดก็หย่ากับเย่าเฉินจนได้ เย่เฉินกำลังจะกลายเป็นของฉันแล้ว!”
ตั้งแต่รู้ว่าเย่เฉินเป็นผู้บริหารแล้วรู้ว่าหล่อนถูกจับคู่กับเย่เฉินมาก่อน หวังหยวนหยวนก็เอาแต่จินตนาการว่าหากคนที่แต่งงานในตอนแรกนั้นคือพวกเขาสองคน ตอนนี้จะเป็นอย่างไร
หล่อนชื่นชอบความสวยงามของการพลัดพรากแบบนี้ และสาบานกับตัวเองว่าต้องเอาเย่เฉินมาครองให้ได้
คุณย่าเห็นด้วยกับการหย่าครั้งนี้ทำให้หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่ง แต่หล่อนกลับรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณย่าก่อนนี้หนูไล่ตามงอนง้อเย่เฉินอย่างยากลำบากเพื่อขอให้เขาคืนดีกับหนู ตอนนี้เขาเพิ่งมีเรื่อง จะให้หนูหย่ากับเขาก็พูดยากนะคะ”
หวังเจียเหยารู้สึกว่าเย่เฉินเพิ่งโดนขับออกจากตระกูล แล้วหล่อนก็จะหย่ากับเขาเรื่องนี้ทำให้หล่อนดูเป็นคนเห็นแก่เงินไร้น้ำใจอย่างเห็นได้ชัด
ซูหลานกล่าว “งั้นจะมีอะไร! ตัวเขาเองก็ไม่รู้จักสู้จะโทษคนอื่นได้ยังไง ถ้าลูกไม่กล้าพูดกับเขาแม่พูดเอง!”
คุณนายหวังโบกมือห้ามแล้วกล่าว “อย่านะ ในช่วงที่ผ่านมาเย่เฉินช่วยตระกูลหวังเรามาไม่น้อยแล้วยังให้เรามีธุรกิจได้ไม่น้อย และช่วยให้เราเลื่อนลำดับตระกูลขึ้นมา พวกเราเองไม่อยากจะทำร้ายเขารออีกเดือนหนึ่งแล้วค่อยขอหย่ากับเขาแล้วกัน!”