หลังจากที่คนในตระกูลหวังได้ยินก็ตื่นเต้น!
“ฮ่าๆ เย่เฉิน แกมันขยะ ตอนนี้กระทั่งบอดี้การ์ดก็เป็นไม่ได้! ต่อไปที่อวิ๋นโจวก็จะไม่มีโอกาสให้นายได้ลืมตาอ้าปากแน่นอน!”
หวังซ่าวเจี๋ยระเบิดเสียงหัวเราะ!
ถึงหวังเจียเหยาจะรู้สึกว่าเย่เฉินน่าสงสารทีเดียว แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย่อหยิ่ง แล้วลอบพูดในใจ
“ทั้งหมดนี้นายทำตัวเองทั้งนั้น! นายควรจะอดทนกับทุกสิ่งที่ฉันทำกับนาย!”
แต่เย่เฉินก็ยังคงเยือกเย็น แล้วเอ่ยถามฉินหงเหยียน
“คุณฉินครับ คำพูดของคุณเมื่อกี้เป็นจุดยืนของตัวคุณเองหรือของทั้งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป?”
ฉินหงเหยียนกอดอกแล้วกล่าว “ต้องเป็นจุดยืนของทั้งฉันและบริษัทอยู่แล้ว”
เย่เฉินถามต่อ “คุณเป็นรองผู้บริหารของหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่ใช่ประธานบริษัท แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรแสดงจุดยืนของทั้งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป”
ข้อสงสัยของเย่เฉินทำให้สีหน้าของฉินหงเหยียนย่ำแย่
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ศักยภาพของฉินหงเหยียน แต่ตำแหน่งของเจ้าตัวเองไม่ได้สูงที่สุดในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปดังนั้นตามหลักการแล้วไม่สามารถจะแสดงจุดยืนของทั้งบริษัทได้
นอกเสียจากว่าฉินหงเหยียนและประธานบริษัทจะมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น เช่นสามีภรรยา
ฉินหงเหยียนนิ่งไปเล็กน้อยแล้วกล่าว “เอาเถอะ เดิมทีฉันเองก็ไม่อยากจะพูด ในเมื่อวันนี้ทุกคนอยากจะให้ฉันพูดให้ชัดเจนล่ะก็ ฉันจะบอกทุกคนแล้วกัน
“…ที่จริงแล้วคุณเย่ที่เป็นประธานผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นคนรักของฉัน!”
พอเอ่ยออกมาแล้ว งานเลี้ยงก็วุ่นวายทันที!
“อะไรนะ? คุณเย่ที่ลึกลับคนนั้น เป็นแฟนของคุณฉินเหรอ? มิน่าล่ะ เขาถึงได้จู่ๆ มาที่อวิ๋นโจว!”
“คนที่จะคู่ควรกับคุณฉินต้องเป็นคนอย่างคุณเย่ที่เป็นท่านประธานถึงจะเหมาะสมกัน”
“ไอ้ลูกหมาเย่เฉิน พวกเขาเป็นแฟนกัน คู่รักน่ะนอนก็นอนด้วยกัน คำพูดของคุณฉินย่อมเป็นคำพูดของคุณเย่และเป็นของทั้งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอยู่แล้ว!”
“นั่นสิ ยังจะกล้าสงสัยความสามารถของคุณฉินอีก รนหาที่จริงๆ!”
“…”
ครั้งนี้กลายเป็นเย่เฉินที่นิ่งไป
คุณพระ เขาไปเป็นคนรักของฉินหงเหยียนตั้งแต่เมื่อไหร่?
คุณพูดว่าเราเป็นแฟนกันต่อหน้าผม ไม่รู้จักอายเลยหรือไง!
ตอนนี้คนที่ตื่นเต้นที่สุดคือคนตระกูลหวัง
หวังจื้อเฉียงพูดอย่างตื่นเต้น “คุณฉิน ที่แท้คุณเย่เป็นแฟนคุณนี่เอง ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้ พอได้ยินว่าเขาเป็นแฟนคุณพวกเราก็สบายใจ!”
หวังจื้อหย่วนเองก็ผสมโรงด้วย “จริงด้วย คุณฉิน เรื่องสัญญาน่ะฝากคุณคุยกับคุณเย่ด้วยนะ”
ตระกูลหวังเคยจ่ายเงินให้ฉินหงเหยียน ในเมื่อคุณเย่เป็นคนรักของฉินหงเหยียน ถ้าเช่นนั้นเรื่องร่วมลงทุนเจ็ดสิบล้านหยวนก็เป็นเรื่องแน่นอนแล้ว
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “แฟนของฉันเป็นคนตั้งใจทำงาน เขาแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจนและไม่ชอบมีความรักกับเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นหวังว่าทุกท่านจะช่วยฉันปิดเป็นความลับด้วย”
เย่เฉินอดยิ้มไม่ได้โม้เสร็จแล้วยังกลัวคนแพร่งพรายความลับถึงได้หาเหตุผลแบบนี้
พูดจบฉินหงเหยียนก็มองเย่เฉินแล้วถาม “นายยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
เย่เฉินไม่อยากจะแฉอีกฝ่ายจึงกลั้นยิ้มแล้วถาม “ได้ยินมาว่าคุณเย่ไม่เพียงแต่ร่ำรวยแต่ยังเป็นคนมากความสามารถแถมยังหล่อเหลา เก่งกาจทุกด้าน ถึงคุณฉินจะสวยแต่ก็คงจะไม่เข้าตาคุณเย่ล่ะมั้ง? ”
ฉินหงเหยียนแค่นเสียง “คนเก่งก็มักจะดึงดูดกัน! คุณเย่รักฉันตั้งแต่แรกพบ เขาเหมาเกาะแห่งหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ตกแต่งสถานที่เพื่อสารภาพรักกับฉัน ขอให้ฉันเป็นแฟนเขา!”
พวกผู้หญิงที่อยู่ในงานได้ยินแบบนี้ก็อิจฉาขึ้นมา
เย่เฉินเหม่อมองฉินหงเหยียน แล้วคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้แต่งเรื่องเก่งจริงๆ
เย่เฉินยิ้มพลางส่ายหัว “ในเมื่อคุณฉินสนิทสนมกับคุณเย่ขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
คุณนายหวังยิ้มและประสานมือ “ขอบคุณ ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียรติฉันคุณนายหวัง!”
หวังซ่าวเจี๋ยเดินมาหาเย่เฉินอย่างใจกล้าอีกครั้ง “ฮ่าๆ ไอ้ลูกหมา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายจะไม่มีที่ยืนในเมืองอวิ๋นโจวอีก เก็บผ้าผ่อนแล้วก็รีบไสหัวออกไปจากอวิ๋นโจวไปซะ ฮ่าๆ”
เย่เฉินไม่ได้สนใจหวังซ่าวเจี๋ย แต่มองหวังเจียเหยาแทน “ตอนนี้เราไปที่สำนักกิจการพลเรือนกันเถอะ”
“ไปก็ไปสิ!”
หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินถูกคนในสังคมร่วมกันแบนเขา คนผู้นี้จบเห่แล้ว หล่อนเองก็อยากจะตัดสัมพันธ์กับเขาเร็วๆ
“รอก่อน”
จู่ๆ คุณนายหวังก็เปิดปากเอ่ย เขาเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนในล็อบบี้โรงแรม เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสิบสองพอดี
คุณนายหวังกล่าวว่า “บ่ายโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปหย่า”
“ค่ะ” หวังเจียเหยารู้ว่าย่าของตนเองเป็นคนที่หัวโบราณ ตอนที่ควรจะต้องกินข้าวจะไปไหนไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบแปดสิบปีของหญิงชราจึงต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
หวังซ่าวเจี๋ยชี้ไปที่ประตูล็อบบี้ “เย่เฉิน นายไสหัวออกไปรอข้างนอก รอเจียเหยากินข้าวเสร็จแล้วจะไปที่สำนักกิจการพลเรือนกับนาย”
แต่ทว่าตอนนี้คุณนายหวังกลับเปิดปากเอ่ยอีกครั้ง “เย่เฉิน อยู่กินข้าวด้วยกันต่อสิ”
หวังซ่าวเจี๋ยพูดด้วยความตกใจ “คุณย่าครับ ทำไมต้องให้เขาอยู่ต่อด้วย เขาไม่คู่ควรจะกินอาหารในงานวันเกิดของย่านะครับ! ”
เย่เฉินเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
คุณนายหวังกล่าวว่า “ในเมื่อยังไม่ได้หย่า วินาทีนี้เขายังเป็นคนตระกูลหวังของเรา ในเมื่อยังเป็นสมาชิกในครอบครัวของเราอยู่ ฉันก็มีหน้าที่ที่จะต้องให้อาหารเขากิน!”